ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 606 ภารานินถูกคนตระกูลเทวเทพพาตัวไปแล้ว
ถ้าตระกูลเทวเทพพาตัวภารานินไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นมันไม่ใช่เป็นเรื่องดีแน่นอน
สมัยนั้นภารานินคือคนที่เคยถูกตระกูลเทวเทพสังหาร จู่ ๆ ก็โผล่มา พวกเขาจะมีความโกรธแค้นขนาดไหน ไม่ต้องคิดก็น่าจะรู้
และถ้าหากยังรู้อีกว่าเธอยังให้กำเนิดลูกในท้องออกมาคนหนึ่งด้วย สิ่งต่อไป ก็คาดว่าจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น ไม่เพียงแต่ตัวภารานินเพียงคนเดียว ยังเกี่ยวโยงมาถึงตัวของแสนรักด้วย
เส้นหมี่รู้สึกหน้ามืดไปชั่วขณะ
เธอไม่คาดคิดเลยว่า ป้องกันแค่ไหน สุดท้ายตระกูลเทวเทพก็บุกมาหาถึงหน้าประตูเอง!
“งั้นตอนนี้คุณรู้ไหมว่าพวกเขาพาเธอไปไว้ที่ไหน?”
เส้นหมี่ถึงแม้จะไม่ยินยอม แต่ในเวลานี้ ที่อะไรก็วุ่นวายไปหมด เธอก็เลยขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน เอ่ยปากถามผู้หญิงคนนี้ไปหนึ่งประโยค
ผลคือ เมื่อผู้หญิงคนนี้ได้ยินแล้ว ก็หัวเราะ : “หมี่ เธอคิดว่าน้าของเธอมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาพาเธอไปไว้ที่ไหน?”
“……”
“แต่ ถ้าเธออยากจะรู้ ฉันช่วยเธอสืบหาได้ หรือแม้แต่ช่วยเธอออกมา ก็ได้เหมือนกัน”
“จริงเหรอคะ?”
ทันใดนั้นเส้นหมี่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และลืมไปเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนอย่างไร
เนติก็ยิ่งดีใจมากกว่า: “แน่นอนสิ เอาอย่างนี้ เธอให้เวลาฉันครึ่งชั่วโมง ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
จากนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็วางสายโทรศัพท์
เส้นหมี่ก็ยิ่งปลาบปลื้มใจยิ่งนัก สักพัก เธอถึงจะวางโทรศัพท์ลง
ผู้หญิงคนนี้ กำลังช่วยเธอจริงๆเหรอ?
ก็อาจจะจริงก็ได้นะ
เธอปลอบใจตัวเองให้เชื่อใจ ถ้ามัวแต่สงสัยในเวลานี้ เธอมาถึงทางตันแล้วจริงๆ
ถ้าหากเป็นตระกูลเทวเทพ เธอไม่มีหนทางใดแล้วจริงๆ
ดังนั้น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะมีความหวังแม้เพียงริบหรี่ อย่างไรเสียมันก็แค่ครึ่งชั่วโมง ก็ถือเสียว่าสิ้นเปลืองเวลาจุดในนี้ไป
เส้นหมี่จึงตัดสินใจแบบนี้
ในตอนนั้น ด้านหนึ่งเธอก็ยุ่งอยู่กับทำอาหารค่ำให้กับเด็ก อีกด้านหนึ่งก็รอข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
แต่ในเวลานี้ ไม่มีข่าวใดๆมาจากทางแสนรักเลย
ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นจะกลับมา
“หมี่ ทางแสนรักมีข่าวอะไรมาบ้างไหม?” ตอนที่กำลังทำอาหารอยู่ ดิลกก็กลับมา เดินมาถึงด้านหน้าของเส้นหมี่ เขาก็รีบถามอย่างร้อนใจ
เส้นหมี่รีบส่ายหัวทันที: “ยังเลย ทางนั้นล่ะ? หาเจอหรือยัง?”
“ก็ไม่มี”
ดิลกที่เหงื่อท่วมหน้า ได้ฟังคำนี้ สีหน้าก็ยิ่งเศร้าใจ ก็เพราะว่ากังวลจะโดนแสนรักตำหนิ จึงมีความกลัวนิดหน่อย
ภารานินหายตัวไป อันที่จริงเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบ เพราะว่า วัยรุ่นที่เข้ามาคุยกับเขาในสวนสาธารณะ ถ้าหากเขาสังเกตให้ละเอียดสักหน่อย ก็จะรู้ว่า เขาคนนั้นมีจุดประสงค์ที่จะเข้าใกล้พวกเขา
ดิลกคิดแล้วก็เสียใจเป็นอย่างมาก
“หมี่ หมี่ว่า รักเขาจะโทษผมไหม?”
