ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 60
“ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษานายหน่อย!”
“ว่ามา!” ยศพลแกล้งว่าได้ยินไม่ค่อยชัดเจน ชัดเจนแล้วว่าเขา
ถูกเธอปลุกไฟราคะขึ้นมา
“ฉันว่า นายพูดมาก็ไม่เลวนะ ฉันจะไปทำเรื่องดรอปที่ มหาวิทยาลัยลักหน่อย" ;
ยศพลเดินก้าวใหญ่เข้ามาหาเธอ มือทั้งสองจับเธอไว้ “เรื่องนี้ ให้ลูกน้องไปทำก็ได้”
“ไม่เอา ไม่เอา ฉันอยากจะบอกลากับเพื่อนร่วมชั้นสักหน่อยน่ะ” ในแววตาของยศพลแฝงไปด้วยกามารมณ์ ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอ
ต้องปฏิบัติตัวดีๆหน่อย…
จารวีถูกเขาดันไปที่มุมกำแพงอีกครั้ง และหันมาก็ไม่มีทางถอย
อีกแล้ว
เธอถูกอุ้มขึ้นและวางลงบนโต๊ะทํางาน
วันต่อมา จารวีกับอังคณาโดดเรียนโดยออกไปทางประตูหลัง ของมหาวิทยาลัย
อังคณายังคงสับสนและไม่เข้าใจ “วี ตอนนี้บ้านแกดู ลึกลับมากเลยนะ มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนแอบซุบซิบกันว่าเธอเป็น เมียน้อยน่ะ เรื่องนี้มันจริงรึเปล่า”
จาร มองอังคณาอย่างตั้งใจและเป็นเวลานาน จากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่ได้เป็นเครื่องจริง เธออย่าไปฟังที่คนอื่นพูดมั่วเลย ฉันจะไปเป็น เมียน้อยชาวบ้านได้ยังไงล่ะ”
ใช่ ไม่ใช่เมียน้อย แต่เป็นเมียเก็บต่างหาก
มันต้องเป็นเพราะปัถย์ตัวแสบที่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแน่ๆ
“อ๋อ ฉันก็ว่าละ เธอจะไปเป็นเมียน้อยได้ยังไง ถ้าจะเป็นเมียน้อย ละก็ ก็คงจะเป็นเมียน้อยของคุณชายมนต์สออ…
จาวรมองใบหน้าที่ได้ใจของอังคณาแล้วโยกหัวเธอไปทีหนึ่ง
“จําไว้ด้วยนะ ทีหลังอย่าพูดมั่ว วอีก พี่มนต์ตรีน่ะเขามีว่าที่ ภรรยาแล้ว…”
อังคณาลูบหน้าผาก พลางพูดว่า “จารวี เธอเนี่ยน้า นับวันยิ่ง มอบความรุนแรงซะจริง…
จาร ยิ่งอยู่ยิ่งเป็นคนชอบความรุนแรง คำพูดของอังคณา ทําให้เธอรู้สึกตกใจกลัว หรือว่าอยู่กับยศพลมากเกินไป ก็เลยติดเชื้อ มา
จาร ไม่ได้เข้าไปในสำนักงานใหญ่บริษัทซัวกรุ๊ปจำกัด แต่อยู่ ตรงสวนสาธารณะเล็กๆใกล้ๆแถวนั้น ให้อังคณาโทรหา มนต์ตรี
“คุณชายมนต์ตรี พวกเรามาถึงด้านล่างของบริษัทคุณแล้วค่ะ คุณวางมั้ยคะ..”
