ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 343 ครั้งนี้จะบุกโจมตีเขายังไงดี?
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 343 ครั้งนี้จะบุกโจมตีเขายังไงดี?
“คุณชายมาร์ตินฆ่าจริงๆเหรอครับ เดี๋ยวท่านประธานจะถลกหนังผมนะครับ”
“……”
รู้จักแต่เรื่องก่อกรรมทำเข็ญจริงๆ
เส้นหมี่ทนมองต่อไปไม่ได้ หลบอยู่ในห้องเงียบๆ
เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ไม่งั้นเธอก็ต้องเคราะห์ร้ายไปด้วยแน่ๆ
ทว่าคนเรากลัวอะไรก็จะเจออันนั้น เธออยู่ภายในห้อง ไม่กล้าแม้แต่กลืนน้ำลาย ทว่าด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามา จากนั้นก็เกิดเสียง“ปัง”ประตูถูกถีบออก
“เอ่อ…”
“แม่ง!ยัยบ้าถูกขังที่นี่จริงๆด้วย? น้ำเข้าสมองเหรอ? ทำไมถึงกลับมาตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าไอ้นั่นมันบ้าเหรอ?”
มาร์ตินเป็นคนพังประตู จากนั้นก็เห็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องโดนขังอยู่ในห้องจริงๆ เขาจึงเอ่ยปากด่าชุดใหญ่
เส้นหมี่อ้าปากพะงาบๆ
ช่างเถอะ ให้เขาด่าเลยแล้วกัน อย่างไรเสียเธอก็ไม่เคยเถียงชนะเขาสักรอบ
ด่าแบบไม่ยั้งห้านาทีเต็มๆ จากนั้นเขาก็หยุด
“โอเค ไปกับฉัน ถือโอกาสตอนที่ไอ้ลูกหมายังไม่มา”
“ไป?” เส้นหมี่มองเขาด้วยความประหลาดใจ“ไปไหน?”
มาร์ตินรู้สึกเดือดดาลสุดแสน“ก็ไปจากที่นี่ไงล่ะหรือเธอให้อยู่ให้ไอ้โรคจิตขังไปตลอดชีวิต?ฉันจะบอกให้นะ ตอนนี้เขาจำอะไรไม่ได้ ไม่น่าวันหนึ่งโรคประสาทถามหาแล้วจะเอาเธอให้หมากินก็ได้”
เส้นหมี่“……”
เธออดกลั้น จากนั้นก็เอ่ยปากถาม“แล้วคุณรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
มาร์ติน“ลูกชายเธอบอกฉันเอง พวกเขาโทรมาบอกว่าเธอถูกแด๊ดดี๊พวกเขาจับตัวไป ฉันลองสืบดูเลยรู้ว่าเธอถูกขังอยู่ในโรงเลี้ยงหมา ไอ้นั่นมันเป็นโรคจิตชัดๆ”
พูดถึงมาร์ตินก็อยากด่าขึ้นมา
ทว่าเส้นหมี่ได้ยินว่าลูกๆทั้งสองคนเรียกเขามา ดวงตาก็สว่างเจิดจ้า
ตอนแรกเธอไม่คิดจะไปกับเขา
เพราะตอนนี้เธอถูกขังอยู่ตรงนี่ อย่างไรเสียก็ได้เจอหน้าผู้ชายคนนั้น ซึ่งเป็นผลดีสำหรับเธอ เธอสามารถเจรจากับเขาได้ทุกเมื่อ
ทว่ามารผจญกลับบอกว่าลูกๆไปขอความช่วยเหลือจากเขา
เส้นหมี่จึงเปลี่ยนใจ
จากนั้นก็หนีไปกับมาร์ติน
ตอนที่ข่าวส่งไปยังตึกหิรัญชากรุ๊ป แสนรักกำลังประชุมอยู่ ผู้ช่วยเครับรู้ก็พ่นน้ำชาใส่แป้นพิมพ์ทั้งหมด
“นายว่าอะไรนะ?ท่านประธานขังคุณนายที่โรงเลี้ยงสุนัข?”
