ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 128
“น้ายามคะ น้าอาม”
จาร ร้องเรียก น้ายามเดินออกมาพอดีเลยเอ่ยถาม คุณ จารวีมีอะไรหรือเปล่าคะ
น้าอามเห็นยศพลหรือเปล่าคะ”
“อ๋อเมื่อสักครู่ คุณชายรับโทรศัพท์ แล้วก็รีบร้อนออกไป
บนิรันค่ะ”
“มีเรื่องอะไรกันหรอคะ ทําไมถึงไม่บอกฉันสักคําก็ออกไป
แล้ว”
ดูดูแล้วสีหน้าของคุณขายไม่ค่อยดีเลยค่ะ คงจะเป็นเรื่อง ดวนล่ะมั้งคะ” น้าอามตอบตามจริง
จารวีพยักหน้ารับ บริษัทภายใต้การดูแลของยศพลเยอะ ขนาดนี้ เรื่องด่วนที่มีให้เห็นในทุกๆวันเช่นนี้ทำให้น้าอาม เคยชิน
“น้าอามไม่ต้องเตรียมอาหารกลางวันให้ฉันนะคะ ฉันจะ ออกไปทานข้าวกับเพื่อน ถ้าเกิดว่ายศพลถาม ก็บอกว่าฉันไป นะคะ” กับอังคณา
ครึ่งชั่วโมงถัดมา จารวีก้าวลงมาจากรถเมล์ ก็พบอังคณา โบกไม้โบกมือให้เธออยู่ที่ป้ายรถเมล์
อังคณาและจารวีเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ในวัยประถมจนถึง
มหาวิทยาลัย แต่เมื่อตอนมอห้าเธอทั้งสองถูกแยกห้องกันนอกนั้นก็แทบไม่ได้แยกจากกันไปไหนเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ นั่งโต๊ะเดียวกัน ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวก เธอ
เพียงช่วงพริบตาเดียว พวกเธอก็อยู่ปีสี่แล้ว กลางปีหน้าก็ เป็นเวลาฝึกงาน
อังคณาสวมเสื้อสีขาว แขนเสื้อเป็นระบายยืน อยู่ที่ไกลๆ ท่อนล่างเธอสวมใส่กระโปรงเหนือหัวเข่าสีเขียวอ่อน เธอ ตัดผมสั้นเสมอหู สวมใส่แว่นตาสีดำ การแต่งกายของเธอถึง แม้ว่าจะไม่เหมือนกับเด็กมหาวิทยาลัยแต่ว่าใบหน้าของเธอ ยังคงอ่อนเยาว์
“วี ฉันอยู่ทางนี้”
ถ้าเปรียบเทียบกับอังคณาแล้ว การแต่งกายของจารวี แทบไม่ได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน เวลาไปทํางานเธอจะสาม ใส่เสื้อผ้าตามแฟชั่นสมัยใหม่ แต่ว่าเวลาที่เธออยู่กับอังคณา จารวีจะแต่งตัวสบายสบาย เธอมัดผมหางม้า ใส่เสื้อเชิ้ตที่ถูก ทอลายลูกไม้ ใส่รองเท้าสีน้ำตาลเข้ม สวมกางเกงยีนส์ทรง กระบอก ผิวขาวราวกับหิมะของเธอสะท้อนเจิดจ้าท่ามกลาง แสงอาทิตย์ ราวกับไข่มุกทีมันวาว
อังคณายื่นมือเข้าไปกุมใบหน้าของจาร “ ไงล่ะแม่สาว วัยแรกแย้ม ดูดีขึ้นนะเนี่ย ใบหน้าของเธอดูสุขภาพขึ้นด้วย!”
