ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 695 คิดออกแล้ว แต่ก็ยังตัน
แต่ว่า คณาธิปได้มาถึงแล้ว
สีหน้าของเขาก็ยังคงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา หลังจากเข้ามามือข้างหนึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางที่เป็นกางเกงสีเข้มแบบสบายๆ แล้วก็ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามานั่งอยู่ด้านหน้าของแสงดาวกับดลธี
“ช่วงนี้ คุณไปไหนมาเหรอ”
“ฉันไปไหน?”
แสงดาวได้ยินคำพูดนี้ ทันใดมองไปที่เขาเหมือนกับว่าเห็นผีเข้ายังไงอย่างงั้น:“น่าขำสิ้นดี ฉันจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ คุณสนใจฉันด้วยเหรอ”
ท่าทางของเธอแบบนี้ ยังคงไม่เห็นเขามาอยู่ในสายตา
คณาธิปนั่งอยู่ที่นั่น เอาถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะมาบีบเล่นไปมา มีอยู่วินาทีหนึ่ง ที่เขาอยากจะระเบิดออกมา
เขาอยากจะสนใจเธอ?
ไม่ เขาไม่เคยคิดแม้แต่น้อย คนคนนี้ที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน วิธีที่เขาชอบมากที่สุด ก็คือทำให้เธอหายตัวไปทันทีต่อหน้าของเขา
มองไม่เห็น ใจก็ไม่หงุดหงิด
แต่ว่า ตอนนี่เขาไม่สามารถทำแบบนี้ได้
“ผมได้ยินว่า สามวันก่อน ที่เมืองหลวงตระกูลเทวเทพเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่องหนึ่ง ม็อกโกพาคนไปแลกเปลี่ยนคนที่ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่คนหนึ่ง ปรากฏว่าการแลกเปลี่ยนไม่สำเร็จ เขาคนนั้นยังไม่ตาย คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
ในที่สุดแววตาของเขาก็ขุ่นมัวลง ทันใดนั้นดำมืดขึ้นมา ยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
คำพูดนี้พูดออกมา ดลธีกับแสงดาวที่อยู่ที่นั่น ทันใดนั้นในแววตาก็แสดงความตกใจออกมาอย่างมาก โดยเฉพาะแสงดาว เธอทั้งตกใจทั้งโมโห!
“คณาธิป คุณแอบตามดูฉันเหรอ”
“ผมต้องแอบตามไหม ผมจะบอกคุณนะแสงดาว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแสนรักฝากให้ผมปกป้องคุณให้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณนามสกุล……ผมไม่มีทางสนใจคุณหรอก!”
ในที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็อารมณ์เสียออกมา หลังจากนั้นเขาก็โยนถ้วยชาใบนั้นลงพื้น แล้วก็ด่าหญิงสาวคนนี้ออกมาทันที
อีกทั้งเขาเกือบจะพูดคำนั้นออกมาแล้ว
เธอมันน่าจัดการซะให้สิ้นซาก!!
ในที่สุดแสงดาวก็อึ้งไปแล้ว
น่าจะประมาณว่า เธอไม่คิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะโมโหออกมาอย่างกะทันหันขนาดนี้ ต้องรู้ว่า คนคนนี้ อยู่ต่อหน้าเธอ เหมือนกับสวมหน้ากากอยู่ตลอด
เขาอำพรางความเมตตาเอาไว้ ความเมตตาที่แอบแฝงอยู่ข้างในนั้น
ต่อให้เธอทำให้เขาอับอาย เปิดปากด่าออกมา สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งบนใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
ที่แท้ เขาก็อารมณ์ร้ายเป็นเหมือนกัน
แสงดาวรู้สึกว่าไม่ค่อยดีแล้ว สีหน้าของเธอทั้งซีดขาวและแดงขึ้นมาสลับกัน แล้วก็พูดออกมา:“คุณยังมีหน้ามาพูดถึงน้องชายของฉัน ฉันจะบอกคุณนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นแม่ลูกกัน เขาก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้หรอก ตอนนี้เขาสติไม่ค่อยดี กำลังจะถูกตระกูลเทวเทพทำร้ายจนตายแล้ว คุณยังมีหน้ามาพูดถึงเขา!”
“……”
ประโยคนี้พูดออกมา เดิมทีชายหนุ่มคนนี้ก็โมโหจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งเหมือนกับว่าถูกคนจี้ถูกจุดขึ้นมายังไงอย่างงั้น พูดอะไรไม่ออกอีก
แสนรักยังมีชีวิตอยู่?
