ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 90 คุณบ้าหรือไง?
ในที่สุดเส้นหมี่ก็ทรุดลง ความโกรธเคืองในหัวใจ บวกกับการปล่อยมือนี้ ทำให้เธอเหนื่อยล้าเหงื่อออก ของสิ่งนี้ตกลงไปแล้ว ทันใดนั้น เธอก็สั่น เธอที่ทั้งเหนื่อยทั้งโกรธทั้งไม่พอใจ ก็ทรุดลงไปทันที
“แสนรัก คุณมันบ้า!”
เธอหอบ ในเบ้าตาสีแดงนั้น น้ำใสๆที่เหมือนหมอกที่กลั้นอยู่นานนั้น ในที่สุดก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป“กระซิกกระซิก”ไหลลงมา
แสนรักตกใจทันที
เดิมทีหลังจากได้เห็นท่าทีโง่ๆของเธอที่แบกชิ้นเหล็ก เขารู้สึกมีความสุขมาก แต่ตอนนี้หลังจากเธอนั่งยองลงไปที่พื้นด้วยสภาพแบบนั้น ทันใดนั้นเขาก็เยาะเย้ยไม่ได้อีกต่อไป
“ผมบ้าหรือคุณบ้า?บริษัทใหญ่ๆของผม พอคุณมาก็ก่อเรื่องจนทำให้เกิดคำวิจารณ์ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง คุณยังมีหน้ามาว่าผม?”
“ก่อเรื่องให้วิจารณ์ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง?ฉันทำอะไรเหรอ?”
เส้นหมี่เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาที่แดงก่ำ จ้องไปที่ชายคนนั้นด้วยความโกรธที่ไม่ลดลงเลย
แสนรักหันหน้าไปนิด สายตามองไปทางอื่น:“คุณไม่ได้ยินเหรอ?ตอนนี้ทั้งบริษัทกำลังวิจารณ์คุณอยู่ บอกว่าคุณโชคดี พอมาบริษัทก็มีรองประธานมาชอบ เส้นหมี่ ผมไม่รู้ว่าที่แท้คุณก็ช่ำชองในการกระชับความสัมพันธ์แบบนี้นะ?”
เขาเปลี่ยนคำพูดแล้ว ไม่มีคำพูดที่ไม่น่าฟังอย่างนั้นแบบก่อนหน้านี้แล้ว
แต่พอเส้นหมี่ได้ยิน ก็กระโดดขึ้นมาทันที:“ปัญญาอ่อน!เขาชอบฉันอะไร?สมองเขาเองน่ะมีปัญหา ฉันทำงานตรงนั้น หลังจากนั้นถูกคนฟ้อง ก็เรียกฉันไปเป็นผู้ช่วยเขา นี่คือมีความสัมพันธ์กับฉันเหรอ?”
“……”
“แต่พอพูดถึงแล้ว นี่คือลักษณะเฉพาะของบริษัทของคุณเหรอ?เจ้านายแบบไหน ลูกน้องก็เป็นแบบนั้น?”
จู่ๆเส้นหมี่ก็เปลี่ยนเรื่อง จ้องชายหนุ่มคนนี้ด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
คนประสาททั้งกลุ่ม!
แสนรักจะฟังไม่เข้าใจได้ไง ทันใดนั้นเส้นเลือดที่หน้าผากก็ปูดออกมา
แต่สุดท้าย เขาก็ทนไว้ เพราะว่าตอนนี้เคถืออาหารเข้ามา:“เอ่อ……ประธานครับ คุณเส้นหมี่ ทานข้าวก่อนไหม?”
แสนรักไม่พูด
แต่พอเส้นหมี่เห็น กลับยืนขึ้นจากพื้นทันที:“ไม่กิน!ฉันมีสิทธิ์กินอาหารของท่านประธานพวกคุณด้วยเหรอ?ฉันมีแต่ทำให้เขาขยะแขยงน่ะสิ”
จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ออกไปด้วยใบหน้าเดือดจัด ไม่หันหน้ามาสักนิด ออกไปก็ปิดประตูดัง“ปัง”
แสนรัก:“……”
เค:“……”
พอเห็นสีหน้าเขาดูแย่มากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงรีบถือข้าวมาเอาใจ:“ประธาน พวกเราทานข้าวกันก่อนดีกว่า เรื่องนี้คุณอย่ากังวลเลย ตอนบ่ายรอคุณเส้นหมี่กลับมา ผมจะให้เธอมาทำงานที่สำนักงานของท่านประธาน”
——
เส้นหมี่ออกไปจากหิรัญชากรุ๊ป
แน่นอนว่าเธอไม่กลับไปกินข้าวที่โรงอาหารเก่าๆนั่นหรอก โกรธจนอิ่มไปหมด ยังจะมีอารมณ์กินข้าวที่ไหนกัน?สู้กลับไปกินบะหมี่ที่บ้านดีกว่า!
