ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 768 เขาเมินใส่เธออีกแล้ว
สุดท้ายม็อกโกก็ยอมตกลง
น้องสาวคนนี้ของเขาฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยม เรื่องนี้ทุกคนต่างก็รู้ดี และคุณปู่ไชยันต์ก็ชอบกินอาหารฝีมือเธอ เขาเองก็รู้ดีเช่นกัน
ฉะนั้น เขาพาเธอไปด้วย เลยไม่คิดว่าจะมีอะไร
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เมื่อเขาเพิ่งจะพาเด็กไปจากที่นี่ รอยยิ้มของผู้หญิงสองคนด้านหลังก็หายวับไปทันที
“เธออย่าทำให้เขาจับได้เป็นอันขาด รู้ไหม?”
“……อืม”
ขวัญเมืองก้มหน้า เสียงตอบรับปากดังราวกับยุง
มินตราเห็นเข้า ทันใดนั้นก็เริ่มเกิดความโมโหขึ้นมา : “แกทำท่าทางออกมาแบบนี้ให้ใครดูไม่ทราบ? แกคิดว่าฉันอยากจะทำอย่างนี้เหรอ? ตาแก่นั่นให้องครักษ์ของตัวเองมาฝึกซ้อมเขาแล้ว งั้นต่อไปเตรียมที่จะทำอะไร? ไม่ใช่จะมาแย่งตำแหน่งผู้สืบตระกูลของพี่ชายของแกเหรอ? ฉันจะบอกแกให้นะ หากพี่ชายของแกไม่ได้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลแล้ว งั้นพวกเราก็เตรียมกัดก้อนเกลือกินกันได้เลย!”
ขวัญเมือง: “…….”
นิ้วมือที่ถือถุงอยู่ขาวแล้วขาวอีก นานมาก ถึงจะกล้าที่พูดออกมาหนึ่งประโยค : “ถึงต่อให้เป็นอย่างนี้ งั้นก็คงไม่ต้องให้หนูตุ๋นกระเพาะปลากับเหล้าเก่าหรอก แบบนั้นจะให้เขาตายได้นะ”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขาตาย? ฉันก็แค่ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกตลอดชีวิตก็แค่นั้น”
มินตราฟังแล้ว ก็รีบปฏิเสธทันที
อีกทั้ง หล่อนเพื่อไม่ให้เธอพูดมาก ยังจ้องมองเธอตาขวาง : “แกอย่ามาทำให้ฉันเสียแผน ไม่อย่างนั้น ฉันจะให้แกแต่งงานกับหลานชายของไวท์รอน!”
“!!!!”
ทันใดนั้น เด็กผู้หญิงที่เดิมหน้าก็ขาวซีดอยู่แล้ว หลังจากเพียงแค่ “ซ่า” สีเลือดต่างๆบนใบหน้าก็หายวับไปทันที เธอมองคุณป้าคนนี้อย่างหวาดกลัว
และก็ไม่เอ่ยเสียงใดๆอีกเลย
ถึงแม้ว่าเธอต้องตาย ก็ไม่ยอมที่จะแต่งงานกับเดรัจฉานตัวนั้น
——
ในคืนวันนั้นเส้นหมี่ยังคงนอนค้างคืนที่ห้องนอนชั้น 3 แห่งนี้
เธอกังวลว่าเขาจะตัวร้อนอีก หลังจากที่ลงไปสงบสติอารมณ์แล้วครู่หนึ่ง ดูแลลูกสาวให้นอนหลับ จากนั้นเธอก็ขึ้นมาด้านบนอีกครั้ง และนอนเฝ้าดูเขาอยู่ที่นี่ทั้งคืน
“วิ้ง…..วิ้ง…..”
ตื่นมาอีกครั้ง ก็เพราะถูกเสียงสั่นโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น
เธอได้ยินแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกจากตัวด้วยความสะลึมสะลือ :”ฮัลโหล?”
“คุณนาย สถานการณ์ของคุณทางนั้นเป็นยังไงกันแน่? ทำไมทั้งวันไม่มีข่าวคราวอะไรเลยล่ะ ผมเป็นห่วงจนจะบ้าอยู่แล้ว”
คือดลธีเอง เมื่อวานหลังจากที่เธอพาลูกมาที่เดอะวิวซี เขาก็รอข่าวจากเธออยู่ด้านนอกหนึ่งวันเต็มๆ และเป็นหนึ่งวันเต็มๆที่กังวลใจมาก
เส้นหมี่จึงได้สติขึ้นมา ขยี้ดวงตาที่บวมเป่งและลุกนั่งหลังตรงขึ้นจากโต๊ะ กำลังคิดจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่จู่ ๆ เธอเห็นว่าบนเตียงในห้องนอนนี้ ไม่มีคนนอนอยู่แล้ว
“คนล่ะ?”
