ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 636 เขาอยากจะ......เอาเธอมากักขังเอาไว้จริงๆแล้ว!
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 636 เขาอยากจะ……เอาเธอมากักขังเอาไว้จริงๆแล้ว!
ชายหนุ่มที่กำลังระเบิดความโมโหออกมา เขากำหมัดทุบลงไปแรงๆที่ตู้ที่อยู่ด้านหลังของเส้นหมี่ จนตู้นี้ขยับเคลื่อนตัวออกไปหลายนิ้ว!
“คุณ-พูด-ออก-มา-อีก-ครั้ง?!!” เขากัดฟันพูดออกมาทีละคำ ในดวงตานั้นแดงฉาน คำพูดที่พูดออกมานี้เหมือนกับว่าจะกลืนกินเส้นหมี่ลงไป
เส้นหมี่ตกใจจนนิ่งไป
กุมศีรษะตัวเองเอาไว้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวผู้ชายคนนี้ หลายวินาที แม้แต่สติสัมปชัญญะก็หยุดลง
เธอไม่เคยเห็นเขาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย เหมือนกับปีศาจยังไงอย่างงั้น
“ผมจะเตือนคุณนะเส้นหมี่ ถ้าคุณพูดคำพูดเมื่อกี้ออกมาอีก ผมจะทำให้คุณต้องเสียใจทีหลัง!”
ตอนที่แสนรักปล่อยมือลง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมร้ายกาจนั้น จ้องเขม็งมาแล้วพูดออกมาทีละประโยคบอกกับเธอ
เส้นหมี่นิ่งไป
นี่เป็นคำพูดแบบไหนกัน
เรียกเด็กๆลงมา ถามพวกเขาว่าจะยินยอมอยู่กับใครกันแน่?
เส้นหมี่หวาดกลัวจนร่างสั่นเทา สมองของเธองงไปหมดแล้ว ลำคอก็ไม่กล้าส่งเสียงใด หลังจากได้ยินประโยคนี้ เธอกลับยังไม่กลัวตายถามออกไปหนึ่งประโยค
“แล้วคุณ…..ช่วงนี้อยู่แบบนี้ดีแล้วเหรอ”
“!!!!”
รัศมีความอาฆาตที่แผ่ออกมานั้นจนขนหัวลุก แม้แต่ลมหายใจ ยังเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
เส้นหมี่ก้มหน้าลงทันที กุมศีรษะเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงใดออกมาแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชายหนุ่มคนนี้ก็เดินออกไป
เส้นหมี่เห็นแล้ว ถึงได้รู้สึกว่าความกดดันที่ถูกกดลงมาทั้งร่างนั้นได้มลายหายไปแล้ว เธอรู้สึกว่าทั้งร่างอ่อนแรงลง เธอถึงได้เอนไปเอนมาแล้วนั่งลงมา
เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ!
ไม่ใช่เขาเองเหรอที่อยากจะอย่า? งั้นเธอเรียกเด็กๆลงมาเลือกว่าจะอยู่กับใคร ทำผิดตรงไหน?
ถ้าต้องหย่ากันจริงๆ ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญหน้าอยู่ดี ไม่ใช่เหรอ?
เส้นหมี่ที่ยังตื่นตระหนกไม่หายเดินกลับเข้ามาในห้องครัว เป็นเวลานาน ที่เธอนั่งอยู่ตรงขอบประตูนั้น ในสมองว่างเปล่า……
อีกทั้งด้านนอก เคมีที่เข้ามารับคน ด้านหลังของBOSSใหญ่ เขาพบว่าใบหน้าของคนคนนี้ไม่ได้ซีดขาวธรรมดา เหมือนกับว่าพึ่งได้รับความหวาดกลัวจากสิ่งที่น่ากลัวอะไรบางอย่าง
ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขาเห็นว่าขาของเขาข้างหนึ่งสะดุดเข้า
“ท่านประธาน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เขาตกใจขึ้นมา จึงรีบถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วงหนึ่งประโยค
แต่ว่า ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่ได้สนใจเขา
หลังจากที่เขาเข้ามา เอาศีรษะพิงไปที่พนักพิง ใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความขุ่นมัวแล้วยังมีความซีดขาว แล้วก็หลับตาลง ดูอ่อนล้าเป็นอย่างมาก
“หาสถานที่ให้ผมสักแห่ง ที่บนโลกใบนี้นอกจากผมแล้ว ใครก็หาไม่เจอสถานที่นี้!”
“ห๋า?”เคมีนิ่งไปสักพัก “ท่านประธานคุณหมายถึง”
“ผมจะเอาผู้หญิงคนนั้นไปไว้ที่นั่น ตอนนี้เดี๋ยวนี้!!!”ทันใดเขาก็เบิกตาทั้งสองข้างออกมา น้ำเสียงที่ตะโกนออกมานั้นควบคุมไม่อยู่แล้ว
แน่นอนว่าหลังจากเขาที่พูดไม่กี่คำนี้ออกมาแล้ว ก็พิงไปที่พนักพิงด้านหลังอีกครั้ง มองเห็นเขาเริ่มสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนสัตว์ร้ายที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
แม้แต่ในทุกๆแววตาของเขา ยังเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เคมีนิ่งอึ้งไป
เขาไม่เคยเห็นสีหน้าของเขาแบบนี้มาก่อน
นี่เป็นคนยังไงกัน?
