ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 63 ทำตัวเหมือนผู้ชายไม่ได้เหรอ
คิวคิวได้สติ ยกยิ้มให้
“ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้การ์ตูนจบแล้ว มีคนชั่วที่คอยเอาแต่รังแกคนอื่น แต่เขาไม่ถูกลงโทษ เห็นแล้วก็เลยรู้สึกโกรธ”
เด็กน้อยจงใจแสดงท่าทีขุ่นเคือง
เมื่อเส้นหมี่ได้ยิน ก็ยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรนะ คนชั่วยังไงก็จะต้องถูกลงโทษ พรุ่งนี้ดูก็น่าจะมีให้เห็น เอาล่ะ เก็บโต๊ะเร็ว เรามากินข้าวกัน”
“ครับ หม่ามี๊”
คิวคิวรีบเดินไปที่โต๊ะเล็กนั้นทันที เก็บโต๊ะตัวเล็กไปพร้อมกับน้องสาว
เป็นกับข้าวที่สองพี่น้องชอบ มีข้าวปั้นสาหร่าย ปลาค็อดย่างซอส มะเขือเทศผัดไข่……และอีกหลายอย่าง แม้อาหารจะไม่มาก แต่ทุกอย่างล้วนปรุงอย่างพิถีพิถัน
คิวคิวนั่งลง ขณะที่มือน้อยๆกำลังหยิบตะเกียบขึ้น จู่ๆก็นึกไปถึงข้อความที่ตัวเองเพิ่งตอบกลับไป
ของพวกนี้ ชินจังคงไม่เคยได้กินมาก่อนใช่ไหม ?
ในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
“ครืด……ครืดครืด……”
“ฮัลโหล?นั่นใครคะ?”
ตอนนี้เส้นหมี่ไม่ได้สนใจลูกชาย กำลังเก็บกวาดอยู่ในครัว แล้วตักข้าวมาให้เด็กน้อยทั้งสองคน ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือที่เธอวางอยู่ข้างๆก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล หมี่เหรอ ฉันป้าติ้วนะ คืนนี้เธอว่างไหม ? ลุงเราเหมือนจะป่วยอีกแล้ว หากว่าง ก็มาช่วยแทงให้เขาสักเข็มสองเข็มสิ ครั้งที่แล้วที่เธอมาฝังเข็มให้มันช่วยได้มากเลย ”
เป็นป้าติ้วที่โทรมา บอกว่าอาการของลุงกำเริบอีกแล้ว
อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ด้วยสภาพร่างกายอย่างเขา อาการจะกำเริบก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เส้นหมี่เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือ ตอบตกลง “ได้ค่ะ กินข้าวเสร็จแล้วจะแวะไปดูให้นะคะ ”
เมื่อป้าติ้วได้ยิน ก็ดีใจขึ้นมาทันที “เยี่ยมไปเลย เอาอย่างนี้ ฉันไปหาเธอที่บ้าน ช่วยเธอดูลูกด้วย ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว เธอให้พวกเขาอยู่บ้านกันตามลำพังก็คงไม่ไว้ใจ เธอว่าแบบนี้ได้ไหม ?”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
เส้นหมี่ตกปากรับคำ จากนั้น เธอวางสายและรีบยกอาหารที่ตักเรียบร้อยแล้วออกมาในทันที
“คิวคิว รินจัง เดี๋ยวหม่ามี๊จะไปที่บ้านคุณย่าเล็กนะ อาการปวดขาของปู่เล็กกำเริบอีกแล้ว หม่ามี๊จะไปฝังเข็มให้ท่านสักหน่อย เราอยู่ที่บ้านกันนะ อีกเดี๋ยวย่าจันทร์แสงจะมา ตกลงไหม?”
“ได้ค่ะหม่ามี๊”
รินจังที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆคำใหญ่คำโต ก็ตอบรับอย่างไร้เดียงสาในทันที
คิวคิวเองก็ไม่มีปัญหาอะไรด้วยเช่นกัน
หากหม่ามี๊ไปที่บ้านของคุณย่าเล็ก นั้นก็ไม่ใช่เจตนาของเขาที่จะขวางเธอไม่ให้ไปที่เรืองรอง หากชินจังตามมาต่อว่า เขาก็สามารถพูดได้ว่าไม่เกี่ยวกับเขา
เมื่อเด็กน้อยคิดได้แบบนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย
หลังจากที่สามคนแม่ลูกกินอาหารเย็นเสร็จเส้นหมี่ก็ไปเก็บข้าวของ พกกระเป๋าอุปกรณ์ฝังเข็มแล้วออกจากบ้านไป
——
เรืองรองตึกวังฬาหนึ่ง
คืนนี้แสนรักกลับบ้านเร็วมาก ราวๆทุ่มกว่าก็ถึงบ้านแล้ว
“หืม ? คุณผู้ชายกลับมาเร็วจัง ?”