“คนอะไร?”
ดลธีที่อยู่ในสายโทรศัพท์มองไม่เห็นสถานการณ์ทางนี้ ตกตะลึงนิดหน่อย
เส้นหมี่ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นที่จะอธิบายให้เขาฟัง เลยพูดไปเรื่อยหนึ่งประโยค : “ไม่มีอะไร ฉันคุยกับคุณแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะส่งวีแชทไปหาคุณทีหลังนะ”
จากนั้น เธอก็วางสายโทรศัพท์มือถือลง แล้วคนก็รีบพุ่งออกไปอย่างรีบร้อน
เธอไม่ได้นอนหลับลึกขนาดนั้น แต่คนกลับไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
เส้นหมี่ลงลิฟต์มาก็ถึงด้านล่าง : “น้าแจ๋ว เห็นคุณชายไหมคะ?”
“หา? คุณชายเขาไม่ได้ไปที่แอลดับบิวทาวน์เหรอคะ? เมื่อสักครู่ฉันเห็นเขาไปที่นั่น” คนใช้น้าแจ๋ว ที่เห็นเธอ ก็รีบชี้ออกไปข้างนอกยังทิศทางของแอลดับบิวทาวน์
แอลดับบิวทาวน์ช่างสมชื่อจริงๆ ก็คือสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมวิวทิวทัศน์ของวิลล่าหลังนี้
ที่นี่ เดิมทีเป็นสถานที่รับรองแขกต่างชาติ ตัวอาคารและการออกแบบทั้งหมด แน่นอนว่าทำให้แขกต่างชาติสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดของเมืองแห่งนี้ และแอลดับบิวทาวน์ก็เป็นสถานที่ชมวิวทะเลได้ดีที่สุด
เส้นหมี่ถือเสื้อคลุมมาด้วยหนึ่งตัว
กลับพบว่า หลังจากที่มาถึงที่นี่แล้ว เธอก็มองเห็นคนที่กำลังนั่งรับแสงอรุณยามเช้าคนนั้นจริงๆด้วย
เพียงแต่ว่า ไม่เฉพาะแค่เขาคนเดียว ด้านข้างของเขา ยังมีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย และในเวลานี้ พวกเขายังวางโต๊ะน้ำชาเล็กๆ ในขณะที่กำลังดื่มชา ก็เพลิดเพลินไปกับวิวความสวยงามของท้องทะเลยามพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นจากน้ำ
“เมื่อวานฉันใจร้อนเกินไป ฉันต้องขอโทษแกด้วย”
“……”
เพียงประโยคนี้ ชายคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นมองดูท้องทะเลด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เหลือบมองดูชายคนนี้เล็กน้อย
แต่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็มองตรงไปข้างหน้าอย่างเย็นชา
ไชยันต์ยกกาน้ำชาขึ้น และรินลงใส่แก้วตัวเองอีกถ้วย
“ชีวิตฉัน ทำสงครามสู้รบมาตลอดชีวิต ทั้งลมทั้งฝนต่างผ่านมาหมดแล้ว ดังนั้น จึงไม่ชอบอย่างมากพวกที่ถูกเลี้ยงให้มีนิสัยเอาแต่ใจแบบนั้น แกลองดู ที่ตระกูลเทวเทพ ก็ไม่มีกี่คนที่อ่อนแอปวกเปียก”
หลังจากที่เขาจิบชาแล้วหนึ่งจิบ เหมือนกำลังอธิบายให้ฟัง ก็เหมือนเป็นเพียงแค่การสนทนาปกติ
เส้นหมี่ได้ฟังแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินชายชราคนนี้พูดแบบอ่อนโยน ไม่ว่าระหว่างพวกเขาจะมีความโกรธแค้นเพียงใดขวางกั้นอยู่ แต่อย่างน้อยที่สุด เขาพูดมาแบบนี้ได้ แสดงว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้คือปลอดภัยแล้วในตอนนี้
แต่ สิ่งที่ทำให้หน้าผากของเธอกระตุกแรงมากก็คือ ผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นตรงหน้ายังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เขาจ้องมองไปข้างหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาสัดส่วนคมชัดเห็นได้ชัดว่าไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย จะนับประสาอะไรที่จะชายตามองชายชราคนนี้
“ตึง!”
“ใช่ใช่ใช่ ฉันก็เห็นด้วย จำได้ว่าตอนที่มาที่นี่แรกๆ ไม่ว่าจะเป็นพันโทม็อกกี้ หรือหัวหน้าไช ฉันเห็นพวกเขาต่างก็โดดเด่นสะดุดตา เป็นคนเก่งมีพรสวรรค์มากเลยทีเดียว”
เส้นหมี่รีบเข้ามาทันที ก่อนที่ชายชราคนนี้จะโมโห