เสื้อผ้าแพรครึ่งตัวของจารวีเป็นเสื้อหลวมโคร่งสบายๆ ถึง แม้ว่าเธอจะท้องได้สองเดือนแล้ว แต่ก็แทบดูไม่ออกเลยว่ามี อะไรเปลี่ยนไป บวกกับการที่ยศพลเลี้ยงดูเธออย่างดีทำให้ ผิวพรรณของจารวีดีขึ้น ใบหน้าเล็กชมพูระเรื่อ ราวกับลูกแอ ปเปิ้ล
” แน่นอนอยู่แล้ว เธออยากรู้ไหมว่าเคล็ดลับคืออะไร”
อังคณายืนหน้าเข้ามาอย่างหลงเชื่อ ” รีบเอามาแบ่งกัน
เร็วเร็ว”
*ง่ายมากเลย แกก็หาผู้ชายสักคนแล้วก็ท้องสิ จะได้เหมือน
ฉัน
พลันใบหน้าของอังคณากขึ้นสีแดงระเรื่อ ฉันว่าแล้ว ว่า แกต้องไม่ได้พูดจริง “เอ้อใช่สิ แล้วผู้ชายของแกยังไม่รู้สึกเห รอว่าแกท้องอะ”
จารวิ มเหยเก เขาไม่ค่อยชอบเด็กนะ”
” แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจแกด้วยใช่ไหมละ
จารวีทำได้เพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้โต้ตอบคำพูดอังคณา ใช่ แล้ว ทําไมเขาถึงได้คิดน้อยขนาดนี้นะ เธอเปลี่ยนไปชัดเจน ขนาดนี้ เขายังไม่สังเกตเห็นอีกหรอ
อังคณาเห็นว่าจารวีมีสีหน้าไม่ค่อยดี เธอก็เลยยื่นมือออก ไปกุมมือของจารวีพลางเอ่ยปลอบใจ “ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันก็พูดไปเรื่อยแหละ จริงๆแล้วเขาคงยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แล้วก็ ไม่เคยมีประสบการณ์การเป็นพ่อ เขาจะรู้ได้ไงล่ะเนอะ”
จาร กวาดสายตาไปมองอังคณา “นี่ ยศพลให้ผล ประโยชน์อะไรกับแกหรือเปล่า ท่าไมถึงต้องปกป้องเขาด้วย
อังคณาชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า พลางสาบานอย่างสัตย์จริง “ฉัน สาบานได้ ฉันบริสุทธิ์ใจจริงๆนะ”
แต่ทว่า ไม่ว่าอังคณาจะอธิบายยังไง ในใจของจารวีก็ยัง คงอึมครึม ไม่รู้ว่าความรู้สึกเสียใจนี้มันเกิดขึ้นมาจากที่ใด
” แกได้ติดต่อกับคุณพ่อแกบ้างหรือเปล่า”
พลันใบหน้าของจารวีก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอหลุบตาม องลงไปที่ปลายเท้าของตัวเอง พลางสายหัวไปมา ไม่อ่ะ”
ตอนนี้ยังนับว่าเขาเป็นพ่อของเธออีกหรือ
หรือว่าไม่เคยเป็นมาตลอด? ตอนนี้เธอไม่อยากคิดถึง ความสัมพันธ์ของของ พ่อ แม่ แล้วก็คุณลงยงยุทธแล้ว
เมื่ออังคณาเห็นว่าสีหน้าของจาร ไม่ค่อยดีอีกครั้ง เธอก็
เลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีก
วันนี้อากาศดีดีเนอะ วี แกดูสินั่นอะไรน่ะ”
จารวีมองตามมือของอังคณาขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอก็เห็น ลูกบอลลูน ลูกใหญ่หลากหลายสีลูกหนึ่งค่อยๆลอยขึ้นไปบน ท้องฟ้า
บนลูกบอลลูนนั้นมีตัวหนังสือเขียนอยู่ แต่ทว่ามันลอยขึ้น ไปไกลเกินไปทําให้ ตัวหนังสือถูกลมพัดจนส่ายไปส่ายมา
เธอมองตัวหนังสือเหล่านั้นได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก อังคณา หยิบแว่นขึ้นมา เธอใช้ผ้าเช็ดแว่นเช็ด จากนั้นจึงสวมใส่
“ฉัน รอเธอ อยู่ ตรงนี้
อังคณาอ่านออกมาทีละตัวอักษร พลันเธอก็โพล่งออกมา “ใครอ่ะ ทำไมโรแมนติกจัง นี่คือกำลังร้องขอความรักอยู่
หรอ”
จาร มองไปมองมา ใบหน้าที่เรียบเฉยของเธอ พลันก็แปร เปลี่ยนเป็นความกลัดกลุ้ม
