ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 968 ก็แค่สองผัวเมียทะเลาะกัน
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 968 ก็แค่สองผัวเมียทะเลาะกัน
“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าอยากกลับหรือไม่กลับ แต่! ! !” เส้นหมี่ที่ในที่สุดก็ได้สติหลังจากย้อนคิดไปคิดมา ตัวเธอแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แม้แต่นิ้วมือเองก็สั่นเทาอยู่เล็กน้อย
“แต่เป็น…….ทำไมคุณถึงอยากกลับเมือง A?”
ขอบตาเธอแดงก่ำ และถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แสนรัก “กระตุก” เล็กน้อย
รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคิดอยากจะอธิบายปัญหาเรื่องนี้ แต่กลับสบตาเข้ากับหยดน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลร่วงลงมาจากดวงตาของเธอ
“คุณได้สติมานานแล้วใช่ไหม? คุณโกหกฉันมาโดยตลอด?”
“ไม่ใช่……..”
“แสนรัก คุณนี่มันเลวจริงๆ คุณกล้าโกหกฉันใช่ไหม? คุณรู้บ้างไหมว่าในแต่ละวันฉันคอยเฝ้าอธิษฐานกับดวงดาวกับดวงจันทร์? อธิษฐานว่าให้คุณตื่นขึ้นมา? คุณรู้หรือไม่ว่าเพื่อให้คุณได้ฟื้นฟูหายเป็นปกติ ฉันต้องทุ่มเทความพยายามมากแค่ไหน? คุณกลับกล้าโกหกฉัน?!!”
เส้นหมี่ควบคุมไม่อยู่แล้ว
ไม่ใช่เพราะอื่นใด ก็เพราะตัวเองที่อดทนมานานขนาดนี้ พยายามมานานขนาดนี้ แต่ผู้ชายคนนี้ หลังจากที่ตื่นแล้ว กลับเลือกที่จะไม่บอกเธอ และยังคงทรมานเธอ
เส้นหมี่หันหลังแล้ววิ่งไป
“ที่รัก—— “
ในที่สุดผู้ชายที่แสร้งวางมาดเย็นชาก็ประหม่าแล้ว เขาโยนหนังสือในมือลง แล้วก้าวเท้ายาวๆ วิ่งตามไป
แต่ ผู้หญิงคนนี้กลับวิ่งเร็วมาก ยังไม่ทันถึงครู่หนึ่ง เขาก็ตามออกมา เธอกลับวิ่งตรงลงบันไดไปถึงที่ชั้นสองเรียบร้อยแล้ว ห่างกันหนึ่งชั้นก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ
แสนรัก : “……..”
คนใช้ A ที่อยู่ด้านล่าง : “เกิดอะไรขึ้น? คุณชายเล็กทะเลาะกับคุณผู้หญิงอีกแล้วเหรอ?”
คนใช้ B : “ไม่หรอกมั้ง? คุณชายเล็กก็หายเป็นปกติแล้ว ทำไมจะทะเลาะกับคุณผู้หญิงอีกล่ะ?”
คนใช้ C : “งั้นทำไมคุณผู้หญิงร้องไห้อยู่ล่ะ? เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้หนักขนาดนี้นะ เธอฟังเสียงร้องไห้นี้สิ เดี๋ยวหากดึงดูดคุณท่านเข้ามาก็จะแย่เอานะ”
“……”
ดูสิ แม้แต่คนใช้ก็ยังดูออก เขาหายเป็นปกติแล้ว เว้นแต่ผู้หญิงคนนี้ที่ยังดูไม่ออก
อีกทั้งยังโทษเขาที่ไม่ยอมบอก
เส้นเอ็นตรงหน้าผากของชายหนุ่มกระตุกเด้งขึ้น
แต่ยังมีวิธีไหนอีกล่ะ? บรรพบุรุษตัวน้อยที่ตัวเองสู่ขอมา ถึงแม้ว่าต้องคุกเข่า ก็ต้องปลอบให้เธอหายโกรธ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ภรรยาพูดนั้นถูกทุกอย่าง แม้ว่าไม่ถูก นั่นก็เป็นความผิดของเขา!
แสนรักวิ่งตามลงมาตลอดทาง
และแล้ว พอลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นว่าไชยันต์ที่ได้ยินความเคลื่อนไหวก็ออกมาจริงๆ ด้วย ในตอนนี้ เขายืนขวางอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่ยืนเอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างหนัก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมเธอร้องไห้แบบนี้?”
“ฮือ~~~”
นี่เป็นครั้งแรกที่เส้นหมี่เสียมารยาทต่อหน้าชายชราคนนี้
แต่เธอนั้นเสียใจมากจริงๆ ไม่สามารถควบคุมได้เลยแม้แต่น้อย
“เขา…….เขาโกหกฉัน”
“โกหกเธอ? โกหกอะไรเธอเหรอ? เธอพูดออกมา ฉันไปสั่งสอนเขาแทนเธอเอง!”
ชายชราคนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่เขตทหารเมื่อช่วงเช้าหรือเปล่าที่แสนรักบอกว่าจะกลับเมือง A ในเวลานี้ก็โกรธเป็นไฟอยู่เต็มท้อง เตรียมจะไปคิดบัญชีกับแสนรักทีเดียว
แสนรักบีบนิ้วมือจนกระดูกเสียงดังกร๊อบแกร๊บ
ตรงดิ่งเข้ามาใช้แขนอันแข็งแกร่งทั้งสองข้างช้อนตัวผู้หญิงคนนี้ขวางอยู่ในอ้อมกอด โดยไม่พูดอะไรเลย
“หา——“
“กรี๊ด ! ! !”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาว!
เสียงกรีดร้องของผู้ที่มุงดูโดยรอบแทบจะดังขึ้นพร้อมกัน
นี่มันสุดเหวี่ยงเกินไปแล้ว!
คุณชายเล็กกับคุณผู้หญิงแบบนี้มันจะดีเหรอ? มีคนมากมายอยู่ที่นี่ จะเชือดคอสุนัขอย่างนี้มันช่างเมตตากรุณาเกินไปหรือเปล่า?
แต่ความเป็นจริงก็คือ คุณชายเล็กคนนี้ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ หลังจากที่อุ้มหญิงสาวขึ้นมาแล้ว เขาก็รุดไปข้างหน้าแล้วพูดกับชายชราด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า : “เรื่องของผัวเมีย ท่านอย่ามายุ่งเลย”
จากนั้นก็อุ้มเธอเดินยาวๆ จากไป
ไชยันต์ที่อยู่ด้านหลังโมโหจนต้องกระทืบเท้า!!
“ไอ้เด็กเวรนี่ เขาเขาเขา——“
“ใช่ใช่ใช่ เขายโสโอหังเกินไป ทำเกินไปแล้ว คุณท่าน ท่านใจเย็นๆ พวกเราอย่าไปสนใจเขา ไปดื่มชาดื่มชา”
จากนั้นรองผู้นำเดชาก็ผลักๆ ลากๆ พาชายชราคนนี้ออกไป
และบนชั้นบน หลังจากที่แสนรักอุ้มเส้นหมี่ขึ้นมาแล้ว ไม่สนใจการต่อสู้ขัดขืนของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อมาถึงห้องนอนชั้นสามแล้ว ทันทีที่เขาปิดประตูลง ก็โยนเธอลงบนเตียงแล้วล้มทับลงไปโดยตรง
“โอ๊ย…….สารเลว……..”
“ใช่ ผมมันคนสารเลวคนหนึ่ง แต่ที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ตอนนั้นที่ผมฟื้นมา ตามมาด้วยคืนนั้นคนของประพิศก็มา ผมก็ได้แค่เล่นไปตามเกม ผมคิดอยากแก้แค้นแทนกาวิน และก็อยากช่วยตระกูลเทวเทพ ผมจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้ ที่รัก”
เขาจับเธอไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นที่ร้อนผ่าว ล้วนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง
เส้นหมี่ถึงกับอึ้ง
เขาพูดถึงคืนนั้นที่เขาถูกใส่ร้ายจนบ้าคลั่งที่เขตทหาร?
ที่แท้เขาฟื้นฟูหายเป็นปกติมาตั้งนานแล้ว?!
“คุณรู้ไหม? ตอนนั้นที่ โรงพยาบาลจิตเวท เมื่อผมเห็นคุณกระอักออกมาเป็นเลือดสีแดงสดล้มลงหน้าห้องพักผู้ป่วยของผม ผมแทบใจสลายขนาดไหน ในเวลานั้น ผมบ้าจริงๆ ผมไม่คิดจะทำอะไรอีกแล้ว ผมคิดแค่ว่าพุ่งออกมาจากข้างใน จากนั้นพาคุณออกไป พวกเราไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ไปจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้ ที่รัก สิ่งเหล่านี้คุณรู้บ้างหรือเปล่า?”
เขาพูดอธิบายให้ฟังขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแต่ ในครั้งนี้ สิ่งของเหล่านี้ที่ฝังลึกอยู่ในใจเขามานานแสนนาน ในที่สุดหลังจากที่พูดออกมาแล้ว ผู้ชายที่สูงใหญ่คนหนึ่ง ก็ประคองศีรษะของเธอแล้วก้มต่ำลงมา
จากนั้น ซุกเข้าไปในซอกคอของเธอ ล้วนเป็นน้ำตาที่อุ่นร้อนเปียกปอนไหลพรากมาจากขอบตาของเขา
แขนทั้งสองข้างของเส้นหมี่ค่อยๆ กอดเขาไว้แน่น