พี่ภาแม่บ้านเห็นวันนี้เขากลับมาเร็ว ก็รู้สึกแปลกใจมาก
พี่ภาคนนี้ ไม่ใช่คนใหม่ที่หามา แต่เป็นคนที่โยกย้ายมาจากตระกูลหิรัญชา ก่อนหน้านั้นเธอก็ดูแลแสนรักมาก่อน ตอนที่เขายังไม่ย้ายออกมา
ดังนั้น หลังจากที่ป้าญาถูกจับได้ว่าเป็นคนเผยข้อมูลลับ ก็ขับไล่เธอออกจากตึกวังฬาหนึ่ง และย้ายพี่ภามาที่นี่
แสนรักไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่หลังจากที่เปลี่ยนรองเท้าแล้ว ก็กวาดมองไปรอบๆบ้าน“คุณชายเล็กล่ะ?”
“เขาเหรอ อยู่ชั้นบนค่ะ พอดีเลย คุณผู้ชายกลับมาแล้ว ก็ขึ้นไปดูหน่อยแล้วกัน เด็กคนนี้ไม่รู้เป็นอะไรไป ? จู่ๆก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ฉันตามเขามากินข้าว เขาไม่สนใจ ขึ้นไปเคาะห้องก็ไม่พูดไม่จา เฮ้อ……”
ไม่พูดก็ยังไม่เท่าไร พอพูดแล้ว พี่ภาก็หน้าดำคล้ำเครียดขึ้นมา
คุณชายเล็กของบ้าน ช่างเอาใจยากจริงๆ อารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ก็ส่วนหนึ่ง แต่ประเด็นคือไม่พูดไม่จานี่สิ เวลาโกรธ ก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่สนใจใคร
เขาเมินเฉย ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่?
เมื่อแสนรักได้ยิน ร่างที่มีไอเย็นเพิ่งจะได้รับไออุ่น ทันใดนั้นก็มืดมนลงทันที เงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นบนที่ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ขาที่เรียวยาวก็ก้าวขึ้นไปทันที
“ชินจัง?เปิดประตู นี่แด๊ดดี้นะ!”
ประตูห้องชั้นสอง ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา อีกทั้ง หลังจากที่แสนรักขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะครั้งที่แล้วเขาเข้าไปโดยใช้ลายนิ้วมือตัวเอง และไม่ได้รับอนุญาตจากเด็กน้อยด้วยหรือเปล่า ?
ตอนนี้ถูกล็อกจากภายในด้วย
เจ้าเด็กคนนี้ วันนี้เป็นอะไรไปอีก ? หรือเส้นหมี่ผู้หญิงคนนั้นทำเขาโมโหมาอีก ?
แสนรักที่เหนื่อยมาทั้งวัน คิ้วที่ได้รูปก็ขมวดกันแน่นขึ้นอีก “ชินจัง เปิดประตูเดี๋ยวนี้ หากไม่เปิด แด๊ดดี้จะโมโหจริงๆแล้วนะ ลูกรู้ หากแด๊ดดี้โมโห ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง !”
“……”
ในที่สุด หลังจากที่คำพูดนี้หลุดออกมา แสนรักยืนรอที่หน้าประตูอยู่สองนาที ที่ด้านในของประตูเสียง“แกร๊ก”ก็ดังขึ้นแล้วเปิดออก
เมื่อแสนรักเห็น ก็ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป ตั้งใจจะคุยกับลูกชาย ว่าเกิดอะไรขึ้น?
“ชินจัง?”
“ทำไมถึงพูดแล้วไม่รักษาคำพูด?”
ชินจังยืนอยู่กลางห้อง ร่างเล็กๆ ยังเหมือนเดิมกับที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน ใส่เสื้อผ้าชุดเดิม แต่ใบหน้าอันเรียวเล็กของเขา ในตอนนี้กลับแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง