ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 347 ความจำเขาเสื่อมจริงหรือ?
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 347 ความจำเขาเสื่อมจริงหรือ?
“แสนรักมาแล้วเหรอ ดูเร็วสิ สองคนนี้ถีบแครอทจนเป็นแบบนี้ แสนรักรีบสั่งสอนพวกเขาเร็ว”
คุณนายน้อมสายตาว่องไว เห็นแสนรักมาก็รีบไปด้านข้างแครอท จากนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา
เส้นหมี่ได้ยินก็รีบหันหน้ากลับไปมอง
เมื่อพบว่าด้านหลังมีเขาอยู่จริงๆ เธอก็หน้าถอดสี
แย่แล้ว เขาต้องไม่ปล่อยเธอไปแน่
แสนรักเดินย่างสามขุมมา เห็นแครอทอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับ สายตาเขาก็เย็นเยียบ แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาจากร่างกาย
“พวกนายทำอะไร? กินอิ่มจนว่างมากใช่ไหมถึงได้มาทำร้ายคนแบบนี้” เขากวาดสายตามองไปยังมาร์ติน
มาร์ตินคือความที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ถือว่าเป็นจอมมารคนหนึ่ง ทว่าหนึ่งเดียวที่เขายำเกรงก็คือลูกพี่ลูกน้องคนนี้นี่เอง
เมื่อโดนตะคอกใส่ เพลิงโทสะของเขาก็ลดน้อยถอยลง
“ฉัน…ฉันก็ไม่อยากทำร้ายหรอก แต่เธอตบหน้ายัยบื่อก่อนไง” เขาพูดตะกุกตะกัก ดึงตัวเส้นหมี่มาด้านหลัง เพื่อจะได้เป็นเกราะกำบังให้เขา
เส้นหมี่ยืนนิ่ง ผู้ชายคนนี้ก็จ้องมาที่เธอ
เส้นหมี่“……”
มีเสี้ยววินาทีที่ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมผุดขึ้นกลางใจ เธอกุมมือตัวเอง จ้องผู้ชายด้วยน้ำตาคลอเบ้า
จากนั้น คล้ายกับเธอโดนสาดน้ำเย็น ผู้ชายคนนี้กวาดสายตามองเธอ
แต่เขากลับไม่ได้หยุดสายตาไว้ที่เธอ
เหมือนเขากำลังจ้องคนแปลกหน้าอย่างไรอย่างนั้น กวาดสายตามองผ่านเธอด้วยความเย็นชาระคนความรังเกียจ สายตากลับไปอยู่ที่ตัวแครอทอีกครั้ง
“ถ้าตีจนเธอโง่หรือพิการ นายรู้ว่าไหมถีบครั้งนี้ เส้นหมี่ต้องชดใช้คืนเท่าไหร่?”
“……”
อาจเป็นเพราะคำพูดนี้รุนแรงเกินไป ไร้ความเป็นมนุษย์เกินไป คนประเภทมาร์ตินได้ยินก็ยังจ้องผู้เป็นพี่ชายอยู่นาน
ไอ้หมาตัวนี้บ้าแล้วจริงๆหรือ?
ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา
“แสนรักนายรู้หรือเปล่า…”
“พอแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
เสียงผู้หญิงที่คล้ายกับสายลมสามารถพัดให้จางหายแทรกบทมาร์ติน
ใบหน้าขาวผุดผ่องของเส้นหมี่เกิดรอยนิ้วมือขึ้น เธอห้ามมาร์ตินไม่ได้โวยวายต่อ เตรียมจะออกไป
ทว่าเวลานี้ ไม่ใช่อยากออกไปก็ออกไปได้?
“ไป? ไปไหน? แสนรัก คุณทำอะไรอยู่? เธอจะไปแล้ว คุณไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ?”
เสียงแหลมคมสายหนึ่งดังขึ้น ซึ่งเจ้าของเสียงคือ แครอท
เธอยังกองอยู่บนพื้น เอามือบังท้องของตัวเอง ทว่าสายตากลับจ้องอยู่ที่ตัวแสนรัก ถามเขาที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
สีหน้าเส้นหมี่ซีดขาวอย่างร้ายกาจ
อยากจะพูดอะไรบางอย่าง เวลานี้คุณนายน้อมได้ยินเสียงบ่นของลูกสาวก็ได้สติกลับคืนมา
“ใช่ แสนรักทำไมทำตัวแบบนี้? ถึงจะเป็นเมียเก่า แต่วันนี้มาหาเรื่องแบบไม่แยกแยะผิดถูก ยังทำร้ายแครอทอีก นายจะไม่จัดการหน่อยเหรอ? ไม่ใช่ว่าอยากจะปกป้องมันหรอกนะ”
“คิดมากแล้ว ผมแค่กำลังคิหาวิธีจัดการเธออยู่ต่างหาก”
ผู้ชายคนนี้เอ่ยปากในที่สุด
ทว่าเสียงที่ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิดพูดเสร็จ พวกเส้นหมี่สองคนไม่เพียงไร้ความหวัง ทางกลับกัน ยังเหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็นอีกด้วย
ทันใดนั้นเย็นจี๊ดไปถึงทรวง
“ไอ้ห่า” มาร์ตินก็แอบด่าเงียบๆ
ส่วนคนตระกูลลัดดาวัลย์ได้ยินก็ดีใจมาก โดยเฉพาะคุณนายน้อม เธอได้ยินว่าแสนรักจะจัดการเส้นหมี่อย่างไม่ลังเล
จึงรีบออกไอเดียให้ทันที
“มันก็ไม่ยากหรอก เมื่อกี้เธออยากให้แครอทเกลี้ยกล่อมนายให้มอบลูกให้เธอ เมื่อเป็นแบบนี้ นายก็ส่งเธอเข้าคุกเลย แบบนี้จะปลอดภัยกว่า”
“อืม ฉันก็คิดว่าเข้าท่าดี แสนรัก ในเมื่อเธอมีความคิดแบบนี้ งั้นก็ป้องกันหน่อยก็ดี เผื่อไม่ระวังเธอจะแย่งตัวเด็กๆไป”
คิดไม่ถึงว่า ศาสตราจารย์ผู้มีชื่อเสียงของตระกูลลัดดาวัลย์จะคล้อยตามด้วย
เส้นหมี่รู้สึกโกรธขึ้งยิ่ง เปล่งเสียงยิ้มเย็นออกมา
ส่วนมาร์ตินได้ยินก็ฉุนเฉียว
“บ้าเปล่า? ลูกเขา จะเรียกว่าแย่งไปได้ยังไง? เป็นถึงศาสตราจารย์ แต่พูดได้แค่เนี่ย”
“นาย…”
“พอแล้ว เรื่องนี้ผมจัดการเอง พวกคุณไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว”
แสนรักไม่อาจทานทน ตะคอกเสียงใส่คนกลุ่มนี้
จากนั้นก็เห็นบอดี้การ์ดตระกูลหิรัญชานำตัวเส้นหมี่กับมาร์ตินไป
“แล้วคุณจะจัดการเธอยังไง”
แครอทเห็นก็เข้าไปถาม อยากรู้ว่าผู้ชายจะจัดการผู้หญิงคนนี้ยังไง?
ทว่าแสนรักกลับมองราบเรียบเธอปราดหนึ่ง“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ผมจัดการเอง คุณบาดเจ็บ ให้คุณลุง คุณน้าพาคุณไปตรวจดูเถอะ”
จากนั้นเขาก็ยกเท้าเดินออกไป
แครอท“……”
เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก
ถึงแม้กำลังเป็นห่วงเป็นใยเธอ ทั้งยังรับรองกับเธอว่าจะจัดการ
ทว่าไม่รู้เพราะอะไร เธอถึงรู้สึกว่ากำลังตบตาเธอ เพราะแววตาเขาจืดชืดเกินไป จืดจนคิดว่าเขาแค่มาพาตัวผู้หญิงคนนั้นกลับไปเท่านั้น