“ฮะๆ ฉันก็รอพวกเธอมานานแล้ว”
มนต์ตรีถือมือถือเดินมาออกมาจากสวนสาธารณะด้านหลังที่มี
พุ่มไม้อยู่
เขาสวมชุดสูทแบบยาวสีขาว เหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวในนิทาน
ในวินาทีนั้น เวทมนต์ในความทรงจำของจารวีราวกับถูกปลุกให้
นอีกครั้ง
ผู้ชายที่เขารอคอย ตอนนี้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
เลย
แสงอาทิตย์สีทอง สายสองมาทใบหน้าของเขา
เหมือนกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ในตอนนั้น จารสวมเดรสสีขาวมีลายดอกไม้สีเขียวอ่อนๆดู สุภาพ บนใบหน้าที่ดูสะอาดและบริสุทธิ์ มีดวงตาทั้งสองข้างโตและ แวววับ ริมฝีปากสีแดงชุ่มชื่นดั่งเชอร์รี่
ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เธอก็ดูสวยกว่าเดิมเยอะ
ไม่ ไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นี่ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าเธอจะ ขี้เหร่หรือสวย เธอก็คือคนที่ใจเขาตามหาเสมอมา
อังคณาเห็นสองคนนี้เริ่มจะเฉื่อยชา กระแอมออกมาอย่างพอ
เป็นพิธี
“แค่ก เอ่อ ถ้างั้นฉันไม่อยู่ตรงนี้เป็น กขค แล้วดีกว่า เชิญคุยกับ ตามสบาย ฉันขอตัวไปก่อนนะ…”
ใบหน้าของจารวีดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ บีบมือของอังคณา
แน่น
กําลังจะพูดออกมา มนต์ตรีก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ไปกิน ข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนแล้วค่อยไป
แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ดูอบอุ่นมาก แต่อังคณา ทีมนต์ตรีพูดออกมา ก็รู้ความหมายแฝง
“ไว้วันหลังเถอะค่ะ ฉันมีนัดกับเพื่อนแล้วน่ะ…
เหมือนกับว่ากลัวจะถูกจารวีตำหนิ ไม่ทันไรเธอก็วิ่งช้าๆหายไป
ดั่งควัน
ไม่นานนักในสวนสาธารณะ ก็เหลืออยู่เพียงมนต์ตรีกับจารวิ เพียงแค่สองคน
ๆ ดีใจมากที่ได้เจออีก พี่ กว่า จะ..” รอยยิ้มของมนตร์ตรี เป็นประกาย อารมณ์แบบนี้เป็นอารมณ์ที่ออกมาจากใจ ไม่ได้มีการ เสแสร้งแม้แต่น้อย
จารวีใจเต้นเร็วและแรง เธอได้กลิ่นน้ำหอมลอยมาจากตัวของ มนต์ตรี เหมือนเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์
เธอชอบกลิ่นนี้มาก กลิ่นนี้ทำให้ระยะห่างของทั้งสองเริ่มหดสั้น
“พิมนต์!” จารวีเรียกด้วยเสียงหวาน แล้วรียรีบก้มหน้าลง
เธอไม่กล้าที่จะมองมนต์ตรีตรงๆ เพราะกลัวตัวเองจะอดใจ หลงใหลในความอบอุ่นอ่อนโยนของมนต์ตรี รู้ทั้งรู้อยู่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถครอบครองได้ ถ้าหากเอาตัว
เข้าไป ต้องรู้สึกเหมือนตายไปแล้วแน่ๆ
” พี่จะพาวีไปที่หนึ่ง…
มนต์ตรีจูงมือจารวีอย่างเป็นธรรมชาติตามความเคยชิน เหมือนกับตอนเด็กๆ ราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาล เวลา
จารวิพยายามที่จะปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้ เพียงให้เขาจูงมือไป เดินออกมาจากพุ่มไม้
ทั้งสองคนเดินฝ่าระหว่างป่าไม้ออกมา แสงอาทิตย์สาดส่อง มายังพวกเขาสองคน
เป็นภาพที่เหมือนความฝันเล็กน้อย จารวีเงยหน้าขึ้นมาแอบ มองมนต์ตรี
มุมข้างของใบหน้ายศพลช่างหล่อเหลา เหมือนก้อนหยกก้อน หน่งที่ดูอ่อนโยน
ลง
การมองจนใจเต้น
