ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 493 เขาไม่รู้จริงๆว่าเธออยู่ที่ไหน
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 493 เขาไม่รู้จริงๆว่าเธออยู่ที่ไหน
ทีละคำทีละคำที่ชายหนุ่มกัดฟันพูดออกมา วินาทีนี้ นัยน์ตาของเขาแดงฉานเหมือนจะระเบิดออกมา เหมือนสัตว์ประหลาดที่กำลังโมโหอย่างขีดสุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าคณาธิปทำไม่ได้อย่างที่เขาบอก งั้นสิ่งต่อไปที่จะถูกปืนยิงกระจายคงจะเป็นเขาแน่นอน!
แต่ว่า เขาต้องการคือใครกันแน่?
คณาธิปที่สมองเต็มไปด้วยความมืดมนทั้งกลัวทั้งโมโห
แต่ไม่นาน เขาจึงคิดขึ้นมาได้
ใช่สิ บนโลกใบนี้ นอกจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เขาบ้าคลั่งขนาดนี้?
แม้แต่หิรัญชากรุ๊ปเขายังไม่เอาแล้ว แต่ว่าผู้หญิงคนนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำให้เขาขาดสติ จากตึกเอ็มไพร์ แล้วไปยังเกาะเดรก แล้วไปยังแอลเอ
เรื่องที่เขาทำในครั้งนั้น ไม่ใช่บ้าคลั่งเหรอ !
ในที่สุดคณาธิปก็เข้าใจ ทันใด เขาเหมือนมีน้ำหนึ่งกะละมังราดลงมา หนาวเย็นไปทั้งร่างกาย
“ผม……ผมไม่รู้จริงๆว่าเธออยู่ที่ไหน ผมไม่รู้ว่าเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“แกร๊ก——”
ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขา ตอบกลับเขา มีเพียงเสียงเดาะสนับกระสุนของปืนกระบอกนั้น
คณาธิปเห็นดังนั้น จึงรีบตะโกนออกมา:“โอเค ผมรับปาก ผมจะไปตามหาเธอทันที แสนรัก คุณไม่อยากให้เธอเกิดเรื่องขึ้น ผมยิ่งไม่อยาก ตั้งแต่เล็กเธอคือคนที่ผมวางไว้เป็นที่หนึ่งในดวงใจ ผมเป็นคนที่ไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรยิ่งกว่าใคร”
ประโยคสุดท้ายนี้ ในที่สุดก็ใช้ได้ผล
นิ้วมือของแสนรักที่เตรียมง้างยิงจึงหยุดลง แต่ตอนนี้ ระยะกระสุนที่เตรียมพุ่งออกมาจากปากกระบอกนั้น ก็ไม่เกินกี่มิลลิเมตรแล้ว
เขาไม่รู้เหรอ?
ความจริงแล้วก็อาจจะเป็นไปได้ สีหน้าของเขา ไม่เหมือนกำลังโกหก
ยังมี อย่างที่เขาพูด เขาก็อยากจะครอบครองหญิงสาวอย่างมาก แต่ว่า เขาก็ไม่ได้อยากเห็นเธอตาย
สุดท้ายแล้วแสนรักจึงวางกระบอกปืนลง:“โอเค งั้นผมจะให้โอกาสคุณหนึ่งครั้ง ถ้าก่อนฟ้ามืด ผมยังไม่ได้เจอเธอ งั้นคุณ ยังมีซาจากรุ๊ปที่อยู่เบื้องหลังของคุณ ต้องตอบแทนให้คุ้มค่าราคา!”
สุดท้ายเขาฝากข้อความที่ยิ่งโหดเหี้ยมไว้
หลังจากนั้น เขาหยิบปืน ยกเท้าก้าวออกไป
คณาธิปมองไปอย่างสีหน้าแทบไม่เหลือสีเลือดของคน
ผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อประตูถูกปิดลง ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากด้านนอกอีก เขาจึงเหมือนได้สติขึ้นมา ลุกขึ้นปัดสิ่งของที่อยู่โต๊ะกระจัดกระจาย!
“นากาจิมะ!ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่!!”
