CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 206 ข่าวดี

  1. Home
  2. ยามดอกวสันต์ผลิบาน
  3. ตอนที่ 206 ข่าวดี
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ อดประหลาดใจไม่ได้

ฉินจื่อผิงกลับยากที่จะปกปิดความยินดีเอาไว้ได้ กล่าวเสียงดังด้วยใบหน้ายินดีว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านสี่ ข่าวดี ข่าวดีขอรับ! นายท่านใหญ่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้ากรมพิธีการ และที่ปรึกษาประจำพระที่นั่งเหวินหวาขอรับ!”

“จริงหรือ!” ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเคยประสบกับเรื่องต่างๆ มาไม่รู้กี่เรื่อง ทว่าเมื่อได้ยินข่าวคราวนี้ก็ยังคงตกใจไปครั้งใหญ่ ถามขึ้นอย่างเก็บอาการไม่อยู่ว่า “เป็นเรื่องจริงหรือ เจ้าได้ยินใครพูดมา”

ฉินจื่อผิงยกกระดาษในมือขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ส่งมาจากจินหลิงขอรับฮูหยินผู้เฒ่า ที่เมืองจินหลิงต่างทราบข่าวกันหมดแล้ว ท่านผู้นำตระกูลจวนรองได้เปิดหอบรรพชนทำการกราบไหว้เรียบร้อยแล้วขอรับ!”

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มเย็น กล่าวขึ้นว่า “เขาช่างแสดงละครเก่งยิ่งนัก บุตรชายของข้ายังติดตามข้าอยู่ที่เมืองหังโจว เขามีสิทธิ์อะไรไปออกหน้า!”

ฉินจื่อผิงไม่กล้าตอบถ้อยคำนี้

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านจะโมโหเขาด้วยเรื่องนี้ไปเพื่ออันใด ในสายตาของผู้อื่น พวกเราถือเป็นครอบครัวเดียวกัน วันนี้พี่ชายใหญ่ได้รับการแต่งตั้งเข้าไปในสภา เขานำคนในตระกูลไปกราบไหว้เพื่อบอกกล่าวบรรพบุรุษก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควร ไม่ว่าอย่างไร คนที่ได้รับการเชิดหน้าชูตาก็คือจวนหลักของพวกเรา ต่อให้เขาจะทำเรื่องไม่สำคัญพวกนี้อีกเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์ ต่อไปยังมีเรื่องน่าสนุกของจวนรองให้ดูอีกขอรับ!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงได้สงบลงมา

เฉิงฉือเหลือบมองโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง

เฉิงจิงได้รับการแต่งตั้งเข้าไปในสภาก่อนกำหนด ก็ถือได้ว่าชะตาของตระกูลเฉิงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปแล้วใช่หรือไม่

ต่อไปนางเพียงแค่ต้องทำให้ท่านน้าฉือไว้วางใจนาง หรือไม่ก็ให้คำพูดของนางมีน้ำหนักต่อหน้าเฉิงฉือ หรือไม่ก็นำเอาคำพูดของนางไปบอกเฉิงจิง ตระกูลเฉิงก็จะหลีกพ้นจากชะตาที่จะถูกยึดทรัพย์และฆ่าล้างตระกูลได้ นางเองก็จะได้ช่วยจวนสี่ให้รอดพ้นจากหายนะ ก็ถือว่าไม่เสียแรงที่นางได้มาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้ว!

โจวเสาจิ่นพนมมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วหันไปทางทิศตะวันตกพลางสวดคำว่า “อมิตาภพุทธ”

เฉิงฉือยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

เห็นได้ชัดว่า ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้เด็กผู้นี้ดีใจมากเช่นกัน

พี่ชายใหญ่ได้รับแต่งตั้งเข้าไปในสภาอย่างราบรื่นในครั้งนี้ ถือว่าเด็กผู้นี้ช่วยเหลือเอาไว้ไม่น้อย

ถึงแม้พวกเขากังวลว่าเซินหมิ่นจือจะช่วยพูดให้หวงหลี่ แต่ตระกูลหยวนกับตระกูลเฉิงร่วมทุกข์และสุขด้วยกันมาตลอด โอกาสเช่นนี้มีน้อยยิ่งนัก นอกจากนี้การที่เฉิงจิงได้เข้าสภามีแต่ผลดีต่อหยวนเหวยชางไม่มีผลเสียเลย พวกเขาคิดว่าต่อให้ตระกูลหยวนจะไม่ช่วยตระกูลเฉิง แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ก็น่าจะทำเป็นเงียบๆ เอาไว้ คิดไม่ถึงว่าหยวนเหวยชางกลับตั้งหน้าตั้งตาอยากจะตอบแทนเซินหมิ่นจือ ยอมให้หวงหลี่ขึ้นดำรงตำแหน่ง