อังคณารู้สึกถึงมือ เย็นเฉียบอย่างฉับพลันของจาร
5 แกเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก เราไปทานข้าวกันเถอะ”
จะระวีหันหน้าไปอีกทาง ไ มองไปที่ตัวหนังสือเหล่านั้น อีก ในใจของเธอค่อนข้างสับสน
เธอรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยบอลลูนนี้ คนที่เธอไม่มีทางกลับ ไปหาเขาแล้ว
“แกรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนเขียนตัวหนังสือพวกนั้น อังคณาพอมองอะไรออกบ้างแล้ว
“ใช่…พี่มนต์ตรีนะ”
การเล่นแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาและเธอชอบเล่นด้วยกันในวัย เด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เธอก็ค่อยๆลืมมันไปแล้ว แต่ ว่าเค้ายังคงจําได้ขึ้นใจ
เขายังคงจําได้ทุกอย่างจริงๆ เขาต้องการอะไรกันแน่นะ
” นี่ ยัยวี ฉันว่าถ้าแกไม่ชอบพี่มนต์ตรีจริงๆ แกก็ควรจะบอก กับเขาให้ชัดเจน ไม่ใช่ให้เขามีความหวังแบบนี้ ถ้าเกิดว่ายศพลรู้ เรื่องนี้มันคงไม่ดีแน่” อังคณารู้ว่ายศพลนั้น เป็นคุณชาย ที่มีอารมณ์ร้อนเพียงใด
จาร ทานข้าวเพียงไม่กี่คํา พลันเธอก็ลุกขึ้นยืน” โอเค ฉันจะไปบอกเขาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้แหละ
การหลบหนีไม่ใช่ทางออกที่ดี เธอควรต้องยอมรับที่จะ เผชิญหน้ากับมัน
ในสวนสาธารณะ แมกไม้น้อยใหญ่บดบังสายตาของเธอ จารวีเหยียบย่ำใบของต้นเมเปิ้ลที่หล่นร่วงอยู่ตามพื้น เธอ เดินไปข้าง หน้าทีละก้าวอย่างช้าๆ ในที่สุดร่างสูงของมนต์ ตรีก็ปรากฏแก่สายตา
บนตัวของเขายังคงสวมใส่ชุดสีขาวสะอาดเหมือนเดิม แต่ ทว่าเขาเปลี่ยนเสื้อคุมกันลมเป็นสีเทาเข้ม
ดูท่าทางของเขาสุขุมและไร้เรี่ยวแรง ราวกับเพิ่งผ่านศึก
หนักอะไรมา เขาดูโตขึ้นกว่าแต่ก่อน
“วี พี่คิดไว้แล้วว่า ต้องมา
เขาจ้องมองไปยังจารวีที่เดินออกมาจากแมกไม้ รู้สึก ราวกับตัวเองกําลังฝัน เธอเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ
พลันใบหน้าอึมครีมของเขา ก็มีรอยยิ้มปรากฏออกมา รอยยิ้มนั้นทําให้เขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในชั่วพริบตา ราวกลับ
ขายไม้แห้ง กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เขานำลูกบอลอยู่ในมือของตน ไปมัดไว้กับกิ่งไม้ พลางวิ่ง พรวดพราดเข้าไปหาจาร” วี พวกเราไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆนะ พี่ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆของวิ
พลันดวงตาของจาร ตื่นตระหนก เธอรีบเอ่ยถามเขา พี่รู้ได้ยังไงคะ”
มนต์ตรีบีนแขนทั้งสองข้างออกมาวางบนหัวไหล่ของจาร เขารีบเอยอย่างร้อนรน “พี่รู้แล้ว ถ้าไม่เชื่อพี่ ก็ไปตรวจ เอ็นเอกัน พี่จะพาไปเอง โอเคไหม”
“ไม่เอา พี่มนต์อย่าทําแบบนี้เลยนะคะ”
จารวีผลักมนต์ตรีออกไป พลันมนต์ตรีก็ออกแรงดึงจารวี เข้าสู่อ้อมกอดของตน