“ไม่”
ประโยคนี้ เส้นหมี่รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
ดิลกถึงจะค่อยโล่งอก จากนั้นก็ออกไปตามหาคนต่อ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดเนติก็โทรศัพท์เข้ามา
“หมี่ รอนานแล้วล่ะสิ ฉันไปสืบมาให้เธอรู้แล้วนะ คนของตระกูลเทวเทพพาตัวเขาไปจริงๆด้วย”
“……”
ราวกับว่าถูกน้ำเย็นยะเยือกสาดใส่ลงมาจากบนศีรษะ ความหวังเพียงริบหรี่ที่อยู่ภายในใจของเส้นหมี่นั้น ก็ขาดสะบั้นเลือนหายไปทันใด
“………จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้น มีข่าวร้าย และก็มีข่าวดี”
“พูดมา”
“ข่าวร้ายก็คือ ถ้าหากภารานินถูกพาตรงไปยังเมืองหลวงแล้ว ถ้าเธอคิดจะช่วยเธอก็หมดหนทาง ส่วนข่าวดีก็คือ ฉันทราบมาแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ไปช่วยตอนนี้ ยังจะทันนะ”
เนติอธิบายให้ฟัง
“งั้นเขาอยู่ที่ไหน? คุณจะไปช่วยเขาเมื่อไหร่?”
เส้นหมี่ได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็เปรียบดั่งคนที่จะจมน้ำทันใดนั้นก็มีท่อนไม้ลอยเข้ามา
แต่ครั้งนี้ ผู้หญิงคนนี้กลับไม่พูดอะไรต่อแล้ว
“หมี่ ช่วยคนจากมือของตระกูลเทวเทพ มันเสี่ยงอันตรายมากเลยนะ เธอให้ป้าทำแบบนี้ แล้วป้าจะได้อะไรดีๆ บ้างล่ะ?”
“อะไรนะ?”
เส้นหมี่ค่อนข้างตื่นเต้นมากไปหน่อย เธอฟังไม่ออกความหมายแฝงจากคำพูดนี้ไปชั่วขณะ
จนกระทั่ง หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เธอก็พูดขึ้นว่า : “ เอาอย่างนี้ หมี่ ป้าช่วยเธอช่วยคนออกมา เธอก็ช่วยป้าหาทางถอนคดีซาจานั้น?”
ในที่สุดเธอก็พูดเป้าหมายที่แท้จริงของเธอออกมา!
เส้นหมี่ไม่พูดอะไรต่อ
ราวกับว่าถูกทุบศีรษะ หลังจากที่ในสมองของเธอราวกับว่ามีสิ่งของเย็นๆสาดเข้าใส่ เธอก็บีบโทรศัพท์นี้ไว้ จากนั้นไม่กี่วินาที อารมณ์ความรู้สึกต่างๆทั้งหมดก็ค่อยๆสงบลง
ใช่สิ เธอลืมไปได้อย่างไรกัน นี่มันงูพิษชัดๆ
งูพิษ มันจะยอมช่วยเธอจริงๆได้อย่างไรกัน?
เส้นหมี่หัวเราะ : ฉะนั้น นี่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของป้าใช่ไหม?”
เนติ:“……”
ใบหน้าปรากฏร่องรอยละอาย เธอมีความโมโหนิดหน่อย
“นี่ไม่เรียกว่าเป้าหมาย เขาเรียกช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หมี่ ป้าอยากจะช่วยเธอจริงๆนะ แต่ ตอนนี้ป้าเองก็ตกที่นั่งลำบากไม่เหรอ? หิรัญชากรุ๊ปฟ้องร้อนซาจา นอกจากจะชดใช้เงิน ยังจะให้ลูกชายป้าติดคุกด้วย นี่มันคือเหตุผลบ้าบออะไรกัน? ตอนนั้นที่ป้าให้เธอช่วยไปสืบข่าวเรื่องนี้ เธอก็พูดกับป้าแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
จู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็พูดอย่างมั่นอกมั่นใจขึ้นมาผ่านทางโทรศัพท์ เธอตำหนิเส้นหมี่ หาว่าตอนนั้นเส้นหมี่ก็หลอกเธอ
สีหน้าเส้นหมี่แข็งทื่อ