ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 793 พรุ่งนี้ผมจะต้องเจอเด็ก
“ตอนนี้หนูอยู่ไหน?”
“อืม…. อยู่ในห้องที่ คุณอาขายเหล้า หนูคิดถึงจังเลยคะ คุณอาคิดถึงหนูมั้ยคะ? รินจังอยู่ที่นี่คนเดียวไม่มีใครออกไปเล่นด้วย วันๆได้แต่อยู่ที่นี่ค่ะ”
ในที่สุดเจ้าเด็กก็ได้ยินเสียงของแดดดี๊ก็ให้ดีใจนัก
แต่เพราะว่ามันดึกมากแล้ว เธอกลัวว่าจะพูดเสียงดังไปรบกวนน้าพิมแสงที่นอนอยู่ ดังนั้นเธอเลยเอามือป้องที่ปากน้อยๆ แล้วพูดเสียงต่ำลง
แต่ต่อให้พูดเสียงต่ำลงแบบนี้ก็ได้ยินอย่างชัดเจนถึงความเศร้าโศกและเสียใจในน้ำเสียงของเธอ
คนเดียวงั้นหรอ?
ถูกขังไว้ทั้งวัน?!!
ใจของแสนรักมีความเจ็บปวดเหมือนมีคนมากระชากอย่างรุนแรง เขาเจ็บจนต้องลุกขึ้นมา ใบหน้าไม่สู้ดี “แล้วแม่ของหนูล่ะ?”
นั่นสิ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?
ตอนนั้นเธออยู่ในโรงพยาบาลได้ตบหน้าของเขา แล้วพูดจาโหดร้ายและจากไป เขานึกว่าเธอจะไปไต่เต้าได้ดีหรือมีที่จะไปซะอีก?
ผลลัพธ์เป็นอย่างนี้หรอ?
เอาลูกทิ้งไว้ทีนั่นไม่สนใจดูแล ส่วนตัวเองไปมีความสุขข้างนอกงั้นหรอ
ความโกรธที่อยู่ในอกใกล้จะประทุออกมาแล้ว!
และก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตัวเขาไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว
“หม่ามี๊หรอคะ?”
ดวงตากลมโตสุกใสของรินจังในยามค่ำคืนให้สว่างสไหว “หม่ามี๊ป่วย อยู่โรงพยาบาลค่ะ”
“ว่าไงนะ?”
แค่คำพูดนั้นเอง ความโกรธของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้หยุดชะงักลงตรงนั้น
ป่วยหรอ?
เธอบอกว่า…..หม่ามี๊ของเธอป่วยงั้นหรอ?
“ใช่ค่ะ หม่ามี๊ป่วย อยู่โรงพยาบาลตลอดเลยไม่ได้กลับมา” รินจังให้รู้สึกเสียใจขึ้นมาอีก เพราะว่าคิดไปถึงหม่ามี๊ที่น่าสงสาร
แสนรัก : “…….”
แค่วินาทีนั้นเอง เขาก็อยากจะกดวางสายทิ้งทันที แล้วโทรหาเบอร์ผู้หญิงคนนั้น
ป่วยหรอ?
เธอป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเขาไม่รู้เรื่องเลยละ?
งั้นถ้าพูดแบบนี้แล้ว วันนั้นที่เธอจากไป จริงๆก็ไม่ได้ไปไต่เต้าอะไรที่ไหน แต่ไปรักษาอาการป่วยงั้นหรอ?
และตอนนั้นเขายังตวาดอีกด้วยว่าให้ไสหัวไปให้ไกลๆ!
ผู้ชายคนนั้นค้างโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น พูดอะไรไม่ออก จะเป็นก็แต่บนใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมีหมอกมาปกคลุมอยู่ เป็นครั้งแรกที่เห็นความลนลานและหงุดหงิดใจอยู่บนร่างของเขา
“คุณอาคะ กำลังฟังหนูพูดอยู่มั้ยคะ?”
“…..ฟังอยู่จ้ะ อย่ากลัวนะ รออยู่ที่นั่นไม่ต้องทำอะไร อาจะส่งคนไปรับหนูมา”
ในที่สุดเขาจึงเอ่ยปากพูด เมื่อสงบลงแล้วเขาก็พูดปลอบให้เด็กคนนี้รอเขาอยู่ที่นั่น
หนูรินจังดีใจขึ้นมาทันที
และทางไชยันต์ที่กำลังมองเขาคุยโทรศัพท์มาตลอด พอเห็นเขาวางสายลงเลยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “แกจะไปรับเธอกลับมาจากเจแปนหรอ?”