“ไม่ ไม่ใช่ครับผู้ช่วยเค ไม่ใช่คุณนายครับ เป็นผู้หญิงตระกูลวชิรนันท์ สิ่งที่ผมรายงานไม่ใช่เธอถูกขังครับ แต่เป็นคุณชายมาร์ตินลักพาตัวเธอไปครับ”
คนเลี้ยงสุนัขที่ใจหายใจคว่ำอยู่ในโรงเลี้ยง ไม่ลืมแก้คำพูดของผู้ช่วยท่านประธาน
เคมีกลับมาให้เห็นหน้าในวิดีโอคอลอีกครั้ง
แต่เขาไม่ได้ร้อนรนอะไร หลังจากยอมรับในสิ่งที่ได้ยินแล้ว เขาก็เช็ดคราบน้ำชาบนแป้นพิมพ์ไปพลาง พูดเนิบๆปลอบใจอีกฝ่าย
“ถ้าคุณชายมาร์ตินพาตัวไปก็ไม่มีปัญหาอะไร นายไม่ต้องร้อนใจหรอก พวกเขาจะหนีไปได้สักกี่น้ำกัน?”
“แต่ว่า…”
“พอแล้ว ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง นายไม่ต้องกังวล” จากนั้นเขาก็วางสาย ไม่มีความร้อนรนใจเลยสักนิด
หากเป็นเมื่อก่อน บริษัทคงชุลมุนน่าดู เขาไม่มีทางมีกะจิตกะใจนั่งดื่มชาแบบลอยหน้าลอยตาหรอก?
ดังนั้น เรื่องนี้ที่จริงแล้วทะแม่งๆอย่างไรไม่รู้
——
เส้นหมี่มายังที่พักของมาร์ติน
“เธอรอก่อน ฉันจะไปรับตัวเด็กๆมา”
“ห้ะ?” เส้นหมี่รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน “คุณ…คุณจะไปรับลูกของฉัน? พวกเขาอยู่ไหน? คุณกับพวกเขานัดแล้วเหรอคะ?”
มาร์ตินยิ้มเย็น“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ ยัยบ๊อง”
จากนั้นเขาก็หมุนกายเดินออกไป
มาร์ตินรังเกียจเธอเสมอมา เรียกได้ว่านับจากวันแรกที่เจอกันก็ได้ เธอถูกตราหน้าว่า“ยัยโง่”จากปากเขา
เส้นหมี่จึงต้องรอที่บ้านอย่างเชื่อฟัง
สิ่งที่ทำให้เธอดีอกดีใจคือ ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็พาลูกชายมาหาเธอจริงๆ
“หม่ามี๊”
เด็กน้อยที่กระโดดลงจากรถได้เจอหน้าหม่ามี๊ในที่สุด ซึ่งก็ตื่นเต้นมีความสุขเช่นกัน พวกเขาร้องเรียกเสียงดังลั่น คล้ายกับนกนางแอ่นบินเข้ามาด้านใน
ดวงตาเส้นหมี่คลอเบ้า อ้าสองแขนแล้วกอดลูกชายทั้งสองไว้
“เบบี้ หม่ามี๊ได้เจอหน้าพวกลูกแล้ว ดีจังเลย ให้หม่ามี๊ดูหน่อย พวกลูกเป็นยังไงบ้าง?” เธอร่ำไห้ไร้เสียง กอดพวกเขาแน่นขนัด ก่อนจะทำความเป็นอยู่ของพวกเขา
คิวคิวกับชินจังเป็นเด็กรู้ความ ส่ายหน้าอยู่ในอ้อมกอดของหม่ามี๊ สื่อให้รู้ว่าพวกเขาไม่เป็นอะไร
ทว่าเส้นหมี่เชื่อเสียเมื่อไหร่?
เธอนึกถึงรูปถ่ายนั่นก็รีบปล่อยมือ จากนั้นก็จับแก้มคิวคิวแล้วมองสำรวจ“คิวคิวให้แม่ดูหน่อยว่าเจ็บตรงไหน”
คิวคิว“……”
ชินจังไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เพราะพวกเขาหลอกหม่ามี๊
“โอ้พระเจ้า ฟันของลูก? เธอตีลูกจนฟันหักเลยหรือ?” เส้นหมี่เห็นลูกชายของตนฟันหักไปสองซี่ เสียงพูดก็สั่นระริกกะทันหัน
ชินจังเม้มปาก
อยากหาโอกาสอธิบายให้หม่ามี๊ฟัง เวลานี้มาร์ตินที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินประโยคนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