เพียงแต่ไม่รู้ว่านางไปได้ข้อมูลมาจากที่ใด

หากเป็นโจวเจิ้น บุญคุณครั้งนี้จวนหลักของพวกเขาย่อมต้องตอบแทนอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นผู้อื่น…เช่นนั้นก็ให้เด็กผู้นี้ไปตอบแทนน้ำใจแทนก็แล้วกัน!

เนื่องจากได้รับข่าวดีอย่างกะทันหัน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดีใจยิ่งนัก จึงตกรางวัลให้บ่าวรับใช้ข้างกายทุกคน รวมถึงฮูหยินหวังด้วย ทุกคนต่างได้รับลิ่มทองคนละสองก้อน

ฮูหยินหวังดีใจยิ่งนัก กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ลิ่มทองสองก้อนนี้ข้าจะเก็บรักษาเอาไว้ รอให้หลานชายของข้าไปสอบขุนนาง ข้าจะใส่ไว้ในหีบตำราติดตัวไปสอบเป็นเครื่องนำโชค”

โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม หยิบลิ่มทองสองก้อนที่ตนได้รับจากฮูหยินผู้เฒ่ากัวออกมา กล่าวขึ้นว่า “หากท่านไม่รังเกียจ ถือเสียว่าข้าอาศัยของขวัญของฮูหยินผู้เฒ่า มอบเป็นของขวัญให้หลานชายของท่าน”

ฮูหยินหวังดีใจยิ่งนัก กล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ถือโอกาสนี้ชวนโจวเสาจิ่นคุย “…ตระกูลของคุณหนูรองก็เป็นขุนนางหรือเจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้นจะมีกิริยามารยาทงดงามเช่นนี้ได้อย่างไร”

อาจเป็นเพราะอาศัยอยู่ในตระกูลเฉิงมานาน โจวเสาจิ่นจึงไม่เคยรู้สึกว่าตระกูลของตัวเองมีอะไรให้น่าอัศจรรย์ใจ

ชุนหว่านที่ยกของว่างเข้ามากลับกล่าวขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านของพวกข้าเป็นจิ้นซื่อขั้นสอง และเจ้าเมืองขั้นสี่ ได้ยินนายหญิงผู้เฒ่ากล่าวว่า นายท่านของพวกข้าไม่ช้าก็เร็วจะได้ไปเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ท่านเคยได้ยินตระกูลเลี่ยวของเจิ้นเจียงมาก่อนหรือไม่เจ้าคะ บุตรเขยคนโตของพวกข้าก็คือหลานชายคนโตจากจวนหลักของตระกูลเลี่ยวที่เจิ้นเจียง นั่นก็เป็นตระกูลขุนนางที่สืบทอดต่อกันมาเช่นกัน…”

โจวเสาจิ่นไม่ค่อยชอบที่ชุนหว่านไปพูดเรื่องภายในครอบครัวกับคนที่ไม่สนิทเช่นนี้ เรียกชื่อ “ชุนหว่าน” ยิ้มๆ ครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “เจ้าช่างพูดมากเสียจริง! ยังไม่รีบไปยกน้ำชาเข้ามาอีก พวกข้าคุยกันมาครึ่งค่อนวันจนคอแห้งไปหมดแล้ว!”

ชุนหว่านหัวเราะอย่างขัดเขิน แล้วรีบไปยกน้ำชามาให้ทั้งสอง

โจวเสาจิ่นจึงถามฮูหยินหวังว่ามาหานางด้วยธุระอะไร

ฮูหยินหวังเพียงเห็นว่าโจวเสาจิ่นอยู่คนเดียว จึงอยากมาทำความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยด้วยเท่านั้น ไหนเลยจะมีธุระอะไรได้ แต่เมื่อโจวเสาจิ่นถามขึ้นมาแล้ว นางเองก็ไม่อาจบอกไปตามตรงได้ พยายามขบคิดครู่หนึ่ง ถึงได้กล่าวขึ้นยิ้มๆ ว่า “คุณหนูรองต้องกลับเมืองจินหลิงภายในไม่กี่วันนี้แล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ หลงจู๊ใหญ่ของพวกข้าตั้งใจไปเขาเทียนมู่มาครั้งหนึ่ง ช่วยคุณหนูรองซื้อดอกเบญจมาศสีหมึกหนึ่งกระถาง ดอกกล้วยไม้สีเขียวต้าอีผิ่นหนึ่งกระถาง และดอกซานฉาหกแฉกสีแดงอีกหนึ่งกระถาง ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับดอกซานฉากลีบสิบแปดชั้น ทว่าก็พบเห็นได้ยากยิ่งนัก เพียงแต่ว่าอาจารย์เหมียวห้าเลี้ยงดอกไม้เหล่านี้ไว้ในเรือนเพาะชำมาโดยตลอด หลงจู๊ใหญ่เกรงว่าหากย้ายเข้ามาปลูกทันทีทันใด ดินและน้ำไม่เหมาะสมจะปลูกได้ไม่ดีนัก จึงให้อาจารย์เหมียวห้าย้ายออกมาข้างนอกก่อน รอให้ดอกไม้เหล่านั้นแข็งแรงขึ้นสักหน่อยแล้วค่อยส่งมาที่นี่…ไม่รู้ว่าจะทันเวลาหรือไม่”

โจวเสาจิ่นแอบทึ่งในความเก่งกาจของหลงจู๊ใหญ่ผู้นี้ เพียงแต่ว่าตอนอยู่ที่บ้านสวนต้าชิ่งนางก็เคยปลูกต้นไม้ดอกไม้มาก่อน ถึงแม้ว่าดอกไม้ดังกล่าวนี้จะเป็นพันธุ์ไม้มีชื่อ แต่นางล้วนเคยเห็นมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะดอกกล้วยไม้สีเขียวต้าอีผิ่นนั้นเป็นพันธุ์ไม้มีชื่อที่คนรักกล้วยไม้จะต้องลองหามาปลูก หากนางอยากจะเริ่มต้นปลูกดอกไม้อีกครั้ง ไม่แน่ว่าอาจปลูกไม่สำเร็จก็เป็นได้

“กำหนดการได้ถูกกำหนดออกมาแล้วจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “คงได้แต่ขอให้ท่านช่วยกล่าวขอบคุณหลงจู๊ใหญ่แทนข้าด้วย หากมีโอกาสได้มาหังโจวอีกในภายภาคหน้าค่อยรบกวนเขาช่วยหาดอกไม้ดีๆ มาให้ข้าก็แล้วกัน”

ฮูหยินหวังเองก็ได้แต่กล่าวเช่นนี้เช่นกัน

เนื่องจากได้ดอกไม้มาแล้ว พวกเขาจึงเพียงทำตามคำสั่งจากเบื้องบนเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าดอกไม้นี้จะอยู่หรือตายนั้น ในเมื่อความปรารถนาดีของพวกเขาได้ส่งไปถึงแล้ว นั่นจึงไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว

ฮูหยินหวังยิ้มพลางคุยถึงเรื่องต่างๆ ที่ได้พบเห็นในช่วงหลายวันนี้กับโจวเสาจิ่นต่อ

***

ภายในห้องชั้นในของฮูหยินผู้เฒ่ากัว เฉิงฉือกำลังกระซิบกระซาบคุยกับมารดาอยู่ “…ไม่ว่าตระกูลหยวนจะคิดอย่างไร ความผิดหวังของพี่ชายใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ข้าคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดี ในปีนั้นเฉิงซวี่กดทับพี่ชายใหญ่เอาไว้ตลอด ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกพี่ชายใหญ่ถึงได้ร่วมมือกับตระกูลหยวน แต่ตระกูลเล็กๆ ก็มีข้อดีของตระกูลเล็ก อย่างน้อยคนก็เรียบง่าย เกิดเรื่องแล้วก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้ง่าย ส่วนตระกูลใหญ่ก็มีความทุกข์ของตระกูลใหญ่ เวลาต้องตัดสินใจทำอะไร คนที่พอจะมีหน้ามีตาหน่อยก็ลุกขึ้นมาพูดสักสองประโยค กว่าจะรอให้เรื่องราวคลี่คลาย ก็สายเกินกว่าจะทำอะไรได้แล้ว ข้าคิดว่าพี่ชายใหญ่ควรจะใช้โอกาสนี้ค่อยๆ ถอยห่างออกมาจากตระกูลหยวน แล้วไปผูกมิตรกับทางด้านของซ่งจิ่งหรานแทนจะดีกว่า…

