ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 822 พวกเส้นหมี่เขากลับมาแล้ว
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 822 พวกเส้นหมี่เขากลับมาแล้ว
จากนั้น เธอก็วางสายโทรศัพท์อย่างโมโห
ถูกต้อง ต่อให้เธอตาย เธอก็ไม่ยอมแต่งกับหน้าด้านไร้ยางอายอย่างณคุนนั้นเด็ดขาด!
สุดท้ายขวัญเมืองก็ขับรถออกไปตรงดิ่งไปยังเดอะวิวซี
——
ที่สนามบิน
ตอนนี้แสงดาวพากาวินพร้อมด้วยดลธีมาถึงที่นี่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดระหว่างทาง พวกเขาวางแผนที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรงกลับไปเมือง A
“ก็ไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะกลายเป็นแบบนี้ ได้เคยพูดเรื่องของคุณชายน้อยทั้งสองกับใครบ้าง?”
ตอนที่กำลังรอเฮลิคอปเตอร์ ดลธีก็กำลังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่
แสงดาวขมวดคิ้ว
ทำไมเธอจะไม่กังวลใจล่ะ แต่ตอนนี้กาวินกลายเป็นแบบนี้แล้ว ถามไปก็ไม่ได้อะไร
ในตอนท้ายแสงดาวเลยตัดสินใจแจ้งตรงไปยังมัลดีฟส์ทางนั้นให้รับทราบ เพื่อความปลอดภัย ให้คนของทางนั้นรีบพาเด็กๆสองคนไปให้ไกล หลีกเลี่ยงจะเกิดอันตราย
ดลธีเห็นด้วย
“แสงดาว คุณจะพาเขาไปไหน?!!”
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในเวลานี้ ที่ตรงทางเข้าสนามบินนี้ จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงคำรามราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นมา
แสงดาวฟังแล้ว ช็อกไปในทันที ตอนนั้นโทรศัพท์ที่เธอไม่ทันแม้แต่จะกดโทรออกไป ก็หล่นร่วงตกลงไปกับพื้น
เป็นไชยันต์ เขามาถึงที่นี่!
“รีบไป!”
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก ในวินาทีแรกจึงทำการตัดสินใจนี้ออกมา คือให้ดลธีรีบพาตัวกาวินไป
ดลธีเองก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน
ทันใดนั้น หลังจากที่เขาคว้าตัวกาวินที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาโยนขึ้นมาบนหลัง เขาเตรียมที่จะวิ่ง
แต่ มันสายเกินไปแล้ว
ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยกำลังคนของตระกูลเทวเทพแห่งนี้ เพียงแค่เสียงตะโกนคำรามของชายชราคนนี้ ทันใดนั้น คนที่แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบจำนวนมากก็กรูล้อมเข้ามาทางพวกเขา และบางคนในจำนวนนี้ในมือก็ถือปืนอยู่ด้วย
ซึ่งจ้องเล็งมาที่ศีรษะของพวกเขาอย่างพอดิบพอดี
ดลธีไม่กล้าขยับ
และใบหน้าทั้งใบของแสงดาวก็ขาวซีดราวสีผักต้มไปในทันที
ใครกันนะที่ไปบอกความลับนี้?
ในที่สุดไชยันต์ก็มายืนตรงหน้าของเธอ เขาเหลือบไปมองกาวินที่ยังคงมีสีหน้าเหม่อลอยอยู่บนหลังของดลธีก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้น สายตาทั้งสองข้างก็เพ่งจ้องมองเขม็งมายังตัวเธอ
“เธอยากจะพูดอะไร?”
“……”
เธอหลับตาลง พยายามนำเอาความกลัวทั้งหมดในก้นบึ้งของหัวใจเหล่านั้นกดข่มเอาไว้ แล้วจึงจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“ฉันไม่ได้อยากจะพูดอะไร เขาเป็นคนของตระกูลหิรัญชา ฉันหาเธอเขาเจอแล้ว จะพาเขากลับไปก็เป็นเรื่องปกติ” ในที่สุดเธอก็ไม่ท่าทีที่ใบหน้าต้องเต็มไปด้วยรอยยิ้มแย้มทุกทีที่เจอชายชราคนนี้ เหมือนกับตอนอยู่ที่เดอะวิวซีอีกต่อไป
เธอในตอนนี้ ทั้งดวงตาทั้งคิ้วดูเย็นชาอย่างชัดเจน บนตัวยังแฝงไปด้วยความเกียจคร้านและความเงียบงันแบบไม่สนใจใครหน้าไหน
เธอใบลักษณะนี้ก็ยิ่งเหมือนกับคุณหนูดาวแห่งตระกูลเทวเทพในตำนาน!