ไม่ เขาต้องยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ก่อนหน้านี้เขาได้รับข่าวว่า เขาอยู่บ้านตระกูลเทวเทพสลบอยู่ยังไม่ฟื้น
งั้นตอนนี้ ฟื้นแล้วเหรอ? ยังสติไม่ดีอีกงั้นเหรอ?
เวลาสั้นๆไม่กี่วินาที มีคำถามนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม เหมือนถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระหน่ำ เดิมทีใจดวงนี้ของเขาแทบจะไม่ค่อยรู้สึกอะไร ก็ไม่สงบลงอีกแล้ว
“เขาเป็นอะไร”
“คุณวางใจเถอะ เขายังไม่ตาย เขายังอยู่ดี!!”แสงดาวมองเห็นเขาแล้วก็อารมณ์เสีย จึงอดใจไม่ไหวที่จะพูดแบบนี้ออกมา
ยังดี ตอนนี้ดลธีอยู่ด้านข้าง หลังจากมาคิดคิดดูแล้ว จะว่าไปตอนนี้ ก็คงคุกคามท่านประธานไม่ได้หรอก อีกทั้งเป็นไปได้ว่ายังจะมีคนช่วยเหลือเขา จึงพูดความจริงออกมา
“เขาฟื้นแล้ว ในตอนที่คุณหนูใหญ่ไปที่เมืองหลวง แต่ว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ป่วยแล้ว ได้ฆ่าลูกสาวของวุฒิพลไปแล้ว ยังมีลูกชายของทรงกลดด้วย ตอนนี้ถูกไชยันต์กักบริเวณเอาไว้”
“อะไรนะ”
คณาธิปฟังจบแล้ว ปรากฏว่า เขาก็อึ้งไปทันทีจนตาโตขึ้นมา!
แน่นอนว่าเขารู้เรื่องที่แสนรักป่วย
ไม่งั้นตอนที่อยู่ที่ตึกเอ็มไพร์ เขาก็คงไม่ทำการการสังหารหมู่แบบนั้นออกมา เพื่อกระตุ้นการป่วยของเขา จุดประสงค์ ก็เพื่ออยากจะให้เขาป่วยขึ้นมาจริงๆ ให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่ง
หลังจากนั้นค่อยทำลายเขา
แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนั้นที่ตึกเอ็มไพร์เขาทำไม่สำเร็จ
ตอนนี้ เขาที่อยู่ที่เมืองหลวงกลับ“เปลี่ยนแปลง”ไปเองแล้ว
“เหตุจากอะไร”
“คุณชายรองพูดถึงอะไรเหรอ เหตุผลที่ทำให้ท่านประธานป่วยงั้นเหรอ”ดลธีเหมือนกับว่าฟังไม่เข้าใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อมา ใบหน้าทั้งใบของเขาก็เปลี่ยนเป็นโศกเศร้าขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ปัญหานี้ คุณชายรองยังไม่เข้าใจอีกเหรอ แน่นอนเป็นเพราะว่าการจากไปของคุณผู้หญิง ตอนนั้น เขาเห็นกับตาตัวเองเธอปล่อยมือจากเขาแล้วร่วงลงไป เธอเพื่อให้เขามีชีวิตรอด สละชีวิตของตัวเอง นี่ก็เหมือนเป็นการตัดฟางเส้นสุดท้ายในการช่วยชีวิตของเขา เขามีชีวิตรอด เธอกลับตาย งั้นเขานอกจากแก้แค้นแล้ว ยังจะหลงเหลือความคิดอะไรอีกล่ะ”
“……”
เป็นอีกครั้ง ที่ในห้องนี้เงียบไป
เหมือนกับว่ากำลังมีความมืดมนปกคลุมลงมายังไงอย่างงั้น ความโศกเศร้าอย่างรุนแรงเหมือนกับน้ำหมึกที่ไม่อาจละลายได้ แพร่กระจายไปในอากาศ ทุกคนต่างไม่อยากพูดอะไรออกมาแล้ว
พวกเขายังคงเงียบ โศกเศร้า ภายในใจ เหมือนกับว่ากำลังถูกมดรุมขบกัดยังไงอย่างงั้น
แม้แต่หายใจ ยังเจ็บปวด
คณาธิปเองก็ไม่อยากยอมรับเลยว่า วินาทีนี้ เขาไม่ได้ดีใจอย่างที่เขาคิดเอาไว้ อีกทั้ง ในใจของเขา เหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับลงมา
อย่างหนัก ทำให้เขาหายใจไม่ออก