——
แสนรักกลับบ้านอย่างว่างเปล่า
มองไปอย่างมีความหวัง เมื่อวานที่ลานบ้านยังอบอุ่น แต่เวลานี้เหลือเพียงเขาคนเดียวกับความเงียบสงบ ไม่มีเสียงพูดจอแจ ไม่มีน้ำเสียงนุ่มนวลคอยเรียกเขา:“พี่ชาย……”
เขาหมุนเคว้งคว้าง ทันใดเหมือนเรี่ยวแรงในร่างกายถูกสูบออกไป นั่งอยู่บนฐานดอกไม้ที่ทำจากเหล็กแล้วก็ไม่ลุกขึ้นอีกเลย
“พี่เขย คุณ……คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
วันนี้เพราะว่าพี่สาวเกิดเรื่องขึ้น ปอร์เช่จึงไม่ได้ไปที่บริษัท นั่งอยู่ในห้องรับแขกได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากด้านนอก จึงรีบวิ่งมา
แต่ว่า แสนรักในตอนนี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่แรงที่จะพูดยังไม่มี
อีกทั้งตอนนี้พอดี ดลธีก็เข้ามา
“ท่านประธาน ได้สืบดูแล้ว กล้องวงจรปิดทั้งเมืองหาไม่เจอนายหญิงกับคุณหนูใหญ่แม้แต่เงา เมื่อวานหลังจากนายหญิงออกจากที่นี่ไป สำนักงานขนส่งก็ค้นหาไม่พบบันทึกจากกล้องวงจรปิด ไม่มีแม้แต่เงาเลยครับ”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเราที่นี่แม้ว่าจะเป็นเขตเมืองเก่า แต่ที่หน้าประตูมีกล้องติดอยู่ จะไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่สาวได้อย่างไร”
ปอร์เช่รีบถามกลับไปทันที
ดลธีพยักหน้า ทันใด ก็พูดเรื่องจริงที่ทำให้คนรู้สึกหนักใจ:“ดังนั้น นี่ก็แสดงว่า เมื่อวานนี้กล้องวงจรปิดของทั้งเมืองถูกคนทำอะไรบางอย่าง”
ปอร์เช่:“……”
หลายวินาที เขาถูกเรื่องนี้ทำให้ขนลุกขนพองตกใจจนพูดไม่ออก
กล้องวงจรปิดทั้งเมือง?
นั่นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ส่วนในของสำนักงานขนส่งไม่ใช่เหรอ? โอ้พระเจ้า ต้องใช้แฮกเกอร์มือฉมังขนาดไหน
ปอร์เช่หน้าซีดขาวแล้ว
แสนรักยังคงไม่พูดอะไร หลังจากได้ยินข้อมูลอันนี้แล้ว มองดูแล้วเขานั่งอยู่อย่างเอนไปเอนมา
“ท่านประธาน?”
ดลธีรู้สึกว่าไม่ค่อยปกติแล้ว จะรีบพุ่งเข้ามาทันที
ปรากฏว่า พึ่งจะเข้ามา ชายหนุ่มคนนี้ก็อ่อนปวกเปียกล้มพับลง ไอลีนโนเวล
เขาใจแตกสลายแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้พักสายตา และก็ไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก ไม่ได้กินอะไรสักคำ เขาถูกสิ่งภายในใจความหวาดกลัว ความห่วงหา ความกระวนกระวาย……
ผลัดกันทรมาน
ไม่ว่าใครก็รับไม่ไหว
ดลธีจึงพาBOSSใหญ่คนนี้ขึ้นมาชั้นบน บอกให้ปอร์เช่ดูแลเขาให้ดี
ปอร์เช่:“ผมทราบแล้วครับ พี่ธี คุณต้องช่วยผมพาพี่สาวกลับมาให้ได้นะ รินจังกับอิคคิวพวกเขายังเด็กมาก ขาดแม่ไปไม่ได้ พี่เขยก็ขาดเธอไปไม่ได้เหมือนกัน”
เด็กหนุ่มที่อยู่กับพี่สาวมาเกือบปี ขอร้องอ้อนวอนผู้ช่วยของพี่เขย
ดลธีทนไม่ไหวเหมือนจะร้องไห้ออกมา
เขาต้องตามกลับมาอย่างแน่นอน ไม่งั้น เขาจะสู้หน้าคนที่เขาอยู่ด้วยตั้งหลายปีได้อย่างไร BOSSใหญ่คนนี้เป็คนบ่มเพาะเขาขึ้นมา
ดลธีจึงรีบออกไป
หลังจากนั้นประมาณสิบกว่านาที ธนาตย์ก็ได้รับสายโทรศัพท์ กำลังเตรียมตัวไปรับเด็กๆกับภรรยาสาธินี
“สักพักพอได้เจอเด็กๆ แล้วจำไว้ว่าอย่าพูดถึงเรื่องหม่ามี๊ของพวกเขา”
“ทราบแล้วค่ะ”
สาธินีที่กำลังขับรถรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
แต่ดูจากระหว่างคิ้วของเธอ ขมวดขึ้นมาอย่างชัดเจน แฝงด้วยความเป็นห่วงกับกระวนกระวายใจ