ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 412 พลอดรักท่ามกลางฝูงชนเหรอ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 412 พลอดรักท่ามกลางฝูงชนเหรอ?
เส้นหมี่หรือจะกล้าไม่เชื่อฟัง?
ขณะนี้ เธอได้แต่กล่าวขออภัยกับหญิงสาวชาวต่างชาติ หลังจากนั้นก็รีบไปอยู่ข้างๆชายหนุ่ม
“เธอบอกว่าสักพักประชุมต้องใช้เอกสาร”
“เอกสารอะไร? คนที่สามารถมาเข้าประชุมที่นี่ได้ ยังต้องไปรับเอกสาร? สมองคุณคิดอะไรอยู่? คนไร้สมอง คุณก็เหมือนกันเหรอ?” ชายผู้นี้ ช่างชอบหยาดหยามนัก
เส้นหมี่ไม่พูดอะไรออกมา จึงเดินตามเขาเข้าไปในห้องประชุมแต่โดยดี
สิ่งที่มองเห็นนั้น เมื่อหลังจากที่เดินเข้าไป สิ่งที่เห็นเบื้องหน้านั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอ
ความจริงแล้ว เธอก็อยู่ในแวดวงของนักธุรกิจ เวลาที่ออกไปเจรจาธุรกิจ ก็เจอสถานที่ต่างๆมาไม่น้อย แต่สถานที่ประชุมในวันนี้ สร้างความน่าทึ่งให้กับเธอยิ่งนัก
“พวกคุณนี่….นี่คือการประชุมสุดยอดธุรกิจเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“อ๋อ ฉันนึกว่าคือการพบปะบุคคลสำคัญระดับนานาชาติ”เส้นหมี่แลบลิ้นออกมา หลังจากนั้นก็หาที่นั่งของเลขาฯที่อยู่ด้านหลังของชายหนุ่มแล้วนั่งลง
แสนรักเหลือบมองเล็กน้อย
แต่ไม่นาน คนอื่นๆก็ตามเข้ามา แล้วพวกเขาก็ดึงเก้าอี้ออกมานั่งลงเช่นกัน
หลังจากนั้นไม่กี่นาที นักธุรกิจจากประเทศต่างๆก็ทยอยมาถึง เส้นหมี่หยิบสมุดเปล่าขึ้นมาหนึ่งเล่ม ทันใดมองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งมาจากด้านหน้า
“หน้าที่ของคุณคือจดสิ่งที่บุคคลเหล่านี้พูดก็พอแล้ว”
“หืม?”เส้นหมี่เงยหน้าขึ้นมา “ทำไมเหรอ พวกเขา….มีความพิเศษอะไรเหรอ”
แสนรักมองมาที่เธอแวบหนึ่ง “เปล่าหรอก ธุรกิจของพวกเขา เป็นจำพวกพลาสติก ในประเทศของเรามีเต็มตลาดแล้ว ถ้าคุณอยากจะรอดพ้นขึ้นมา จะต้องทำอะไรที่แปลกใหม่ขึ้นมา ไม่งั้น ถ้าคุณทำอะไรแบบเดิมซ้ำๆ ก็ถีบตัวเองขึ้นมาไม่รอดอยู่ดี”
เส้นหมี่:“……”
จึงได้แต่ตาปริบๆจ้องหน้าชายหนุ่ม เนิ่นนาน เธอพูดไม่ออกสักคำ
เธอคืออัจฉริยะทางการเงิน
แต่ว่า ธุรกิจธรรมดา เธอก็ทำไม่ได้ ไม่เคยทำ ไม่มีทักษะ
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะเตรียมตัวฟื้นฟูตระกูลวชิรนันท์ แต่ความจริงแล้ว แผนการของเธอก็ยังไม่ชัดเจน นอกจากเดินตามทางเดิมของคุณพ่อ เธอก็ยังคิดแผนการที่ดีไม่ออกมา
แต่ว่า ตอนนี้ชายหนุ่ม พาเธอมายังสถานที่ที่คนธรรมดาเข้าไม่ถึง
หลังจากนั้น บอกเธอว่า หากอยากประสบความสำเร็จ ก็เริ่มลงมือจากสุดยอดเหล่านักธุรกิจจากทั่วโลก เรียนรู้เอกลักษณ์และทัศนคติต่างๆที่พวกเขามี
เส้นหม่ีรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา
แต่ไม่อยากให้เขารู้ จึงรีบก้มหน้าลง ทำเป็นอ่านข้อมูลในกระดาษ ในขณะเดียวกัน มือก็ถือปากกาไว้
การประชุมได้เริ่มขึ้นแล้ว
แต่แล้ว ทั้งเส้นหมี่และแสนรักต่างก็คิดไม่ถึงคือ ผู้นำธุรกิจคนสุดท้ายที่มาจากโตเกียว กลับเป็นคนที่พวกเรารู้จักเป็นอย่างดี
“คณาธิป? ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่”
เส้นหมี่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ คณาธิปที่อยู่ในชุดสูทอย่างเป็นทางการ จึงมองมาทางนี้ และอีกครั้ง ดวงตาสีอ่อนที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นนั้น มองมาอย่างชัดเจนพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มมา
เส้นหมี่นิ่งไปสักพัก
เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอรู้สึกเหมือนอุณหภูมิลดลงอย่างเฉียบพลัน เมื่อสายตาของเธอถูกแผ่นหลังของชายหนุ่มบังเอาไว้ เธอจึงได้สติขึ้นมา
“แสนรัก คุณ….อย่าพึ่งโมโห ฉันแค่แปลกใจมากที่เห็นเขา”
เมื่อเธอออกจากภวังค์ จึงรีบกล่าวขอโทษชายหนุ่ม
เธอรู้ว่าเขากำลังโมโห เมื่อก่อนเขาแค่มองเห็นเขาก็โมโหขึ้นมาแล้ว บรรยากาศตอนนี้ช่างเยือกเย็น ไม่โมโหสิแปลก
แสนรักไม่พูดอะไรออกมา
คงเป็นเพราะ เพราะว่าอยู่ในที่ประชุม
เส้นหมี่มองเห็นแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตั้งใจฟังการประชุม แต่ความจริงแล้ว เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่างหาก เวลาหลังจากนั้น เธอตั้งใจฟังการสรรค์สร้างธุรกิจของเหล่านักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่
หลังจากนั้นสองชั่วโมง การประชุมก็จบลง
รู้สึกได้ถึงการยืนขึ้นทันทีของแสนรัก
“แป๊บหนึ่ง ฉันยังจดไม่เสร็จ รอฉันคัดกรองส่วนนี้จดลงไปก่อน” เส้นหมี่ไม่ได้แม้เงยหน้าขึ้นมา รู้สึกเพียงการยืนขึ้นของเขา จึงรีบเอ่ยปากให้เขารอสักครู่
แสนรักจึงนิ่งไปสักพัก
มีแค่ตอนนี้แหละ ที่เขาเห็นหญิงสาวจดด้วยความเร็วสูง สมุดหนึ่งเล่มถูกใช้เกือบหมดแล้ว
การประชุมเพียงแค่สองชั่วโมง เธอจดได้เยอะขนาดนี้ เธอจะมีทักษะอะไรไปทำอย่างอื่นอีก?
เวลานี้ใบหน้าหล่อของชายหนุ่มไม่ได้อารมณ์เสีย เขานั่งลงอีกครั้ง แล้วหยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมา ขายาวไขว่ห้างขึ้น รอเธออย่างใจเย็น
เส้นหมี่ขยับปากกาจดด้วยความเร็วสูง
น่าเสียดาย ความสงบของทั้งสองที่หาได้ยาก กลับถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
“เนตรดาว คุณจริงๆด้วย”
เสียงนั้นแฝงไปด้วยตื่นเต้นดีใจ น้ำเสียงอันอบอุ่น แต่ก็ยากจะหยั่งลึกในน้ำเสียงอันอบอุ่นเหมือนสายน้ำนั้น หลังจากเขาส่งเสียงมาหาทั้งสองคน ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
เส้นหมี่ที่กำลังจดอย่างขะมักเขม้น เมื่อมองเห็นคนคนนี้ ก็ต้องหยุดลงอย่างเสียไม่ได้
คณาธิป ในที่สุดเขาก็เดินมาจนได้
เส้นหมี่มองไปที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าแวบหนึ่ง หลังจากนั้นสีหน้าของใบหน้าอันหล่อเหลาก็เคร่งขรึมลง อารมณ์ของเธอก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นไม่ดีแล้วสิ