ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 52
ตอนที52 กังวลว่าเธอจะเบื่อ
“นะ… โน้ตบุ๊คเครื่องนี้มาได้ยังไงคะ”
“อ่อ คุณชายเป็นคนสั่งให้ผมเอามาให้คุณจารวีครับ”
จาร กดเปิดเครื่องด้วยความแปลกใจ เธอตรวจสอบ ตัวเครื่องอีกครั้ง เธอค้นพบว่ามันเหมือนเครื่องที่พี่เคยซื้อ ให้เธอมาก แต่ทว่ากลับไม่ใช่เครื่องเดียวกัน…
“ใช่เครื่องใหม่ไหมคะ” จารวีเอ่ยถามนิรัน
นิรันทําหน้าครุ่นคิด “น่าจะใช่นะครับ”
เขาเดาว่าของที่คุณชายสั่งให้นำไปมอบให้ใครก็คง ต้องเป็นของใหม่แน่นอน แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายไม่เคย เอาของเก่าไปมอบให้ใคร
จารวีดูลำดับการใช้งานต่างๆในตัวเครื่อง มันเปลี่ยน
ไปโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากว่ามันตกรุ่นไปแล้ว รูปแบบทั้งหมดคงจะ เหมือนรุ่นเก่า คงไม่ใหม่ขนาดนี้
“คุณชายรายงานว่าในนี้มีเกมมากมาย ถ้าหากว่าคุณจาร วีรู้สึกเบื่อก็เล่นเกมได้นะครับ”
จารวีเบิ่งตาโพลงด้วยความประหลาดใจ ยศพลเห็นเธอเป็นเด็กหรือไงกัน ถึงได้คิดว่าเอาเกมมากมายมาล่อ แล้วจะทําให้เธอลืมเรื่องไปเรียนได้
นิรันเพิ่งก้าวเท้าเดินจากไป พลันโทรศัพท์จากยศพล
ก็ดังขึ้น
“ได้โน้ตบุ๊คหรือยัง”
“อื้ม ได้แล้วค่ะ”
“ชอบไหม”
“ค่ะ”
“ชอบก็ดีแล้ว ในนั้นมีไฟล์ไฟล์นึงที่มีวิดีโอสำหรับเธอ
อยู่ เปิดดูสิ…”
“แต่ว่าคุณยศพล ฉันน่ะ ไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะ คุณ ไม่ต้องเอาเกมพวกนี้มาหลอกล่อฉันหรอก”
จารวีพูดจบ ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ พลันน้ำเสียง ของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“จารวี! เธอนี่ไม่มีสัมมาคาระวะเอาซะเลย ผมอุตส่าห์ซื้อ ให้ยังไม่สํานึกบุญคุณอีก! เหอะ! ”
ยศพลกดวางสายใส่เธออย่างเดือดดาล ยัยเด็กโง่นี่ เขายุ่งจนมือเป็นระวิงแต่ยังอุตส่าห์เจียดเวลามาดูแลแต่เธอกลับไม่พอใจ แถมยังมาพาลใส่เขาอีก
จารวีตะลึงงันพลางจ้องไปที่โทรศัพท์ เธอเม้มปาก เป็นเส้นตรง ไอ้บ้านี่! นึกอยากจะวางก็วาง!!