“ใช่!”
“แต่ว่า…..แม่ของเธอป่วยอยู่ไม่ใช่หรอ? ถ้าแกรับเธอมา แล้วแม่…..”
“ให้ไพบูลย์จัดการ ยังไงก็ตามพรุ่งนี้เช้าผมจะต้องเจอเธอ แล้วก็สภาพอาการของผู้หญิงคนนั้นผมจะต้องรู้ภายใน30นาที!”
เขาไม่มีพื้นที่ให้พูดคุยต่อรอง เสียงที่เยือกเย็นแล้วก็ท่าทางชอบบังคับเหมือนถูกย้อนกลับมาเป็นเขาที่อยู่ในหิรัญชากรุ๊ปเลย
คำพูดของเขา คุณมีแค่ต้องทำตามเท่านั้น!!
ไชยันต์โกรธจนหนวดเคราสั่น
แต่สุดท้ายเขาก็ไปจัดการให้แต่โดยดี แล้วก็โทรหาไพบูลย์
ไพบูลย์ที่น่าสงสารได้รับโทรศัพท์ในช่วงกลางดึก เขานอนอยู่บนเตียงอยู่ดีๆก็ให้สะดุ้งลุกขึ้นนั่ง!
“คุณ…..คุณรู้ได้ไงว่าเธออยู่เจแปน? เธอโทรหาคุณหรอ?”
“เปล่า ลูกสาวเธอที่อยู่ทางนั้นโทรมา เจ้าเด็กคนนั้นบอกว่าที่นั่นไม่มีคน ถูกขังให้อยู่ในคลังเก็บของอยู่คนเดียวเลยโทรศัพท์เข้ามา นักเรียนแกนี่มันยังไงกันนะ? สามีของเธอล่ะ? เธอป่วยอยู่โรงพยาบาล สามีของเธอไม่สนใจใยดีลูกเลยหรอ?!!”
ไชยันต์ได้ยินคำพูดนั้นก็อารมณ์ไม่ดี เลยด่าต่อว่าตรงนั้น
ไพบูลย์ “…….”
ร้องไห้ยังดีเสียกว่า…..
ก็สามีของเธอเป็นหลานชายของคุณไง เป็นเด็กที่ตามหาอยู่ไม่ใช่หรอ?
ไพบูลย์กังวลใจจริงๆ แต่ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ลุกขึ้นจากเตียง แล้วให้คำมั่นสัญญากับผู้เฒ่าว่า “ได้ครับๆ ผมจะแจ้งทางนั้นเดี๋ยวนี้เพื่อถามดู”
“ถามดูอะไร? มันบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอเด็ก”
“ห๊ะ?”
“แล้วก็สถานการณ์ของนักเรียนของเธอ มันก็ต้องการจะรู้ภายในสิบนาทีด้วย เสร็จแล้วส่งให้ฉัน” หลังจากนั้นผู้เฒ่าก็กดสายทิ้ง
โมโหจนไพบูลย์ที่อยู่ทางฝั่งนั้นอยู่ในอาการยุ่งเหยิง
สิบนาที?
ให้เขาตายเสียยังดีกว่ามั้ง?
ไพบูลย์รีบวิ่งไปโทรศัพท์หาคณาธิปอย่างร้อนรน
แต่ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
——
เจแปนโตเกียว
ตอนนี้คณาธิปยังอยู่ที่ด้านนอกห้องผู้ป่วย หลังจากที่เส้นหมี่ผ่าตัดไปช่วงกลางวันยังไม่ตื่น เขาไม่กล้าจากไป
โชกิ โดโมะโตะเข้ามาเห็นเขานั่งอยู่เก้าอี้ด้านนอกก็ส่ายหน้าถอนหายใจ หันหลังกลับไปห้องทำงานไปหยิบนมกล่องแล้วก็ขนมปังมา
“อากิยามะ คุณเป็นอย่างนี้ไม่ได้นะ ดูสิหลายวันที่ผ่านมาดูคุณผอมไปยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นไร”
คณาธิปรับของมาไว้ แล้วฉีกออกแล้วค่อยๆนั่งกินอยู่ตรงนั้น
แต่สายตาของเขามักจะมองไปที่ด้านในอยู่บ่อยๆ
โชกิ โดโมโตะเห็นก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอีก