ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 486 คุณแน่ใจเหรอว่ายังจะปกป้องเขาต่อ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 486 คุณแน่ใจเหรอว่ายังจะปกป้องเขาต่อ?
เดินตามคนคนนี้เข้าไปตามทาง คิดไม่ถึงว่า ยังคงเป็นตำแหน่งนั้นในเมื่อปีที่แล้ว
แต่ในที่สุดเส้นหมี่ก็ได้พบตาแก่คนนี้ พบว่า ห้องที่เขาพักอยู่นี้ ยังเหมือนกับในตอนนั้น ในขณะนี้ ก็กำลังต้มชาอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
“คุณมาแล้วเหรอ ดื่มชาหน่อยไหม”
“……”
ความโมโหในอกของเส้นหมี่กำลังเดือดดาล แม้แต่บริเวณใต้ตาก็ยังแดงเข้มขึ้นมาอย่างมาก
ทำไมเขาถึงได้ดูสบายอารมณ์ขนาดนี้?
หรือว่า เขาทำร้ายลูกชายของตัวเองรุนแรงขนาดนั้น ไม่รู้สึกเป็นห่วงอะไรเลยเหรอ? เขาเปลี่ยนเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“นั่งสิ พึ่งจะต้มชา เป็นชาตันฉงจากบ้านเกิดของพวกคุณ คุณน่าจะชอบ”
ธนากรไม่ได้ใส่ใจในสีหน้าของเด็กคนนี้นัก หลังจากที่เขาเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ยังมีกะจิตกะใจเชิญดื่มชาอีกครั้ง
เส้นหมี่ได้ยิน ในที่สุดจึงเปล่งเสียงออกมา “ฉันไม่ได้มาดื่มชาค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อชี้แจงเรื่องเรื่องหนึ่งกับคุณ!”
เธอขวานผ่าซากออกไป
ชี้แจง?
คุณท่านมองมาที่เธอแวบหนึ่ง
พบว่า เด็กคนนี้บนใบหน้าเต็มใบด้วยความไม่พอใจ ไม่เพียงแค่เท่านั้น ใบหน้าเรียวนั้นแสนเยือกเย็น คงจะยังไม่เคยเจ็บใจและผิดหวังมาก่อนสินะ
เจ็บใจ?
ผิดหวัง?
เธอยังเป็นเพียงเด็กน้อย แต่กล้าแสดงสีหน้าแบบนี้กับเขา?
คุณท่านส่ายหน้าไปมา หลังจากนั้น ยกน้ำชาที่พึ่งต้มเสร็จมาด้านหน้า มารินให้เธอหนึ่งแก้วด้วยตัวเอง
“ดี คุณพูดมาสิ คุณจะชี้แจงเรื่องอะไรกับผมล่ะ”
“ก็เรื่องที่ฉันกับลูกสาวของคุณแอบเข้าไปในศาลเจ้า เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับแสนรักแม้แต่น้อย ตั้งแต่หัวจรดท้ายเขาไม่รู้เรื่องเลยว่าพวกเราทำอะไร!”
เส้นหมี่เดินไปด้านหน้าของเขา แล้วอธิบายให้เขาฟัง
คุณท่านได้ฟังแล้ว ก็ยิ้มออกมา:“งั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันสาบานกับคุณได้ ถ้าเขารู้เรื่องล่ะก็ งั้นขอให้ฉันออกจากบ้านแล้วโดนรถชนตาย!”
เธอรีบร้อน เพื่อให้เขาคนนั้นพ้นจากความผิด แม้แต่คำพูดร้ายแรงแบบนี้ก็พูดออกมา
ในที่สุดคุณท่านจึงขมวดคิ้ว
ดูเหมือนว่า ไม่ชอบคำพูดเลือดเย็นแบบนี้ของเธออย่างมาก
“คุณอย่าพึ่งรีบร้อนพูดคำพูดที่ร้ายแรงแบบนี้ออกมา เขาต้องรู้เรื่องอยู่แล้ว ไม่งั้น คุณคิดว่าหนังสือเปลี่ยนแปลงอำนาจผู้ถือหุ้นตั้งกี่เล่มของสมเดชจะอยู่ที่คุณนานขนาดนั้นเหรอ”
“คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ผมพูดว่า วิธีการเหล่านั้นของคุณ ยังปกปิดเขาไม่มิด ยังมี หนึ่งร้อยพันล้าน อีริคเพียงคนเดียว คุณคิดว่าแค่เพียงเวลาสั้นๆเขาจะสามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ”
เขายกแก้วชาขึ้นมา เตือนเธอออกมาอย่างเย็นชา
เส้นหมี่นิ่งอึ้งไป
เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน
ตอนนั้น หลังจากที่สมเดชยัดหนังสืออำนาจผู้ถือหุ้นให้กับเธอ หลังจากนั้นแสงดาวก็มาหาเธอที่บ้านโดยเร็ว เธอไม่ได้มีกะจิตกะใจจะคิดให้รอบคอบถึงเรื่องนี้
เธอนั้นเต็มอกเต็มใจ ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติชิ้นนี้แทนเขา เธอไม่อยากให้สิ่งที่เขาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ถูกคนอื่นแย่งไป คงไม่มีเวลาว่างไปคิดถึงเรื่องเหล่านั้นหรอก?