จารวีใช้เม้าส์คลิกไปที่ไดร์E เธอพบว่าในไดร์นี้มีวิดีโอ อยู่มากมายอย่างที่ยศพลบอกจริงๆ
ด้านบนของไฟล์วิดีโอเหล่านี้ล้วนมีชื่อเขียนกำกับไว้ ‘ชั่วโมงเรียน อาจารย์ผู้สอน เนื้อหาที่เรียน
จารวีเลือกเปิดขึ้นมาไฟล์หนึ่ง มันคือไฟล์บันทึกเสียง ในห้องเรียนที่ถูกอัดมาอย่างชัดเจน
พระเจ้า ยศพลคิดได้รอบคอบมาก เขาอัดเสียงทุก คาบที่เธอไม่ได้ไปเรียนในช่วงนี้มาอย่างครบถ้วน
จารวีพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บางทีธาตุ แท้ของผู้ชายอย่างยศพลก็คงไม่ได้เลวจนเกินเยียวยาล่ะนะ
จารวีใช้เวลาทั้งวันหมกตัวอยู่ในห้อง เธอเปิดฟังไฟล์ เสียงที่ไม่ได้เข้าเรียนทั้งหมดอย่างละหนึ่งรอบ
เมื่อเปิดฟังจนครบ ความกังวลว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน ในใจของเธอก็ลดลงไปมากโข
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เธอขาดเรียน ในใจก็มักจะมีความ วิตกกังวล จนกระทั่งหลังๆมานี้ที่เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเธอขาดเรียนบ่อยขึ้น ส่งผลให้ความก เปลี่ยนเป็นความเคยชิน มในใจแปร
แต่พอเธอคิดถึงมันขึ้นมา ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นบาป
ติดตัวอยู่ดี
การเปิดปากหาวพลายบิดขี้เกียจ พลันโทรศัพท์ของ เธอก็มีเสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นข้อความรูปแบบเดิมเหมือนกับเมื่อตอนเช้า โรงงานจักรยานเอกมัย
ถ้าหากว่าส่งผิดจริง คงไม่ส่งติดตั้งสองครั้งหรอก
หรือว่านี่คือการบอกเป็นนัยสำหรับอะไรบางอย่าง
น่าเสียดายที่ตอนนี้เท้าของจารยังไม่หายดีร้อย เปอร์เซ็น จึงไม่สะดวกที่จะออกไป อีกทั้งที่นี่ยังอยู่ห่างจาก เอกมัยค่อนข้างไกล ที่หนึ่งอยู่ตอนใต้ของเมือง อีกที่หนึ่ง อยู่ตอนเหนือของเมือง นั่งรถไปต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมง
ช่างเถอะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก คิดได้ดังนั้นการที่จึง กดลบข้อความอีกครั้งหนึ่ง
พลันโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เบอร์ของยศ พลโชว์หราที่หน้าจอ
“สวัสดีค่ะ จารวีพูดสายค่ะ”
“ผมรู้แล้วว่าเธอคือจารวี ยัยโง่! อย่ามาอารัมภบทให้
มาก”
เอ๊ะ ผู้ชายคนนี้นี่ไปกินดินปืนมาหรือไง แค่เริ่มพูดคำ แรกก็ระเบิดซะแล้ว จารวีนวดคลึงใบหูไปมาพลางเปลี่ยน โทรศัพท์ไปแนบกับใบหูอีกข้าง
“อื้ม มีอะไร”
“เปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวผมให้นิรันไปรับเธอออกมา”
“ก็เธอบอกว่าอยู่บ้านน่าเบื่อไม่ใช่หรือไง ผมจะให้ออก มาสูดอากาศข้างนอกบ้าง” ยศพลพูดจบก็กดตัดสายใน ทันที
เขาเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเบื่องั้นหรอ เป็นห่วงเมียเก็บ ว่าจะเบื่อเนี่ยนะ..
จารวีส่ายหัวไปมา ผู้ชายคนนี้ชอบทำให้เธอคิดไม่ตก
นิรันพาจารวีขับรถมาถึงถนนเส้นหนึ่งที่ดูคึกครื้นมีชีวิต
ชีวา ทันใดนั้นรถก็หยุดลง
จารวีเงยหน้าขึ้นดูก็พบว่ารถกำลังติดไฟแดงอยู่
เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง บนถนนมีผู้ชายคนหนึ่ง เดินผ่านไป ในตอนแรกจารวีไม่ได้รู้สึกอะไร
พอตั้งสติได้ เธอนึกอะไรบางอย่างออก จึงรีบยื่นมือ ไปกดปุ่มลดกระจกลงพลางมองออกไปอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ พบเขาคนนั้นแล้ว
เรือนร่างของเขาคนนั้นเหมือนพ่อมากๆ ถึงแม้เธอจะ ไม่ได้เจอพ่อนานถึงสิบปี แต่เค้าโครงนั้นทำให้หัวใจของ เธอกระตุกวูบ
เธอจ้องมองไปยังทิศทางนั้นอย่างไม่ละสายตา แต่ กลับไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม
จารวีพลันนึกถึงข้อความในโทรศัพท์ เป็นไปได้ไหม ว่าพ่ออาจจะเป็นคนส่งมา..
