ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 392 อย่าพูดถึงหล่อนให้ฉันได้ยินอีก
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 392 อย่าพูดถึงหล่อนให้ฉันได้ยินอีก!
เดิมทีหล่อนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น หล่อนยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าถูกชามน้ำเย็นเทตั้งแต่หัวลงมาเย็นชาเข้าไปถึงกระดูก และราวกับว่าถูกมีดแหลมแทงเข้าไปในหัวใจของอย่างแรง
แม้แต่หายใจก็ยังเจ็บปวด
“คุณผู้หญิงคะ คุณยังต้องการของชิ้นนี้อยู่ไหมคะ”
“…ไม่เอาแล้วค่ะ ”
เธอตอบอย่างงุนงง แล้วลากขาทั้งสองของเธอออกจากที่นี่อย่างขวัญหนีดีฝ่อ
เส้นหมี่ไม่รู้ว่าเธอกลับถึงบ้านได้อย่างไร เธอจำได้แค่ว่าหลังจากที่เธอกลับมา เธอขังตัวเองอยู่ในห้องจนมืดและไม่ออกมาอีก
ปอร์เช่รับรินจัง กลับบ้านมาด้วยกัน
“หม่ามี๊ของเธออยู่ไหน? ยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” วันนี้ปอร์เช่ซื้ออาหารมาเยอะแยะ ซึ่งเป็นของที่สองแม่ลูกชอบกินทุกอย่าง
รินจังเดินลงมา และเดินไปที่ห้องด้วยขาที่อวบอ้วนเพื่อหาหม่ามี๊
“หม่ามี๊คะ หม่ามี๊อยู่ข้างในรึเปล่า? ลูกสาวที่รักของหม่ามี๊กลับมาแล้วนะ วันนี้คุณลุงซื้ออาหารอร่อยๆมาเยอะเลยค่ะ หม่ามี๊รีบออกมาเร็ว” เธอตบประตูเรียกหม่ามี๊ด้วยน้ำเสียงอู้อี้อยู่ด้านนอก
น่าเสียดายที่ในห้องไม่มีความเคลื่อนไหวเลย
ปอร์เช่ที่อยู่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียง จึงรีบขึ้นมาอุ้มยัยเกี๊ยวตัวน้อย “พอแล้ว หม่ามี๊อาจจะยังยุ่ง ยังไม่กลับมา ลงไปข้างล่างกับลุงของก่อนนะ แล้วลุงจะทำของอร่อยให้กิน”
“ก็ได้ค่ะ”
เด็กน้อยทำได้เพียงแต่ทำปากบึนแล้วลงไปกับลุง
แต่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าในขณะที่พวกเขากำลังจะลงไป ประตูก็เปิดออก เส้นหมี่ซึ่งอยู่ในห้องนั้นมาทั้งวันก็เดินออกมา
“คุณลุงคะ งั้นวันนี้หม่ามี๊จะกลับมาทานข้าวเย็นไหมคะ?คุณลุงซื้อปูตัวใหญ่ของโปรดของหม่ามี๊มานิคะ”
“ก็… ถ้าหม่ามี๊ไม่กลับมา พวกเราก็เอาปูตัวใหญ่นี่ใส่ตู้เย็นก่อน โอเคไหม? รอหม่ามี๊กลับมากิน”
“ดีค่ะ ดีค่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยปรบมืออย่างพอใจ
ปอร์เช่ก็หัวเราะเช่นกัน จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก้มศีรษะลงและหยิบของใช้ที่เขาซื้อมา
“รินจัง ถ้าคืนนี้หม่ามี๊ไม่กลับมาก่อนพวกเราจะเข้านอน งั้นพรุ่งนี้หนูบอกหม่ามี๊ว่าของพวกนี้ลุงซื้อมาให้ส่งจากประเทศเคลียร์ผ่านทางไปรษณีย์ โอเคไหม?”
เขาหยิบครีมอาบน้ำเด็ก ยาสีฟันฯลฯ แล้วเขย่าต่อหน้าเด็ก
เส้นหมี่ซื้อของเหล่านี้มาจากประเทศเคลียร์ตลอด เด็กคนนี้มีผิวบอบบางตั้งแต่เด็กจนโตจึงใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่จำหน่ายทั่วไปไม่ได้
จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซื้อจากโรงพยาบาลเคลียร์
แต่ทำไมเขาซื้อจำนวนมากในครั้งเดียว? สามเดือน นานขนาดนั้นเลยเหรอ เขารอให้ใช้หมดก่อนแล้วค่อยสั่งใหม่ไม่ได้เหรอ?
