ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 672 บ้านตระกูลเทวเทพบนยอดเขาภูตา
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา รถก็มาถึงสถานีแล้ว
และคุณป้าคนนี้ก็ไม่เห็นแล้ว
“แม่หนู เธอจะไปไหนเหรอ? ถึงสถานีแล้ว จะให้ช่วยเธอเรียกรถไหม?”
หลังจากที่คลุมเสื้อแจ็กเกตนักเรียนตัวนี้แล้ว เธอที่เดิมมีหน้าตาดูเด็กอ่อนวัย และมีแก้มย้วยๆเหมือนเด็กทารก จนทำให้คุณลุงคนขับรถบัสเข้าใจผิดคิดว่าเธอยังเป็นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง
เส้นหมี่ถึงจะได้สติขึ้นมา จากนั้นก็รีบลุกนั่งตัวตรงขึ้นทันที
“ พี่คะ ที่นี่มีรถให้เช่าไหมคะ?”
“อะไรนะ?” คนขับรถบัสตกใจ “เธอต้องการเช่ารถ? เธอหมายถึงรถแท็กซี่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูต้องการเช่ารถคนหนึ่งและขับเองค่ะ ใช่แล้ว ทางที่ดีคือแรงม้าดีๆแบบนั้น ถ้ามีรถสปอร์ตก็จะดีที่สุดค่ะ…..”
เส้นหมี่ก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ทันใดนั้น เธอรีบร้อนราวกับมดที่อยู่ในรังร้อนๆ
คนขับรถเห็นเข้าก็ตกตะลึงไปเลย!
รถสปอร์ต?
เด็กผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ใช่กำลังพูดคำในความฝันอยู่หรอกนะ เธอแค่เด็กนักเรียนคนหนึ่งจะเช่ารถสปอร์ตเหรอ? หรือว่ายังไม่ตื่นนอนใช่ไหม?
คนขับรถกำลังจะคุยต่อ
แต่เวลานี้ ในสถานีจอดรถ จู่ ๆ ก็มีรถออฟโร้ดสีดำคันหนึ่งขับเข้ามา เขามองดู ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งสติ หลังจากที่เห็นเพียงว่าแววตาของสาวน้อยสวมใส่ยูนิฟอร์มนักเรียนคนนี้ลุกวาวขึ้นมา ก็รีบลงไปจากรถเขาในทันที จากนั้นวิ่งไปยังด้านหน้าของรถออฟโร้ดคันนี้
นั่นเหมือนกับ….คือรถแลนด์โรเวอร์!!
สุดท้ายเส้นหมี่ก็คือขับรถแลนด์โรเวอร์คันนี้ออกไปจากแม่น้ำโสรัล
จากแม่น้ำโสรัลถึงเมืองหลวง ยังอีกไกลมาก แต่ เธอมีรถคันนี้ กับสามารถขับไปถึงยังเมืองต่อไปที่มีสนามบิน จากนั้นเธอก็นั่งเครื่องบินตรงไปยังเมืองหลวง
คิดคำนวณแล้ว อย่างช้าที่สุดถึงที่นั่นก็คือตอนบ่ายสามโมง!
แสนรัก ฉันก็อยากจะเห็น เมื่อฉันถึงที่นั่นแล้ว คุณจะตายแล้วหรือยัง?
——
ยอดเขาภูตา เมืองหลวง
ตระกูลเทวเทพในเมืองหลวงนี้ อันที่จริงดูจากผิวเผินแล้ว คือถ่อมตัวมากๆ พวกเขามีอำนาจมากที่สุด แต่สถานที่อยู่อาศัย กลับเลือกไปอยู่บนเขาลูกหนึ่ง ซึ่งห่างไกลออกจากใจกลางเมืองหลวงอันเจริญรุ่งเรือง
โดยเฉพาะไชยันต์ ที่หลังปลดประจำการแล้ว สถานที่อยู่อาศัยก็ทำราวกับว่าเป็นรังนกนางแอ่น
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้กัน ยอมที่จะไปไวท์ พาเลซแต่ไม่ยอมขึ้นเขาภูตา!
ไวท์ พาเลซ ก็คือคฤหาสน์สูงที่สุด
เช้าตรู่วันนี้ภูวิชคนนี้ก็รีบมาถึงยังยอดเขาแห่งนี้ เขาเพิ่งจะได้รับข่าวสำคัญมา ก็ต้องรีบขึ้นเขามารายงานเจ้านาย
แต่ เขาเพิ่งจะมาถึง….