ประธานแห่งหิรัญชากรุ๊ปผู้ยิ่งใหญ่ คือคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในเมืองเมืองนี้มาตั้งหลายปี เขาเป็นราชาของที่นี่ เป็นผู้ปกครองที่นี่
ทำไมสีหน้าแบบนี้ถึงได้แสดงออกมาบนใบหน้าของเขา?
ในพจนานุกรมของเขา ไม่มีคำสองคำนี้อยู่เลย?
“ท่านประธาน คุณหมายถึง……จะนำตัวคุณผู้หญิงส่งไปกักขังเอาไว้ในที่ที่ไม่มีคนรู้จักอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่!”
“งั้นคุณคิดว่าจะสามารถส่งไปที่ไหนได้ คุณคิดว่า บนโลกใบนี้ มีที่ไหนที่ตระกูลเทวเทพไม่รู้จักบ้างเหรอ”เคมีอดใจไม่ไหวที่จะเตือนBOSSท่านนี้ขึ้นมา
คำพูดนี้พูดออกมา ปรากฏว่า เดิมทีชายหนุ่มคนนี้สีหน้าท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทันใด สีหน้าของเขายิ่งซีดขาวขึ้นมามากกว่าเดิม
เหมือนกับว่าถูกกลบด้วยสีขาวของหิมะ มลายหายไปไม่เห็นความโมโหอยู่แล้ว
นี่เป็นความจริงที่น่าสมเพชเวทนามาก!
ตระกูลเทวเทพ แน่นอนว่าน่ากลัวกว่าที่เขาคิดมาก มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง……
……
ตึกวังฬาหนึ่ง
หลังจากที่เส้นหมี่ที่นั่งอยู่ในห้องครัวสักพัก มีสติกลับมาแล้ว เธอมีไฟที่จะต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
เธอคิดว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเตือนเธอนั้น คือต่อไปนี้ห้ามพูดว่าให้ลูกๆทั้งสามต้องเลือกพวกเขา
ดังนั้น หลังจากเธอมาคิดดีๆแล้ว สุดท้ายเธอจึงแน่ใจแล้วว่าความจริงแล้วแสนรักไม่อยากอย่า เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังทำใจไม่ได้เรื่องที่แม่ของเขาเสียไป
ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปนี้ เพียงแค่เธอถ่วงเวลาหย่าร้างเอาไว้ รอให้เรื่องนี้จางลง งั้นก็คงดีขึ้นแล้วล่ะ?
เส้นหมี่เหมือนได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว
“เด็กๆจ๊ะ พวกหนูเสร็จหรือยัง พวกเราตกลงกันไว้แล้วว่า วันนี้จะไปซื้อของเตรียมไว้สำหรับวันตรุษจีน ยังต้องไปทำกับข้าวให้แด๊ดดี้อีก พวกหนูเร็วกันหน่อยนะ”
หลังจากที่เธอจัดเก็บเรียบร้อย อดใจรอไม่ไหวจึงตะโกนเรียกเด็กๆ ออกมา
เด็กๆที่อยู่ชั้นบนได้ยินแล้ว รีบวิ่งลงมาทันที
“หม่ามี๊ วันนี้พวกเรายังต้องไปทำกับข้าวให้กับแด๊ดดี้ด้วยเหรอ”
“ใช่น่ะสิ หม่ามี๊ยังต้องไปที่บริษัท ต้องไปบอกกับเพื่อนร่วมงานสักหน่อย วันนี้ลาหนึ่งวัน ทำไมเหรอ พวกหนูไม่ยินยอมเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ใช่……”
ยากมากที่ชินจังจะวิ่งลงมาเป็นคนแรก จึงถามมาหม่ามี๊ขึ้นมา หลังจากได้ยินคำตอบที่แน่ชัดแล้ว เขามองไปที่หม่ามี๊ที่เล็กพริกขึ้หนูสู้ไม่ถอย ในที่สุดก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
หม่ามี๊เก่งมากจริงๆ!
แต่ว่า อิคคิวไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่
เพราะว่าเขายืนอยู่ฝั่งหม่ามี๊ อีกทั้งเมื่อคืน เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแด๊ดดี้กำลังรังแกหม่ามี๊อีก
แต่ว่า พี่ชายดีใจออกมา อีกทั้งหม่ามี๊ก็ตัดสินใจแบบนี้ไปแล้ว
ช่างเถอะ ค่อยว่ากันอีกที
ในที่สุดแม่ลูกทั้งสี่คนก็ออกจากบ้านไป……