เส้นหมี่ยืนอยู่ระเบียงทางเดินและมองลงมา
แต่กลับพบว่าน้องชายที่อยู่ชั้นล่างนั้นหลังจากที่เขาบอกสิ่งต่างๆกับเด็กหญิงแล้ว จู่ๆก็หยิบกระเป๋าเงินของเขาออกมา
“แล้วก็อันนี้ ฝากเก็บไว้แทนลุงหน่อยได้มั้ยคะ”
“นี่คืออะไรคะ?” รินจังที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรเลยเอื้อมมือไปหยิบบัตรสองสามใบจากคุณลุง
แววตาของเส้นหมี่ที่ยืนอยู่ชั้นบนก็หรี่ลงทันที
นั้นคือสิ่งที่หล่อนให้แก่เขาทั้งหมดตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา พวกเขาสองพี่น้องพักพิงอยู่ที่นี่ เนื่องจากหล่อนยุ่งกับงาน งานบ้านทั้งหมดจึงตกอยู่กับน้องชายคนนี้
หล่อนจึงให้บัตรเหล่านี้แก่เขา
ถึงเงินจะไม่มากนัก แต่เป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานในแต่ละเดือนของครอบครัว
เส้นหมี่ดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง และทันใดนั้นหล่อนที่ยืนอยู่ที่นั่นก็เริ่มตัวสั่นเล็กน้อย
“นี่คือของที่หม่ามี๊ของหนูมอบให้ลุง คืนนี้ลุงอยากเล่นเกมกับรินจังมาดูกันว่ารินจังจะช่วยเก็บรักษาของที่ลุงให้ได้รึเปล่า? รอพรุ่งนี้เช้าลุงกลับมาหนูค่อยเอาให้ลุงโอเคไหม”
“ได้ค่ะ !”
มือเล็กๆอ้วนๆของเด็กไร้เดียงสากอดบัตรไว้ที่หน้าอกน้อยๆทันที เหมือนได้รับอะไรบางอย่าง
ดวงตาของปอร์เช่เริ่มแดง
เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะอดทนกับอาการแสบจมูกของเขา และหลังจากที่เขาบีบจมูกสีชมพูน่ารักของเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ เขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในครัว
เส้นหมี่ที่ยืนอยู่ชั้นบนเห็นแบบนั้น หล่อนก็ร้องไห้ออกมาทันที หล่อนรีบเข้าไปในห้องอีกครั้ง
จากนั้นก็มีน้ำเสียงอู้อี้ และประตูก็ปิดแน่นอีกครั้ง
หล่อนไม่เคยรู้เลยว่าเขาอยู่เคียงข้างหล่อนมาโดยตลอด
หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถนนสายนี้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เขาเติมเต็มหล่อนและปล่อยตัวเองไป…
——
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดวันเกิดของนายน้อยสองคนของตระกูลหิรัญชาก็มาถึง
“แสนรัก คุณจะจัดงานวันเกิดของเด็กสองคนนี้ที่ไหน? ปีนี้เป็นวันเกิดปีแรกของอิคคิวที่กลับมาหาตระกูลหิรัญชาของเรา ดังนั้นมันต้องยิ่งใหญ่หน่อย”
เพราะเรื่องนี้ คุณท่านจึงมาที่เรือนรองด้วยตนเอง
แสนรักกำลังสวมเสื้อโค้ทและวางแผนที่จะไปที่บริษัท เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงพยักหน้าเบาๆ: “โอเค คุณจัดการเถอะ”
คุณท่านเผยสีหน้าที่มีความสุขทันที
“โอเค งั้นไปจัดที่โรงแรมกันเถอะ โทรหาสมาชิกทุกคนในตระกูลหิรัญชาของเรา ให้พวกเขาได้มาทำความรู้จักอิคคิวอย่างเป็นทางการ แล้วฝ่ายแม่ของเขาหล่ะ…”
“ไม่จำเป็น!”
คาดไม่ถึงว่า ทันทีที่คุณท่านพูดประโยคนั้นเขาพูดตัดบทอย่างเย็นชา
สีหน้าของคุณท่านก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน: “ไม่จำเป็นงั้นเหรอ ถ้ามีคนมาถามหาแม่ของเด็กหล่ะ”
“แครอทก็อยู่ไม่ใช่เหรอ?ท่านแค่ให้ทั้งครอบครัวของพวกเขาร่วมงานด้วยก็คงพอแล้ว ตอนนี้ผมหมั้นกับหล่อนแล้ว ในอนาคตหล่อนก็จะเป็นแม่ของลูก ท่านอย่าก่อเรื่องดีกว่า”
ทันใดนั้นเขาก็หมดความอดทน และแม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาลงกว่าเดิมมาก