ในเวลานั้น รถเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ จารวีจึงเอ่ยถาม นิรัน “ยศพลให้พาฉันไปที่ไหนหรอคะ”
“สนามแข่งม้าที่สีลมครับ”
“สนามแข่งม้า..สีลมงั้นหรอ” ภาพจำของจารวีไม่คุ้นเคย กับสถานที่นั้น แต่คลับคล้ายคลับคลาว่ามันต้องผ่านเขตเก่า อย่างเอกมัย…
“รบกวนพี่รันขับไปทางย่านเขตเก่าเอกมัยได้ไหมคะ”
“คุณจารวี แต่ถ้าไปทางวงแหวนรอบนอกจะเร็วกว่านะ ครับ ทางเอกมัยรถติด อาจทำให้ไปถึงช้า
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ฉันไม่ได้ไปแถวนั้น นานแล้ว อยู่ๆก็อยากกินเกาลัดคั่วที่นั่นน่ะค่ะ”
ถนนคนเดินย่านเอกมัยคงยังมีร้านขายของกินต่างๆ เหลืออยู่ ของกินที่นั่นรสชาติเป็นเอกลักษณ์มากๆ
“งั้นก็ได้ครับ”
นิรันพลันเปลี่ยนทิศทางรถ ขับมุ่งหน้าไปยังย่านเขต เก่าเอกมัย
ถนนเส้นนี้ค่อนข้างแคบ ถึงแม้คนสัญจรไปมาจะไม่ เยอะเท่าใดนัก แต่การจราจรก็ยังคงแน่นขนัด
รถจักรยาน รถสามล้อ รถลาก ทั้งยังมีรถเข็นที่พ่อค้า แม่ขายใช้ขายของเบียดเสียดกันอยู่ตามทาง
รถของนิรันขับๆหยุดๆ ต้องบีบแตรตลอดทางจึงจะขับ ผ่านไปได้แต่ละช่วง
จารวีกดปุ่มลดกระจกลงเพื่อดูทิวทัศน์ข้างทาง
ที่นี่ยังคงคงไว้ซึ่งทัศนียภาพของยุคแปดศูนย์ โครงสร้างของตึกแถวเก่าๆคือเสน่ห์ของที่นี่ สิ่งปลูกสร้าง ตามถนนหนทางยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของราชวงศ์เก่าแก่
เมื่อตอนที่รถกำลังจะขับเคลื่อนไปถึงโรงงานจักรยาน เอกมัย จารวียิ้มให้นิรันพลางเอ่ย “จอดตรงนี้แหละค่ะพี่รันฉันจะลงไปซื้อเกาลัดคั่ว”
นิรันหยุดรถที่ข้างทาง “คุณจารวี เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้
เองครับ”
จารวีส่ายหัวไปมา “ฉันเดินได้แล้วค่ะ”
เท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บยังพอขยับได้บ้าง เธอ สามารถใช้เท้าข้างที่ปกติทรงตัวแล้วค่อยๆเดินไปได้
นิรันยังคงยืนยันคำเดิม “แต่คุณชายกำชับว่าห้ามให้ คุณจารวีเดินไปไหนเอง ยังไงก็แค่ซื้อเกาลัด ให้ผมช่วยซื้อ ให้เถอะครับ”
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่เวลาซื้อต้องอ้าปากสั่งนะคะ” จารวียิ้ม พลางพูดทีเล่นทีจริงกับเขา
หลังจากนิรันลงจากรถ เธอก็ค่อยๆย่องลงจากรถ อย่างเงียบเชียบ
จารวีพยุงตัวกับตัวรถพลางค่อยๆเดินกระเผลกๆข้าม ถนนไปอย่างช้าๆ เธอพยุงตัวกับราวไม้ไผ่เดินเลียบไปกับ ปากซอยแคบๆ
เธอหยุดอยู่หน้าซอย พลันรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้ แปลกๆ ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