ปากของเขาพูดพร้าไม่หยุด ‘วี อย่าไปจากพี่ได้ไหม พี่ ไม่มีวีไม่ได้ พี่ตัดสินใจตั้งแต่ที เพิง 10 กว่าขวบ ว่า จะ ดูแลให้ดีไป ตลอดชีวิต พี่เสียไปไม่ได้จริงๆ ชีวิตของพี หัวใจของพี่ทั้งหมดมันอยู่ก็เพื่อ ถ้าเกิดว่าพี่เสียไป พี่คงจะ ตายจริงๆนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นชีวิตของพี่ก็จะไม่มีความหมาย อะไรแล้ว
เสียงของเค้าแหบพร่าและเหน็บหนาว มือของเขาเย็น เยือก น่าเสียงอันสั่นเทา เต็มไปด้วยถ้อยคําที่วิงวอนร้องขอ สิ่งเหล่านี้ ดังเข้าสู่โสตประสาทของจารวี
เธอออกแรงดินแดมนต์ตรีกอดเธอไว้อย่างแน่นหนา ความใกล้ชิดระดับนี้ ทําให้เธอไม่มีวิธีที่จะสะบัดหลุดจากเขา
* มนต์ปล่อยวิดี๋ยวนี้นะ”
จาร รู้สึกได้ว่า มนต์ตรีสูญเสียการควบคุมแล้ว จารวีพยายามมนต์ตรีออก แต่เขากลับกอดเธอแน่นขึ้น ยอมปล่อยมือจากเธอ
5 ฟัง นะ การทีวีคบกับยศพล มันไม่ได้ง่ายอย่างทีวีคิด” ในขณะที่มนต์ตรีกำลังพูดคุยและอยู่นั้น พลันก็
มีเสียงปืนดังขึ้นที่ข้างหูของพวกเขา
เสียงลูกปืนดังเฉียดใบหูของเธอไป จารวีตะลึงงัน ในสวน สาธารณะอย่างนี้ยังมีคนฆ่าฟันกันอีกหรอ
ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด กระสุน ปืนยิงเข้าใส่ต้นไม้ที่ข้างกายของเธอ มนต์ตรีรีบร้อนผลักจาร ให้หลบ หลังจากนั้นจึงจูงมือของเธอวิ่งหนี
ร รีบหนีเร็วๆเข้ามี คนตามฆ่าพวกเรา
เสียงของมนต์ตรีตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เขาจูงมือของ วิ่งผ่านแมกไม้อย่างสุดชีวิต
ในขณะที่จารวีกำลังวิ่งหนีอยู่นั้น เธอหันหน้ากลับมามอง ก็พบว่ามีผู้ชายสวมใส่ชุดสูทใบหน้าของเขาสวมใส่แว่น กันแดดก็เลยมองไม่เห็นหน้าตาของเขา ในมือถือปืนหนึ่ง เล็งมาที่จาร
ปัง!!”
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งมนต์ตรีออกแรงผลักให้ ล้มลง ทั้งสองคนล้มลงบนพื้นหญ้า
ในหัวสมองของยุ่งเหยิง ถึงมีคนตามฆ่าพวก
“พี่มนต์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
มนต์ตรีมออกมาอย่างอ่อนโยน พลันความรู้สึกอบอุ่น พรั่งพรูออกมาจากในใจของเขา เธอยังคงเป็นห่วงเขา
“พี่ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลนะ”
“มาให้ดูหน่อยสิคะ
มนต์ตรีใช้มือด้านซ้าย กุมแขนด้านขวาอย่างไม่สะทก สะท้าน ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มแต่ว่าจารวีก็ดู ออก เธอตั้งใจดึงแขนข้างขวาของมนต์ตรี
มนต์ตรีรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อถูกเธอดึง เค้าส่งเสียงร้องในลำ
คอ
จารวีมองเห็นแขนเสื้อที่มีรอยกระสุนปืน และคราบเลือด ของเขา คาบเลือดซึมออกมาทางแขนเสื้อจนกลายเป็นสีเข้ม
จารวีวีมองมนต์ตรีอย่างเจ็บปวดใจ เธอทำปากขมุบขมิบ พลางยื่นมือออกไปฉีกแขนเสื้อของมนต์ตรีออก เผยให้เห็น รอย บาดแผลใหญ่ที่มีเลือดสดๆไหลออกมา พร้อมกับกลิ่น คาวเลือดคละคลุ้ง
“พี่มนต์ พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง บาดเจ็บขนาดนี้ก็ไม่บอก กันสักคํ
น้ำตาของจารวีค่อยๆไหลลงมาอย่างช้าๆ เขายอมแลก ชีวิตตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเธออย่างนั้นหรือ?
ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้โง่อย่างนี้นะ