ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 979 หนูน้อยสุดน่ารักมาแล้ว
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 979 หนูน้อยสุดน่ารักมาแล้ว
ม็อกโกเงยหน้าขวับ สองขาก็หยุดเดินทันที!
“อืม เพิ่งไปงานราชการมา ทำไมนายถึงมาหาถึงที่นี่ได้? มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไร แค่อยากจะถามพี่ว่า ต่อไปนี้พี่วางแผนจะทำอะไรต่อ?”
สีหน้าของแสนรักเรียบนิ่งมาก
เขายืนอยู่ในด้านมืดของแสง สองมือสอดในกระเป๋ากางเกงสูทด้วยท่าทีสบายๆ ท่าทางทรงพลัง แต่ออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขานั้นเกียจคร้านและสบายๆ
แม้แต่ใบหน้าคมที่หล่อเหล่าก็ยังดูสบายๆ
ม็อกโกชะงัก “วางแผน? นายถามถึงครอบครัวฉัน? หรืองาน?”
“งาน”
“ถ้าเรื่องงาน ฉันก็จะยังคงรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรบพิเศษในค่ายทหารต่อ ทำไมเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
ม็อกโกรู้สึกประหลาดใจมาก
เพราะแต่ก่อนคนตรงหน้าไม่เคยถามถึงเรื่องงานของเขามาก่อน พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ปกติมักจะสนับสนุนและห่วงใยกัน แต่การมาถามอย่างจริงจังว่าเขามีแผนอะไร
เขาไม่เคยโดนถามมาก่อน
“เปล่า ฉันเพียงแค่ได้ยินคุณท่านบอกว่าหลังจากประพิศหมดอำนาจ รัฐสภาจะต้องจัดหาผู้นำคนใหม่ทันที อำนาจทางการเมืองใหม่เกิดขึ้น จะต้องต้องการเหล่าผู้นำใหม่แน่นอน ถึงตอนนั้นพี่จะเข้าร่วมไหม?”
“อะไรนะ?”
ดวงตาของม็อกโกเบิกกว้างทันที “ฉันจะเข้าร่วมทำไม? ฉันไม่ได้เล่นการเมืองสักหน่อย สนามรบของฉันอยู่ที่นี่ เข้าสู่สนามรบฆ่าศัตรูสิถึงจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำ ฉันจะไปที่บ้าบอนั่นทำไม?”
คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธทันทีและน้ำเสียงของเขาค่อนข้างตื่นเต้น
แสนรักยืนอยู่ตรงนั้น ในที่สุดมุมปากของเขาก็ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย…
ความจริงในจุดนี้ค่อนข้างคล้ายกับพ่อของเขา ว่ากันว่าตอนแรกที่ไชยันจะให้ขุนนายก้าวเข้าสู่วงการการเมือง ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเหมือนกับคนตรงหน้าเป๊ะไม่ผิดเพี้ยน
สิ่งนี้มันเรียกว่าอะไร?
สืบทอดสินะ
ของบางอย่างเช่นจิตวิญญาณทหารไม่จำเป็นต้องให้ลูกชายตัวเองสืบทอด เพียงแค่เป็นคนที่มีสายเลือดของตระกูลนี้ก็เพียงพอแล้ว
สุดท้ายแสนรักก็จากไปด้วยความพอใจ
ม็อกโกมองแผ่นหลังของเขาด้วยความแปลกใจ “เขากำลังทำอะไร? ถ่อมาเพื่อถามฉันเรื่องนี้?”
ผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งมาหาพอดี “ผู้พัน น้องชายคุณมาหาคุณด้วยเรื่องอะไร? ต้องการให้คุณไปส่งเขากลับบ้านรึเปล่า? ผมได้ยินมาว่าเขากำลังจะพาหลานชายหลานสาวของคุณกลับเร็วๆนี้”
ม็อกโก “…”
กลับบ้าน?
เขาจะกลับไปที่เมืองAแล้ว? แล้วเขาต้องไปดูด้วยสักหน่อยไหม?
