ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 876 ความเป็นมนุษย์
ม็อกโกกำหมัดแน่น เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าน้องชายคนนี้ของเขาแล้ว เขาไร้กำลังมากแค่ไหน แล้วยังเปราะบางมากแค่ไหน
“พี่ชายใหญ่ กำลังคิดอะไรหรือ?”
เส้นหมี่รู้สึกได้ ถึงถามขึ้นอย่างห่วงใย
ม็อกโกตกใจเล็กน้อย จึงได้สติกลับมา
“เปล่า แค่พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันเองก็วางใจแล้ว แต่ว่า ถ้าเรื่องนี้เขาเป็นคนทำ ถ้างั้นต่อไปคงไม่สงบสุขแล้วล่ะ”
ม็อกโกได้ยินน้องสะใภ้คนนี้เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ ก็รู้สึกดีใจมาก
จากนั้น เขาก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ แต่เริ่มอธิบายสถานการณ์ที่ตระกูลเทวเทพจะต้องเผชิญให้เธอฟัง
เมื่อเส้นหมี่ได้ยินดังนั้น คิ้วสวยก็แสดงความกังวลใจออกมาตามคาด
“แล้วจะทำอย่างไรดี? คงไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขานะ?”
“ไม่หรอก วางใจเถอะ เรื่องใหญ่เท่าฟ้าถาโถมเข้ามา ก็ยังมีคุณปู่ช่วยอยู่ ไม่อย่างนั้น แสนรักเองก็ไม่มีทางกลับไปที่ค่ายทหารหรอก”
“……”
คำพูดนี้ฟังดูแปลกเล็กน้อย
ราวกับว่า ที่หมอนั่นกลับไปที่ค่ายทหาร ไม่ใช่เพราะฝึกฝน แต่เพราะหลังจากก่อเรื่องไว้แล้ว วิ่งเข้าไปหลบ แล้วก็โยนปัญหาทั้งหมดให้ตาแก่นั่นคนเดียว
เฮ้อ!
เส้นหมี่เองไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เพราะไม่ว่าอย่างไร พฤติกรรมของผู้ชายของตัวเอง……
“ถ้างั้นหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันกลับก่อนนะ ช่วงนี้ทางที่ดีเธออย่าออกไปไหนเลยจะดีกว่า ตอนนี้ด้านนอกไม่ค่อยปลอดภัย อยู่ที่เดอะซีวิวดีแล้ว”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เส้นหมี่ตอบตกลงแล้ว
จากนั้น คนคนนี้ก็ออกไปจากที่นี่
—
สิ่งที่ม็อกโกย้ำ ก็มีเหตุผลจริงๆ
เพราะทางด้านของไวท์ พาเลซ ตั้งแต่ส่งปาเวซกลับไปแล้ว ทั่วทั้งพาเลซก็ลึกลับอย่างมาก จิตสังหารที่เข้มข้นครอบคลุมไว้เสียจนทำให้แทบหายใจไม่ออก
“การ์ดพัฒน์ คุณชายยังไม่ออกมาอีกหรือ?”
“ยังเลยครับ”
บอดี้การ์ดที่เฝ้านอกห้องนั้นไว้ตลอดเวลา เมื่อเห็นคุณนายคนนี้มาอีกแล้ว ก็ส่ายหัวอย่างหนักใจ
เมื่อคุณนายปัณฑาเห็นดังนั้น ทันใดนั้น เธอที่ไม่ได้นอนมาหนึ่งคืนแล้ว ก็ยืนอยู่หน้าประตู น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาที่แดงก่ำ
“นี่เขาจะขังเขาไปถึงเมื่อไรกันแน่? เขายังป่วยอยู่เลยนะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะทนไม่ไหวเอา” เธอร้องไห้แล้วพูดขึ้น
“……”
ไม่มีใครสนใจเธอ
นาทีนี้ แม้แต่บอดี้การ์ดที่เพิ่งจะคุยกับเธอเมื่อครู่เอง ก็ขมวดคิ้ว ไม่สนใจเธอแล้ว
ป่วย?
จนเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีคนแคร์อาการป่วยของเขาอีกหรือ?
ผู้หญิงคนนี้ร้องไห้แล้วเดินจากไป
หลังจากไม่กี่นาที ชายวันกลางคนที่สวมแว่นสีทอง และรูปลักษณ์สง่างามก็เดินเข้ามา
“หัวหน้าเลขาฯเปรม อรุณสวัสดิ์ครับ!”
