ยั่วรักประธานเย็นชา (NC+) - 42 หมู่บ้านซาลาในเขาลึก
ตอนที่ 42 หมู่บ้านซาลาในเขาลึก
พอปาลีได้ยิน ก็อึ้งไปนิดหน่อย
เมื่อวานนี้เธอเพิ่งจะโกหกต่อหน้าพ่อแม่ไปว่าต้องออกไป นอกเมืองเพื่อคุยเรื่องแผนงานให้บริษัท ไม่คิดว่า เรื่องนี้จะ เกิดขึ้นจริงในวันนี้
ดูเหมือนว่า เรื่องโกหกนี้จะมีผลตามสนองซะแล้ว!
เห็นปาลีอึ้งไปไม่ตอบอะไรกลับ นิทัศน์ก็ขมวดคิ้ว ก้าว เดินไปตรงหน้าปาลี พูด “อย่าบอกนะว่าเธอได้เกาะนายก เทศมนตรีดนุพลแล้ว ก็ไม่อยากทำงานนี้แล้วนะ? ฉันขอ เดือนเธอไว้หน่อยแล้วกัน ผู้หญิงที่เกาะผู้ชายกินน่ะ จะ ต้องตายอนาถแน่ๆ”
พอปาลีได้ยินแบบนี้ก็ฉุนขึ้นมา “ใครบอกว่าฉันจะเกาะ ผู้ชายกัน คุณดูถูกผู้หญิงอย่างเราให้น้อยลงหน่อยเถอะ ไป ก็ไปสิ นี่มันงานของฉัน ฉันบ่ายเบี่ยงไม่ได้ ท่านประธาน เชิญคุณก่อนเลย”
ถึงแม้เธอจะอ่อนแอในบางด้าน แต่เธอก็ยืนด้วยลำแข้ง ของตัวเองมาตลอด หลังจากรู้ว่าดนุพลเป็นถึงนายก เทศมนตรี แล้วภูมิหลังครอบครัวก็มีชื่อเสียง มีฐานะมี ตำแหน่ง เธอก็ไม่เคยคิดอยากจะพึ่งพาเขาในการใช้ชีวิต เพราะว่า เธอมีฝันและเป้าหมายของตนเอง
มุมปากของนิทัศน์ยกยิ้มราวกับมีอะไรอยู่ในใจ หันตัวกลับเดินนำไปยังประตู
ปิยะที่อยู่ข้างหลังของนิทัศน์มาตลอด พอนิทัศน์บอกว่า จะให้ปาลีตามไปด้วย สีหน้าก็พลันเรียบเฉยไป รู้ว่าเมื่อกี้มี นากับสุดา (ทั้งสองต่างก็เป็นเลขาที่ตัวติดกับนิทัศน์) ขอ ติดตามไปด้วยพร้อมคราบน้ำตาบนใบหน้า นิทัศน์ก็ไม่ได้ ตอบกลับอะไรเลยนะ แต่ตอนนี้เขากลับจะให้ปาลีไปด้วยกัน
แล้วตอนที่นิทัศน์หมุนตัวเดินออกไป มุมปากนั้นก็มีรอยยิ้ม แปลกๆ ขึ้นมา ถึงปาลีจะไม่ทันสังเกตแต่เธอก็เห็นเข้าแล้ว
หัวใจของปิยะ พลันสับสนขึ้นมา
งานครั้งนี้ นิทัศน์ไม่ใช่แค่พาเลขาสองคนอย่างปาลีและ ปิยะไปด้วย แต่ยังพาบอดี้การ์ดมืออาชีพพร้อมอาวุธไปด้วย อีกสี่คน
พอขึ้นรถมา ก็มีคนขับรถมาขับให้ นิทัศน์นั่งอยู่ข้างหน้า คนเดียว ปาลีและปิยะนั่งอยู่ข้างหลังด้วยกัน บอดี้การ์ดมือ อาชีพทั้งสี่คนนั่งอยู่ในรถอีกคันหนึ่งที่ตามหลังมาติดๆ
หลังจากรถเริ่มขยับ ปิยะก็อธิบายถึงเรื่องที่จะไปพูดคุยใน ครั้งนี้ให้ปาลีฟังแบบง่ายๆ
เดิมที่งานครั้งนี้ต้องไปในเขตภูเขาลึกที่อยู่ในเมืองBที่ อยู่ข้างเคียง เพื่อหาหมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังด้อยพัฒนาชื่อว่า หมู่บ้านซาลา นิทัศน์อยากจะซื้อหมู่บ้านนี้กับป่าไม้ในหุบเขา ลึกรอบๆ ในระยะร้อยลี้ (1ลี้ เท่ากับ 500เมตร) ด้วยราคาสูง
แล้วเหตุผลคืออะไรล่ะ?