ทันใดนั้นหลังจากหัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ความคิดไร้สาระก็โผล่ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่…
—
ในโรงเรียนสาธิตปฐมเขตทหาร
เส้นหมี่พาเด็กๆมารอตรงนี้สักพักหนึ่งแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าครูเหล่านี้จะจัดงานขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อลูกๆของเธอ
“คุณของน้องรินจัง งั้นพวกเราออกเดินทางกันดีกว่าค่ะ ครั้งนี้ฟาร์มที่ผู้ปกครองของโตโน่อำนวยความสะดวกให้พวกเราได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นของพวกเขาเอง เพื่อให้รินจังกับพี่ชายสองคนของเธอมาสนุกด้วยกันก่อนที่ออกจากโรงเรียน”
ตอนที่คุณครูออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับกลุ่มเด็กและผู้ปกครองที่ถือธงเล็กๆ ก็มองเส้นหมี่ด้วยรอยยิ้มที่จริงใจและกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
เส้นหมี่ยิ่งทำตัวไม่ถูก
เธอแค่มาร่วมงานปาร์ตี้เลี้ยงส่งลูกสาวเธอ ทำไมถึงเล่นใหญ่ขนาดนี้?
“ใช่ค่ะๆ หม่ามี๊น้องรินจัง พวกเราเคยไปที่ฟาร์มมาแล้ว บอกได้เลยว่าสนุกมาก สามารถเก็บผลไม้และยังสามารถตกปลาตกกุ้งได้ด้วย เด็กๆจะต้องสนุกมากแน่ๆ”
“ใช่แล้ว ที่นั่นพวกเรายังเตรียมเซอร์ไพรส์ใหญ่ไว้ให้ลูกของคุณด้วยนะคะ”
“…”
เมื่อเห็นว่าครูประจำชั้นออกปาก
ดังนั้นผู้ปกครองที่แต่งตัวอย่างสวยงามหลายคนจึงมามาด้วย พวกเขาประจบเส้นหมี่ด้วยการแนะนำฟาร์มแห่งนั้น แต่ละคนต่างแทบจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้
การได้รับเช่นนี้เธอเพิ่งได้รับเป็นครั้งแรก
แต่ก็สามารถเข้าใจ ตั้งแต่ไม่กี่เดือนก่อนหลังจากที่สองแสบไปก่อกวนโรงเรียน ทุกคนในโรงเรียนจึงล้วนรู้หมดแล้วว่าพวกเขาเป็นคนตระกูลเทวเทพ
ส่วนในตอนนี้หลังจากที่ข่าวคราวความวุ่นวายที่สมรมณ์วัลย์ออกมา
เชื่อว่า ทุกคนล้วนรู้ว่าคุณผู้หญิงของตระกูลเทวเทพอย่างเธอเป็นนายหญิงของตระกูลเทวเทพแล้วใช่ไหม?
เส้นหมี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาเด็กทั้งสามไป จากนั้นออกเดินทางไปกับครูประจำชั้น เหล่านักเรียนและผู้ปกครอง
โชคดีที่ครูคนนี้รู้ว่าหากจำนวนคนมากเกินไปจะไม่ดี การออกเดินทางครั้งนี้จึงไม่ใช่ทั้งหมดทุกคน
“หม่ามี๊ ดูสิ ผมบอกแล้วว่าอย่ารับปากว่าจะมา หม่ามี๊ดูสถานการณ์ตอนนี้สิ”
อิคคิวเป็นเด็กที่คิดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ หลังจากที่ถูกบังคับให้ขึ้นรถอย่างไม่มีความสุข ก็นั่งลงข้างแม่แล้วบ่นออกมา
พอหนูรินจังเห็นว่าพี่ชายของเธอไม่มีความสุข หัวเล็กๆก็ก้มลงคอตกอย่างอัดอั้น
โชคดีที่ในตอนนี้มีชินจัง
“อย่าว่าหม่ามี๊แบบนั้น หม่ามี๊แค่อยากให้เรามีความสุข อีกอย่างน้องก็ชอบ พวกเราก็ควรมาเป็นเพื่อนเธอ นี่เป็นหน้าที่ของคนเป็นพี่ชาย”
เขาสอนน้องชายของเขาอย่างมีเหตุมีผล
อิคคิวฟังแล้วก็ก้มหน้าลงด้วยความละอาย
เส้นหมี่ที่นั่งอยู่กับที่เห็นฉากของเด็กน้อยสามคนนี้กำลังปกป้องตัวเองและยังมีความสามัคคีรักใคร่เป็นหนึ่งเดียวกัน ในใจเธอก็รู้สึกประทับใจ