แววตาอำมหิตของไชยันต์ปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็ยิ่งเพิ่มความน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น!
“เป็นเรื่องปกติ? เธอลืมเรื่องที่เธอเคยพูดกับฉันแล้วเหรอ?”
“ไม่ค่ะ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนโง่ไปแล้ว แม้ว่าจะส่งให้ท่าน ท่านถามก็ไม่ได้อะไร แล้วจะทำแบบนี้ทำไมล่ะ?” แสงดาวยังคงแยกแยะให้ตัวเองอย่างไม่ยอมลดละต่อไป
ไชยันต์หัวเราะเยาะ
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตาเหยี่ยวที่เต็มไปด้วยความอาฆาตคู่นั้น หลังจากที่มองลงไปดูหญิงสาวคนนี้แล้วนั้น
วินาทีถัดมา เขาโบกมือ ทันใดนั้น คนที่อ้อมล้อมพวกเขาไว้ ก็จับพวกเขาทั้งสามคนไว้แน่น!
“ท่านทำอะไร? ไชยันต์ ท่านปล่อยพวกเรานะ ฉันบอกแล้วว่า เขาโง่ไปแล้ว ท่านพาตัวเขากลับไปก็ไม่มีประโยชน์”
“……”
แม้แต่บริเวณที่ไกลออกไปต่างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของแสงดาว
——
เส้นหมี่ได้รับข้อความนี้เมื่อเธอเปิดเครื่องโทรศัพท์ ตอนที่เครื่องบินลงจอด
พอเห็นเข้า สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง !
แสงดาวถูกจับตัวแล้ว?
พร้อมด้วยกับดลธี และกาวินคนที่เพิ่งจะเจอตัว?!!
เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก แม้แต่ตอนที่ต้องลงจากเครื่องบิน เธอก็นั่งอยู่บนที่นั่งนั้นเป็นเวลานานจนลืมที่จะลุกขึ้น
“คุณเป็นอะไร? จะลงไม่ลง?”
แสนรักที่อุ้มลูกลุกขึ้นมาก่อนแล้ว เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นไม่เคลื่อนไหว เขาขมวดคิ้ว และถามด้วยประโยคไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
และก็เพราะประโยคนี้ ทันใดนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมา
“คุณแสนรัก ฉัน…….”
นั่นคือดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจและหวาดกลัว ทั้ง ๆ ที่ตลอดการเดินทางปากของผู้หญิงคนนี้ยังคงพูดไม่หยุด ในดวงตาของเธอ ก็มักจะแฝงด้วยความสดใสและจรัสเจิดจ้าอยู่เสมอ
แต่ในเวลานี้ กลับเหมือนกับว่าจู่ ๆ ถูกพายุหิมะปิดคลุมไปจนหมดสิ้น ในดวงตาของเธอก็มองไม่เห็นความสว่างสดใสนั้นหลงเหลืออยู่เลย
ผู้ชายหรี่ตาลง : “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“….คุณแสงดาวเธอ….เธอถูกคุณท่านจับตัวไปแล้วค่ะ บอกว่าเธอหาตัวบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่เมื่อก่อนเคยติดตามคุณได้ ชื่อกาวิน จากนั้นคิดจะพาตัวกลับไป แต่ผลคือถูกคุณท่านรู้เข้า เขาจึงโกรธมากจนจับตัวเธอไว้ค่ะ”
ในที่สุดเส้นหมี่ก็พูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างลังเลใจ
อันที่จริงเมื่อสักครู่เธอพยายามต่อสู้กับการตัดสินใจ เพราะหลังจากได้รับข่าวนี้ เธอรู้สึกตกใจเหมือนคลื่นลมในทะเลที่ถาโถม ก็ลังเลใจอยู่ตลอดว่าจะบอกคนคนนี้หรือไม่?
ถ้าบอก จะเป็นเรื่องดีต่อแสงดาวกับพวก
แต่ แบบนี้จะมีผลกระทบกับเขาหรือไม่? เพราะเขาเพิ่งจะมีวี่แววการฟื้นตัว ถ้าหากเขารู้แล้ว ความเกลียดแค้นในก้นบึ้งของหัวใจเขาจะกำเริบออกมาอีกทันทีหรือไม่?
เส้นหมี่จ้องดูเขาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมา
กลับเห็นว่า หลังจากที่ชายคนนี้ฟังแล้ว เขายืนอุ้มลูกอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้น เขาถามขึ้นมาหนึ่งประโยค : “กาวินก็ยังไม่ตาย?”