แต่ตอนที่เธอใกล้จะถึงบ้าน จู่ๆทางโรงเรียนอนุบาลกลับโทรมา:“คุณแม่คิวคิว เกิดอะไรขึ้น?ทำไมวันนี้ลูกชายพวกคุณไม่พูดเลย ป่วยหรือเปล่าคะ?”
“อ๋า?”
เส้นหมี่ได้ยิน สีหน้าก็ซีดขาวทันที
คิวคิวป่วยเหรอ?ไม่นี่?เช้าวันนี้ที่เธอไปส่ง ก็ไม่เห็นเขามีอาการไม่สบายอะไรนี่
เส้นหมี่ไม่สบายใจทันที ไม่มีอารมณ์ไปคิดอย่างอื่นแล้ว เธอให้คนขับเปลี่ยนเส้นทาง ไปที่โรงเรียนอนุบาลทันที
“คุณแม่คิวคิว คุณมาเสียที รีบมาดูสิคะ ฉันพาเด็กๆออกมาแล้ว”
อย่างที่คิดไว้ พอเธอถึงหน้าโรงเรียนอนุบาล ครูคนนั้นเห็นเธอ ก็พาเด็กสองคนนี้ออกมาจากด้านในพอดี มีแต่ความกังวลเต็มไปใบหน้าเหมือนไม่ได้พูดเล่น
เส้นหมี่วิ่งเหยาะๆไปทันที ย่อตัวลงไปที่หน้าลูกทั้งสอง
“คิวคิว ไม่สบายเหรอลูก?”
“เปล่าค่ะๆ หม่ามี๊ พี่ไม่ได้ไม่สบาย”รินจังลูกรักเห็น ก็รีบโบกมือเล็กๆแน่นๆนั้น สื่อว่าพี่ชายไม่ได้ป่วย
แต่ว่าเส้นหมี่ดูแล้ว พบว่าลูกชายในวันนี้ ไม่เหมือนเดิมจริงๆ แต่ว่า ตรงไหนที่ไม่เหมือนเดิมนะ?เธอพูดไม่ออกเท่าไหร่
“คิวคิว?”
“เปล่าครับ ข้าวไม่อร่อย”คิวคิวยืนอยู่ตรงหน้าหม่ามี๊สักพัก ในที่สุดก็อ้าปากพูดออกไปไม่กี่คำ เขาบอกว่า ข้าวไม่อร่อย
ข้าวไม่อร่อย?
เส้นหมี่เงยหน้ามองไปที่ครูคนนั้นทันที
แต่ครูส่ายหน้าทันที:“ไม่นี่ เมื่อก่อนคิวคิวกินข้าวที่โรงอาหารอย่างอร่อยมาก และวันนี้ยังมีซี่โครงตุ๋นมันฝรั่งที่เขาชอบกินด้วย จะไม่อร่อยได้ไง?”
ครูไม่เชื่อคำพูดนี้
ดังนั้นเส้นหมี่จึงมองไปที่ลูกชายคนนี้อีกครั้ง
ที่จริงคิวคิวเป็นเด็กดีมาก ตอนที่เส้นหมี่ทำงาน เขาจะพาน้องไปโรงเรียนอนุบาลอย่างเชื่อฟัง ไม่เคยสร้างปัญหาให้หม่ามี๊ นอกจากว่า เขาจะป่วยจริงๆ
หรือว่า เขาจะป่วยจริง?
เส้นหมี่คิดได้ว่าเมื่อก่อนเด็กคนนี้เคยป่วย แต่เพื่อไม่ให้เธอกังวล เลยไม่ยอมพูด พอเห็นสภาพเด็กคนนี้ที่ไม่พูดแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งแน่ใจ
“เอาล่ะ คิวคิว หม่ามี๊พาลูกไปหาหมอเอง”
“อ๋า?”
เด็กทั้งสองคนก็ตะลึงอยู่ตรงนั้นทันที
ไปหาหมอจริงๆเหรอ ไม่สิ เขาไม่ได้ป่วยจริงๆนะ เขาแค่ไม่ใช่คิวคิวของเธอ แต่เป็นลูกอีกคนของเธอซึ่งก็คือชินจังไง
สองคนพี่น้องถูกพาออกไปจากโรงเรียนอนุบาล รินจังลูกรักเห็นหม่ามี๊ไปโบกรถ หน้าเล็กๆนั้นก็เอนไปด้านหน้าพี่ชายอย่างไม่รู้จะทำไรดีทันที