ต้องพูดถึงชื่อ หมู่บ้านซาลา นี้ก่อน
หมู่บ้านซาลานั้น ถึงจะเรียกว่า หมู่บ้านซาลา ก็แค่เพราะ ที่นั่นมีสภาพภูมิอากาศและพื้นที่ที่สามารถเพาะพันธ์ซาลา แมนเดอร์ยักษ์จีนได้ พื้นที่ลึกฝั่งตะวันตกที่นั่น มืดมนหนาว เย็น กล่าวเอาไว้ว่าการเพาะเลี้ยงซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีนนั้น มีโอกาสที่จะรอดสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
โอกาสรอดสูงขนาดนี้แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญของประเทศก็ ยังทำไม่ได้เลยนะ
ถึงซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีนจะเป็นสัตว์สงวนของประเทศ แต่ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีนรุ่นที่สองก็สามารถเพาะขายได้ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีนเต็มวัยตัวหนึ่งมีราคาสูงกว่าแสน มี ผลประโยชน์มากขนาดนี้ ทำเอาผู้คนถึงกับพูดไม่ออก
นิทัศน์มองเห็นผลประโยชน์ที่สูงมากในส่วนนี้ เขาถึงได้ เข้ามาลงทุนในวงการนี้เป็นครั้งแรก ถึงขนาดไม่ลังเลที่จะ มาที่หมู่บ้านซาลาในภูเขาลึกนี้เพื่อสำรวจด้วยตนเอง
“แล้วงานครั้งนี้ต้องไปนานแค่ไหนนะ?”
ปาลือดไม่ได้ที่จะถาม
“ถ้าเร็วก็สามวัน ถ้าช้าก็อาทิตย์นึ่ง”
ปิยะตอบกลับง่ายๆ
ในตอนนั้น ในหัวของเธอยังคงเต็มไปด้วยสายตาและรอย ยิ้มแปลกๆ ของนิทัศน์ตอนมองปาลี ความยอดเยี่ยมของ ปาลีไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอ นิทัศน์จะชอบปาลีขึ้นมาด้วยก็ไม่ แปลกเลยสักนิด แต่ว่า พอคิดว่าบนเส้นทางนี้ยิ่งมีผู้หญิง ที่จะมาแย่งผู้ชายของเธอเพิ่มขึ้นมา เธอก็ไม่สบายใจเป็น อย่างมาก ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของ เธอ แล้วปาลีก็น่าจะไม่ได้คิดอะไร
“นานขนาดนี้ ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนะ”
ปาลีกังวลขึ้นมา เช้านี้เธอมาจากบ้านของปิยะ ไม่ต้องพูด ถึงเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเอาไปซัก แค่เสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างตอนนี้ ก็ยืมปิยะมาใส่ทั้งนั้นเลย
“ไม่เป็นไร ช่องเก็บของหลังรถมีของใช้ประจำวันเยอะอยู่”
คนที่ตอบขึ้นมาคือนิทัศน์ที่นั่งอยู่ข้างหน้า
ปาลีกัดริมฝีปาก ท่านประธานพูดแบบนี้แล้วเธอจะยังพูด อะไรได้อีก ยืมโทรศัพท์ของปิยะ (โทรศัพท์ของเธอถูกรัฐา ปาทั้งไปเมื่อวาน) โทรหาพ่อแม่ของเธอ , คำโกหกเมื่อวาน นี้เป็นฐานรอง ปาลีก็สามารถขออนุญาตจากพ่อแม่ได้อย่าง ง่ายดาย โดยเฉพาะพ่อของเธอ ที่เอาแต่เตือนซ้ำๆ ว่าใน เวลาทำงานเธอก็ห้ามลืมดูแลตัวเองให้ดี
พอวางสายไป ปาลีก็ยังอยากจะโทรหาดนุพล บอกเขาว่าเธอจะไม่อยู่สามถึงเจ็ดวัน ไม่อย่างนั้นถ้าเขาหาเธอไม่เจอ ต้องร้อนใจจนแทบบ้าแน่
ใครจะไปรู้ว่านิทัศน์เดาออกตั้งานแล้วว่าเบอร์ที่สองที่เธอ จะโทรไปคือดนุพล เขาเอนตัวลง แล้วยื่นแขนออก หยิบ โทรศัพท์ในมือของปาลีไปจากมืออย่างเผด็จการ เลิกคิ้ว มองไปที่เธอพลางเอ่ย “อย่าคิดว่าตอนนี้ไมม่ได้อยู่ในห้อง ทำงาน แล้วก็ไม่ได้ทำงานอยู่สิ ในเวลางานเธอเดี๋ยวรับ โทรศัพท์เดี๋ยวโทรออกต่อหน้าประธานอย่างฉัน จิตใจของ เธอยังอยู่กับงานหรือเปล่านะ?”