เธอเดินเข้าไปในซอยประมาณร้อยเมตรก็เห็นประตูทางเข้าโรงงาน ด้านบนเขียนไว้ว่าโรงงานจักรยาน
เมืองSแห่งที่หก จัดทำโดยรัฐวิสาหกิจ ตัวหนังสือกลายเป็น
สีดำ ประตูทั้งบานก็ถูกสนิมเกาะจนเปลี่ยนเป็นสีทองแดง
โรงงานนี้ถูกปล่อยร้างมาเป็นสิบๆปี รอเพียงให้รัฐมารื้อถอน
ออกไป เวลานี้ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว…
ที่หน้าประตูมีต้นมะเดื่อขนาดใหญ่ กิ่งก้านสาขาที่ แตกแขนงออกมาแผ่เงาสีดำเป็นวงกว้าง ทำให้บรรยากาศ โดยรอบดูอึมครึมน่ากลัว
จารวียืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูสักพัก ประตูสนิมถูกล็อคไว้ ด้วยแม่กุญแจอันใหญ่ ไม่มีวิธีที่จะเข้าไปได้เลย
ตอนที่จารวีกำลังจะกลับออกไปนั้น พลันมีเสียงฝีเท้า ของคนดังมาจากด้านใน
เสียงจากรองเท้าหนังของผู้ชายดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดลงที่ด้านล่างของประตู
จารวีเบิ่งตาโพลง พลางจ้องมองไปด้านหน้าอย่างไม่ วางตา แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีเสียงเรียกที่ดูร้อนอกร้อน ใจดังมาจากด้านหลังของเธอ
“คุณจารวี มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงครับ”
หันกลับมาก็เห็นนิรันถือถุงเกาลัดพลางวิ่งตรงมาหา เธออย่างรีบร้อน เหงื่อไหลตั้งแต่ใบหน้าไปจนลำคอ
“เอ่อ… ฉันเดินเล่นไปเรื่อยน่ะค่ะ
นิรันมองสำรวจจารวีตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางเอ่ยอย่าง เป็นกังวล “คุณจารวี คราวหลังห้ามมาแถวนี้อีกนะครับ เรา ไปกันเถอะ”
จาร พยักหน้าอย่างว่าง่ายพลางเดินกลับไปกับนิรัน แต่โดยดี เธอหันกลับมามองอีกครั้ง ก็ไม่ได้ยินเสียงรองเท้า หนังนั่นอีกแล้ว
บนรถ จารวีกินเกาลัดไปพลางเอ่ย “พี่รัน ทำไมถึง ห้ามไม่ให้ฉันไปที่นั่นอีกล่ะคะ
“เอ่อ.. คุณจารวีไม่รู้หรอครับว่าที่นั่นไม่ปลอดภัย เพราะ เป็นที่ที่รกร้างรอการรื้อถอน ปกติแล้วไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา มักจะมีผู้หญิงถูกล่อลวงไปข่มขืนอยู่บ่อยครั้ง เพราะฉะนั้น คุณจารวีห้ามไปที่นั้นคนเดียวอีกเด็ดขาดเลยนะครับ เมื่อกี้ ผมตกใจแทบแย่”
ในใจของนิรันยังคงหวาดผวา เท้าของจารวียังไม่หาย ดี เดินเหินก็ยังไม่สะดวก ถ้าเธอเจอเข้ากับคนไม่ดีก็จบเห่
แน่ๆ…
“อ่าว แล้วไอ้คนเลวพวกนั้นไม่โดนจับตัวหรอคะ”
“ใช่ครับ ตามจับไม่ได้ พวกมันเจ้าเล่ห์มาก หาตัวจับยาก
มากครับ”
นิรันขับรถไปข้างหน้าอย่างสงบ จาร หันหน้ามอง ออกไปด้านนอก ชั่วพริบตาหนึ่ง ราวกับว่าเธอเห็นเงาของ พ่ออีกแล้ว