“ใคร? ไม่มีคำสั่ง ห้ามเข้ามาเด็ดขาด!” จู่ ๆ ชายชุดดำก็ปรากฏตัวออกมาถือปืนจริงกระสุนจริงสายตาดุดันมากั้นเขาไว้ทันที
ภูวิชทันใดนั้นหน้าซีดขาว
“คือ…คือผม ภูวิช จำผมได้ไหม? คุณรีบให้ผมเข้าไป ผมมีเรื่องด่วนมาหาท่านไช ด่วนมาก” เขารีบชี้ที่หน้าแหลมๆ มีโหนกของตัวเอง เพื่อให้คนข้างหน้าสังเกตดู
ภูวิช?
หัวหน้าเลขาภูวิช?
บนใบหน้าของชายชุดดำคนนี้ปรากฏให้เห็นถึงความรังเกียจ
แต่ เขาก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ ขยับถอยออกไปด้านข้างแล้ว ก็ให้คนคนนี้เข้าไป
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เมื่อภูวิช ก็เหมือนกันสุนัขตัวหนึ่ง ที่หอบจนแทบหายใจไม่ทันในที่สุดก็ปีนขึ้นมาจนถึงยอดเขาภูตา เขาแทบจะร้องไห้ เมื่อเขาเห็นชายชราผมขาวที่กำลังพับขากางเกงขึ้นและกำลังแบกจอบขุดดินอันหนึ่ง
“ท่านไช ผม…ในที่สุดผมก็เจอท่านแล้วท่านไช…” เขาเรียกอย่างคร่ำครวญ รีบพุ่งเข้าไปหาอย่างทุลักทุเล
ท่านไช?
ถูกต้อง ชายชราผมขาวที่เช้าตรู่ลุกขึ้นมาขุดดินปลูกผักบนยอดเขาแห่งนี้ ก็คือจอมพลไชยันต์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสารทิศในสมัยนั้น!
แต่ ตอนนี้เขาปลดเกษียณแล้ว ทุกวันอยู่ที่นี่ก็อยู่แต่กับโคลนกับดินเหล่านี้
“ขึ้นมา อย่าเหยียบดินที่ฉันเพิ่งขุดไว้”
มองเห็นภูวิชคนนี้มาหาแล้วก็เหยียบดินที่เขาขุดไว้แล้ว ไชยันต์จ้องมองไป รีบเอาจอบในมือขุดไปหาเขาทันทีอย่างไม่เกรงใจ
ภูวิชเห็นเข้า ก็รีบหลบทันที
“ขอโทษครับขอโทษครับ ท่านไช ไม่ใช่สิ ผมมาวันนี้ คือมีเรื่องอยากจะบอกท่านหนึ่งเรื่อง ท่านทราบไหม? เมื่อวานมีคนร้ายบุกเข้าไปในไวท์ พาเลซ”
“พูดว่าอะไรนะ?”
คำพูดนี้แปลกจนเกินไป เมื่อไชยันต์ได้ยินเข้า ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาในทันที
มีคนร้ายบุกเข้าไปในไวท์ พาเลซ?
เขากำลังล้อเล่นไหม? นั่นเป็นสถานที่อะไร? นั่นคือสถานที่อยู่ของผู้นำหลัก ระบบป้องกันความปลอดภัยด้านในเข้มงวดที่สุด ตอนนี้เขากำลังบอกว่ามีคนร้ายบุกเข้าไป?
“ไม่ใช่ครับท่านไช ฟังผมพูดก่อน นี่คือเรื่องจริง หลังจากที่คนร้ายนั้นเข้าไป เขาสามารถหลบหลีกระบบป้องกันทั้งหมดของไวท์ พาเลซ ได้ จากนั้นก็ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องทำงานของท่านนายก ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่ว่าคุณไวท์ได้ออกไปแล้ว งั้นผลลัพธ์ก็คงยากที่จะคาดเดาครับ”
ตอนที่ภูวิชพูดถึงเรื่องนี้ จนวันนี้ในใจก็ยังคงมีความหวั่นกลัวอยู่
ในที่สุดจอบที่อยู่ในมือของไชยันต์ก็หยุดลง
เขายืดเอวขึ้นตรง ถึงแม้ว่าผมขาวเต็มศีรษะ แต่ดวงตาแก่ๆ ที่ขุ่นมัวคู่นั้น หลังจากที่ฟังเรื่องราวอย่างชัดเจนแล้ว ในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด ยังคงเปล่งแสงสว่างราวกับเหยี่ยวออกมา
“จากนั้นล่ะ?”
“จาก….จากนั้น ถึงว่าพวกเราเรียกกำลังพลทั้งหมดไปจับตัวเขา แต่เขาก็สามารถหลบหนีออกไปได้ เหลือไว้แค่เพียงสิ่งนี้ครับ”
สีหน้าภูวิช ซีดขาว หลังจากที่กลืนน้ำลายแล้ว ก็นำสิ่งของในมือที่นำมาด้วยมอบให้อย่างลังเล
ไชยันต์ รีบจ้องเขม็งไปที่เขาทันที ยื่นมือและคว้าเอาสิ่งของไป