งั้นคำพูดของเขาในตอนนี้…..หมายความว่าอย่างไร?
หรือว่า แสนรักจะรู้เรื่องจริงๆ?
เพียงแต่ว่าเป็นเธอเองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยตั้งแต่แรก?
เส้นหมี่ไม่กล้าคิดต่อไปอีกแล้ว ใบหน้าเล็กเพียงฝ่ามือ ยิ่งซีดขาวขึ้นมา
ธนากรได้เห็นแล้ว จึงยิ้มออกมาเบาๆ :“นึกออกแล้วสิ ความจริงแล้วสมองอย่างคุณ น่าจะรู้ได้ไม่ยาก ตอนคุณถูกผมจับได้ที่ศาลเจ้า เขาก็มาที่นี่ทันที งั้นแบบนี้แสดงถึงอะไรล่ะ”
“……”
ไม่มีเสียงใด
เส้นหมี่ยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกเพียงว่าความเย็นที่ปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าและดินกำลังปกคลุมศีรษะของเธอ หลังจากนั้น
ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง
ไม่ ไม่ใช่แบบนี้!
เขาไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่อย่างแน่นอน!!
ในที่สุดเธอก็สูญเสียการควบคุม พุ่งเข้ามาตบลงหนึ่งฉาดบนโต๊ะน้ำชาของเขา:“แบบนั้นแล้วไง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้เรื่องแล้ว แต่เชื่อว่าเขาไม่มีทางเข้าไปแย่งของที่เขาไม่ต้องการ”
“ไม่มีทาง? งั้นสิ่งที่เขาทำตอนนี้คืออะไรเหรอ”
“เพราะว่าฉัน!”
ในที่สุดเส้นหมี่ที่เหมือนอยู่ในลมพายุก็สามารถจับทิศทางได้แล้ว:“ไม่ผิดหรอก เพราะว่าฉัน เพราะว่าฉันไม่อยากให้เขาปล่อยวาง ฉันอยากปกป้องเขา ดังนั้นเขาจึงช่วยส่งเสริมฉัน”
ธนากร:“……”
เพียงแค่ประโยคเดียว เขานั่งเด็กน้อยที่พูดออกมาจนเสียงแหบเสียงแห้งคนนี้อย่างงงๆ พูดอะไรไม่ออกอีก
เธอเข้าใจไอ้เด็กบ้าคนนั้นจริงๆ
แต่ไอ้เวรตะไลนี่ ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ได้มีหญิงสาวที่ทำเพื่อเขาอย่างหมดใจแบบนี้ตลอดชีวิต
คุณท่านเงียบสงบลง
สักพัก เขาวางแก้วชาลง มุมปากแก่ๆนั้นยิ้มออกมาเบาๆ เขานั่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเป็นภาพจินตนาการของเส้นหมี่หรือเปล่า มองเห็นดวงตาแก่ที่ขุ่นมัว เหมือนราวกับว่าสบายๆปล่อยวางทุกอย่างแล้ว
“คุณแน่ใจเหรอว่าจะปกป้องเขา คุณทำเพื่อเขาได้ทุ่มเทลงไปหมดทุกอย่างขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นอีกครั้ง คุณจะไม่เสียใจภายหลังเหรอ”
“……สิ่งที่ฉันกำลังคุยกับคุณตอนนี้ ไม่ใช่ปัญหานี้”
เส้นหมี่ที่ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ รู้สึกรับไม่ได้ที่ทันใดก็เปลี่ยนเรื่องไป ความโกรธของเธอยังไม่ทันสลายไป ทุกคำที่พูดออกมาจึงดูแหลมคม
นึกไม่ถึงว่า หลังจากตาแก่คนนี้เจอเธอแล้วไม่แม้แต่จะตอบคำถาม แล้วหยิบของบางอย่างจากด้านข้างมาวางบนลงโต๊ะ
“……”
“นี่เป็นของที่คุณอยากได้ ถ้าคิดดีแล้ว ก็หยิบไปซะตอนนี้ แต่ก่อนที่คุณจะหยิบไป ผมอยากให้คุณคิดพิจารณาให้ดีก่อน ว่าควรทำอย่างนั้นหรือเปล่า”
เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กลับพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาอย่างสงบ