เมื่อบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูเห็น ก็รีบยกมือขึ้น แล้วก็ทำความเคารพคนคนนี้ด้วยมารยาทในแบบของทหาร
เปรมชัยพยักหน้า ถามขึ้น “เขาอยู่ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง? ยอมพูดทุกอย่างหรือยัง?”
บอดี้การ์ดสีหน้าแย่ทันที “ยังครับ หัวหน้าเลขาฯเปรม จะขังแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจริงหรือ? ผมเกรงว่าเขา……จะฝืนร่างกายไม่ไหว เมื่อวานตอนกลางคืนก็เป็นลมไปสองรอบแล้ว”
บอดี้การ์ดคนนี้ติดตามไวท์ พาเลซมาตลอด มีความรู้สึกต่อปาเวซอยู่พอสมควร
แต่เปรมชัยกลับถอนหายใจอีกครั้ง
“แล้วมีวิธีอะไรอีก? ตอนนี้เขาได้สาวไส้ไวท์ พาเลซไปหมดแล้ว ไม่เห็นหรือว่าทางคณะรัฐมนตรีก็ถกเถียงกันไม่หยุด? ถ้าหากไม่มีคำอธิบายกับเรื่องนี้ ทางด้านคุณท่านคงแย่แน่”
“……”
คุณท่าน แน่นอนว่าหมายถึงผู้นำสูงสุดของไวท์ พาเลซ ไวท์รอน!
บอดี้การ์ดพูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เปรมชัยเปิดประตูเข้าไปด้านใน กลับพบว่า ทันทีที่เข้ามา เขาก็เห็นห้องนอนที่เละเทะไปหมด คนที่ขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง แม้ว่าตอนนี้จะดูไม่เป็นไร
แต่ว่า ดวงตาว่างเปล่าที่มองไปยังหน้าต่างคู่นั้น กลับไม่ได้แตกต่างอะไรจากตายไปแล้ว
“เวซ หิวแล้วสินะ? อาเปรมเอาอาหารเช้ามาให้นิดหน่อย”
เปรมชัยเดินเข้ามา แล้วยื่นขนมปังและนมกล่องหนึ่งที่อยู่ในมือให้เขา
ไม่มีใครสนใจ
เด็กหนุ่มคนนี้ หลังจากถูกทรมานมาหนึ่งคืนเต็ม ก็เหมือนว่าจะไม่รับรู้ การเคลื่อนไหวทุกสิ่งอย่างจากภายนอก และมองไม่เห็น
เปรมชัย “……”
ถอนหายใจอีกครั้ง เขาเพียงวางสิ่งเหล่านั้นวางไว้ข้างๆ จากนั้นก็ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมา นั่งอยู่ตรงหน้าของเขา
“เวซ การที่ไม่ยอมส่งเสียงอะไรเลยมันไม่มีประโยชน์นะ ตอนนี้มันวุ่นวายถึงขนาดที่ว่าเหล่าประชาชนได้มาประท้วงกันที่หน้าไวท์ พาเลซแล้วนะ ถ้าไม่พูด แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไรล่ะ?”
“ให้ฉันพูดอะไร?”
คิดไม่ถึงเลย หลังจากที่เปรมชัยพูดประโยคนี้จบ เด็กหนุ่มก็ได้พูดขึ้นแล้ว
เพียงแต่ ในเสียงแหบๆนั้น เต็มไปด้วยความประชดประชันที่ล้นหลาม
เปรมชัยนิ่งไป “ก็ต้องพูดเรื่องที่เธอสร้างผู้ฝังชิปน่ะสิ สร้างไปเท่าไรกันแน่? แล้วเอาไปไว้ข้างกายของใคร? เธอต้องพูดเรื่องพวกนี้ออกมาด้วยนะ”
“จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้น……จากนั้นก็ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยสิ เวซ เธอยังไม่เข้าใจถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ใช่ไหม? ถ้าหากพ่อของเธอยังไม่ทำให้มันสงบลง มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกกล่าวหา หรือถึงขั้นถูกฟ้อง เธอเข้าใจหรือเปล่า?”
เปรมชัยร้อนรน เขาพูดถึงผลลัพธ์ที่รุนแรงจากเรื่องนี้ออกมา เพื่อให้เด็กคนนี้เข้าใจ แล้วรีบสารภาพ
แต่ว่า หลังจากปาเวซได้ยินดังนั้น กลับหัวเราะมา