ท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นกำลัง มองมายังรถที่เธอนั่งอยู่
แต่ทว่าเขาอยู่ไกล ส่งผลให้จารวีมองหน้าเขาไม่ชัด แต่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากๆอย่างบอกไม่ถูก
ใช่พ่อหรือเปล่านะ
เมื่อเธอหันกลับไปมองอีกครั้ง เขาคนนั้นก็หายวับไป
อีกเช่นเคย…
จาร อยากบอกให้นิรันพาเธอเลี้ยวรถกลับไปดูให้ แน่ใจอีกครั้ง ได้พอคิดไปคิดมาก็กลัวว่ายศพลจะรู้เข้า เธอ เลยเลิกล้มความตั้งใจ
ยังไงซะเขาคนนั้นก็รู้เบอร์ของเธอ ถ้าเขาต้องการที่ จะตามหาเธอจริงๆ เดี๋ยวก็คงส่งข้อความมาหาอีก
ไม่นานนักรถก็ขับออกมายังนอกตัวเมือง ผ่านไปสัก พักทุ่งหญ้าเขียวขจีก็ปรากฏแก่สายตาของเธอ
รถของนิรันเลี้ยวเข้าไปยังสองข้างทางที่มีดอกไม้ บานสะพรั่ง ขับไปเพียงไม่นาน ก็เจอป้ายชื่อขนาดใหญ่
สโมสรเจาะทอง’
เธอคิดว่าเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แต่แท้จริงแล้วคือ สโมสรที่ไว้ต้อนรับบุคคลในสังคมชั้นสูง รถยนต์ที่อยู่ด้าน นอกสโมสรล้วน แต่แบรนด์ไฮเอนด์
นิรัน รถเข็นออกมาจากหลังรถแล้วช่วยประคองจาร ให้นั่งลงบนรถเข็น
เขาผลักประตูพาเธอเข้าไปด้านใน
เมื่อผ่านประตูเข้าไป สามารถมองเห็นห้องโถงที่ หรูหรา ผู้ชายที่เดินผ่านไปมามีทั้งวัยหนุ่มและวัยกลางคน แต่ทว่า ผู้หญิงสวนสวมใส่แต่เสื้อผ้าคว้านลึกไปถึงทรวงอก จาร ตะลึงงัน
แม้แต่พนักงานต้อนรับและบริกรสาว ก็ล้วนมีแต่สาว เซ็กซี่ที่สวมใส่เสื้อผ้าเพียงน้อยชิ้น
แต่ทว่า ผู้ชายรวยๆแบบยศพล สถานที่ที่ชอบมาก็คง ไม่ใช่อะไรที่ใสสะอาดอยู่แล้วล่ะนะ
นิรันประคองจารวีไปนั่งบนโซฟา “คุณจารวีนั่งรอตรง นี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปหาคุณชายก่อน
จารวีนั่งลงบนโซฟาตัวยาวพลางพยักหน้าให้นิรัน
ผ่านไปไม่นานก็มีบริกรนำกาแฟมาเสิร์ฟ เธอยังไม่
เห็นแม้เงาของยศพล
ขณะที่จารวีกำลังนั่งดูสิ่งต่างภายในห้องโถง พลันก็มี หญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมาหาเธอ
ผู้หญิงคนนั้นสวมใส่เสื้อลายเสือดาวสุดเซ็กซี่ กระโปรงหนังรัดรูปสีดำ รองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว ใบหน้าสวย หยาดเยิ้มแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางสีเข้ม ผมดัดลอนสี แดงแปร๊ดถูกปล่อยสยายประบ่า เธอเดินยักย้ายส่ายสะโพก มายังจารวี
“ไฮ ใช่คุณจารวีไหมคะ
ใบหน้าและแววตาของผู้หญิงคนนั้นส่อแววดูถูก จารวี รีบขยับตัวออกห่างจากเธอ ทั้งกลิ่นน้ำหอมฉุนกึกจากตัวเธอ แทบจะทำให้จารวีทนไม่ไหว