ถ้าเธอไม่ถูกยศพลใช้กำลังบีบบังคับ ถ้าไม่ได้ตกเป็นเมียเก็บ ของยศพล ถ้าทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลง พี่มนต์ตรีคนนี้ที่ยืนอยู่ข้าง กายเธอ ต้องเป็นของเธออย่างแน่นอน
แต่ว่าโชคชะตากลับมาล้อเล่น ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงามล้วน หายไปหมดทั้งสิ้น
พอจารวีคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็ปรากฏความรู้สึกหดหู่และโศก
เศร้า
มนต์ตรีรู้สึกได้ถึงแววตาของจารวี หันหน้ามา สายตาทั้งสองคู่ ปะทะกัน มีประกายไฟที่กำลังเปล่งประกายอยู่
“มนต์ตรีเรียกอย่างอ่อนโยน มือจับไว้แน่น จะจับมืออันเล็กๆ ของจารวีแน่นยิ่งขึ้นอีก
เขาอยากที่จะจับมือเธอไว้แน่นๆ แล้วเดินไปตามถนน
เริ่มจะถึงสุดปลายทางของสวนสาธารณะ รถเวฟโรเลตสีขาว ค้นหนึ่งจอดอยู่ที่ปากทาง
มนต์ตรีล้วงรีโมทคอนโทรลออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิด ประตูรถ แล้วส่งจารวีเข้าไปนั่งข้างในก่อน จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งใน ฝังคนขับ
การกระทำที่พิถีพิถันแบบนี้ ทำให้จารวีรู้สึกอบอุ่น
อยู่กับยศพลมานานขนาดนั้นแล้ว เขายังไม่เคยที่จะเปิดประตู ให้เธอขึ้นรถแบบนี้ก่อนเลย
ใช่แล้ว เธอผู้ที่อยู่ตรงหน้ายศพล ก็เป็นแค่เมียเก็บที่ต่ำต้อย สกปรกคนฟัง
ก็แค่เป็นสัตว์เลี้ยงที่คอยตกอยู่ในมือของเขา
มนต์ตรีเห็นน้ำตาในดวงตาของจาร รู้สึกสงสารเล็กน้อย ค่อยๆ นมือไปปาดน้ำตาให้เธอเบาๆ
ๆ กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนต์ อย่างหาสิ่งใดเปรียบ
เทียบไม่ได้
จารวีถึงจะหัวเราะตา ออกมา “ไม่หนี ก็แค่ไม่ได้เจอพีมนต์มา นานมากแล้ว ฉันก็เลยรู้สึกดีใจหน่ะ”
รถถูกขับไปตามถนนใหญ่ซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมตลอดทาง ค่อยๆ เห็นตึกสํานักงานที่มีธงปักอยู่หนึ่ง ก
ตีกไม่สูงมาก ออกแบบเหมือนคฤหาสน์ บนดาดฟ้ากลับมีอักษร
ป้ายร้านค้าตัวใหญ่
บริษัทน้อง กรุ๊ปจํากัด!
จาร รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที นี่เป็นบริษัททียศพลพูดถึงพอดี หนิ พี่มนต์พาเธอที่นี่มาทําไมกัน
พอเห็นใบหน้าที่อ้งกิมกี่ของจารวี มนต์ตรีก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“วี พวกเราลงรถกันเถอะ”
เขาลงมาจากรถ แล้วก็เปิดประตูด้านหลังให้กับจารวี จากนั้นก็ ยื่นมือไปจับมือจาร ออกมา
ภายใต้แสงอาทิตย์ มีแสงสว่าง โชติช่วงสองออกมาตัวอักษร อ
บริษัทน้อง
มนตรีเดินนําหน้า มีพนักงานสองคนเดินออกมาต้อนรับ
พวกเขาโค้งให้มนต์ตรี “ท่านประธานมนต์ตรี…
“อืม พวกเธอไปกันก่อนเถอะ
มนต์ตรี มอย่างอ่อนโยน เดินพาจารวีเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ตรงกลางของห้องโถงใหญ่เป็นห้องต้อนรับแขกขนาดใหญ่ พนักงานก็ต่างทํางานหน้าที่ของตนเอง ท้างานอย่างขยันขันแข็ง เมื่อ เห็นมนต์ตรีเดินผ่าน ก็ล้วนโค้งคำนับกันอย่างสุภาพและพร้อมเพียง
ในหนึ่งเป็นโซนไว้ทำงานและต้อนรับแขก ชั้นสองฝั่งหนึ่งเป็น ห้องแสดงนิทรรศการ อีกหนึ่งเป็นห้องทำงานของผู้จัดการระดับสูง
ชั้นสามเป็นโถงทํางานขนาดใหญ่ ที่นี่ สามารถมองเห็นแบบ ของเสื้อผ้าต่างๆ และยังมีจักรเย็บผ้าขนาดใหญ่ในรูปแบบต่างๆ และ เครื่องมือต่างๆที่ไว้ผลิตเสื้อผ้า
วี ที่นี่รวบรวมปัจจัยที่จําเป็นต่อการเสื้อผ้าแฟชั่นของแต่ละ ประเทศที่ทันสมัยที่สุด ไม่ได้พูดว่า อยากเป็นนักออกแบบที่ดีที่สุด ไม่ใช่เหรอ ที่นี่ เป็นเวทีของวี พี่เตรียมมาหลายปี ในที่สุดก็ได้พาวิเข้า มาสักที
จารวีดาเบิกกว้าง แล้วตะโกนออกมาอย่างตกใจ “, มนต์ สร้างบริษัทน้องวัดอนแรกก็เพื่อวีเหรอ ”
มนต์ตรียืนอยู่ตรงหน้าของจารวี ยิ้มอย่างอบอุ่น มีแสงประกาย
มาจากดวงตา
“แน่นอนสิ พี่เคยรับปากวีไว้หนิ พี่ต้องทำให้ครบทุกอย่าง
ใช่ หลายปีมานี้ เขานึกถึงเพียงแค่จารวี เขารวบรวมข้อมูลมา สิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา ทุ่มเทกับบริษัทผลิต เสื้อผ้า
เขารู้ว่าจารวีจะต้องชอบแน่ๆ
จารวีนิ่งไปนานมากถึงจะพูดออกมา “พี่มนต์ แต่ว่า ตอนนี้ฉันไม่ สามารถรับน้ำใจ ของพี่ได้
มือทั้งสองของมนต์ตรีแตะที่ไหล่ของจารวี วี วางใจเถอะ เรื่องบริหารไม่ต้องกังวลเลย แต่อยู่ที่นี่ออกแบบเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น
น
จารสังเล จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ไม่ได้
ทําไมไม่ได้ละ เมื่อกี้วีเพิ่งจะทําเรื่องพักการเรียนไปไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ ก็สามารถลงมือทําได้เลย”
ในแววตาของมนต์ตรีเปล่งประกายดั่งดวงดาว มองเธอด้วยความ สงสัย “วี มาอยู่ข้างกาย สิ ให้พี่ดูแล หลายปีที่ผ่านมานี้ พี่ตามหาวิ อย่างยากล่ามาก พี่กล้ามากว่าชาตินี้พี่จะไม่ได้เจอวีแล้ว พี่กลัวว่าทีพี ทํามาทั้งหมด จะเสียเปล่า…
จารวีใช้แรงอันน้อยนิดสลัดมือของมนต์ตรีออกไป แววตา เปลี่ยนไปเป็นความทรมาน
“แต่ว่า พี่มีสุรีย์วัลย์แล้วนะ… ”
ในดวงดาสีนํ้าดาลองมนต์ตรีเปล่งประกายเป็นเงามืดเพียงแบ
เคียว
** ไม่เป็นไรหรอก สุรีย์วัลย์เป็นผู้หญิงที่ใจดีคนหนึ่งนะ หล่อนไม่ ทําร้าย หรอก…
จารยิ้มอย่างขมขื่น สุรีย์วัลย์เนี่ยนะใจดี
อีกครึ่งชีวิตของเธอเคยเกือบจะไม่มีเพราะความใจดีของสุรีย์ วัลย์ แต่ว่า เรื่องนี้ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับสุริยวัลย์อยู่ต
ถึงจะไม่มีสุรีย์วัลย์ เธอก็ไม่คู่ควรกับเขาแล้ว
” นี่คือหนังสือมอบอำนาจบริษัท เพียงแค่วิเซ็นตรงนี้ บริษัท กั จะตกเป็นของวิเลย…”
ในสายตาของมนต์ตรี มีความยับยั้งความหวังไว้ไม่ไหว ราวกับ การรอคอยที่เนิ่นนาน ในที่สุดก็มีการตอบรับอย่างเต็มรูปแบบ
จาก ยังไม่ทันได้เห็นหนังสือมอบอำนาจบริษัท น ผลักออก
ไปทันที
เธออยากมากๆ อยากที่จะยืนอยู่ข้างๆกับมนต์ตรี อยากที่จะ ทํางานร่วมกันกับมนต์ตรี ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ชอบงานนี้ด้วย
แต่ว่าเธอทําไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิ์ใน
เธอจะกลับไปเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ดังเดิมไม่ได้อีกแล้ว
สายตาของจารวีมีประกายทีเศร้าโศกออกมา ขอโทษนะ มนต์ รับไว้ไม่ได้
ใบหน้าของมนต์ตรีเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างจืด ต
“…ทําไมล่ะ”
อยู่ดีๆจารวีก็หันไป เธอไม่กล้ามองเขาอีก เธอกลัวว่าตนจะทน ไม่ไหวแล้วไปซบตรงอกเขา อ้อมกอดนั้น อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้น ช่าง งดูดใจจารวีเหลือเกิน
นี่อาจเป็นความอบอุ่นหนึ่งเดียวในโลกของเธอ
แต่ว่า ความอบอุ่นนั้น มีเจ้าของคนอื่นไปแล้ว