…หากต้องการเกี่ยวดองแต่งงานกัน ข้าว่าบุตรสาวของตระกูลซ่งดีกว่าของตระกูลหมิ่น ซ่งจิ่งหรานมีบุตรสาวเพียงคนเดียว แต่ตระกูลหมิ่นกลับเอาอนาคตของเจียซ่านมาเป็นเบี้ยต่อรอง ดูเจ้ายศเกินไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อไปต่อให้จะยอมช่วยเหลือเจียซ่านในหน้าที่การงาน แต่เกรงว่าราคาที่ต้องจ่ายก็อาจสูงเกินไป”

“เจ้ากับข้าคิดเหมือนกัน” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าว “แต่เจ้าก็รู้จักพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าผู้นั้นดี นางมักจะคิดอยู่เสมอว่าบุตรชายหญิงของตระกูลหมิ่นฉลาดเฉลียว คุณหนูหลายคนของตระกูลหมิ่นก็มีชื่อเสียงว่าเรียนหนังสือได้เก่งกาจเทียบเท่ากับบุรุษ พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าคิดว่าหากแต่งบุตรสาวของตระกูลหมิ่นเข้ามา อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าบุตรของเจียซ่านจะไม่ใช่คนโง่เขลาอย่างแน่นอน เนื่องจากข้าเป็นย่า จึงไม่อาจเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจเรื่องของเจียซ่านระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยาได้”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นก็อย่าไปสนใจพวกเขาเลยขอรับ อย่างไรเสียด้วยอายุของพี่ชายใหญ่แล้ว หากบุตรชายไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมีหวังกับหลานชายได้”

“กล่าวไร้สาระ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วกล่าวยิ้มๆ อย่างเคืองๆ “พี่ชายใหญ่ของเจ้าอายุไม่น้อยแล้ว แค่เจียซ่านกับรั่งเกอเอ๋อร์ต่างก็ไม่ทำให้ผู้อื่นกังวลใจเท่านั้น ข้าดูแล้วจวนหลักของพวกเรามาถึงวันนี้ก็ถือว่าได้รับสิ่งที่ดียิ่งกว่าดี เอาความโชคดีของคนรุ่นหลังมาใช้จนหมดแล้ว”

เฉิงฉือไม่รับคำ

ลำดับแรกคือมารดาหวังให้เขาแต่งงานในเร็ววัน ให้นางได้อุ้มหลาน ถ้าหากไม่ได้จริงๆ ลำดับถัดไปคือ หวังให้เขาเอาเฉิงรั่งมาให้คำชี้แนะอยู่ข้างกาย ให้จวนหลักได้มีผู้คงแก่เรียนเพิ่มขึ้นอีกสักคนหนึ่ง

เขากล่าวขึ้นว่า “เรื่องของอนาคตผู้ใดจะทราบได้! ท่านผู้นำตระกูลของจวนรองสองท่านใช้ทุกวิธีทุกแผนการแล้วแต่เป็นอย่างไร ไม่ใช่เพราะลูกหลานอ่อนแอก็เลยได้แต่มองความเสื่อมโทรมของลูกหลานตาปริบๆ หรอกหรือ ท่านแม่ ต่อไปท่านก็กังวลใจให้น้อยลงเถิด! เพียงเสียดายที่ท่านพ่อจากไปเร็วไปหน่อย ไม่อย่างนั้นท่านคงได้มีสามีเป็นขุนนางระดับสูงผู้หนึ่ง แล้วก็มีบุตรชายเป็นขุนนางระดับสูงอีกผู้หนึ่งแล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทราบดีว่าอารมณ์ของบุตรชายอยู่ระดับไหนแล้ว จึงไม่อยากฝืนบังคับต่อไปอีก แล้วก็ไม่อยากทำลายบรรยากาศของความสุขระหว่างแม่ลูกในช่วงนี้ด้วย จึงถือโอกาสเปลี่ยนหัวข้อสนทนาตามการตัดบทของบุตรชาย กล่าวขึ้นว่า “เจ้าจะไปจิงเฉิงสักครั้งหรือไม่ พี่ชายใหญ่ของเจ้าเพิ่งจะได้เป็นขุนนางกรมพิธีการ เกรงว่าจะมีที่ให้ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก…”

เฉิงฉือตัดบทคำพูดของมารดา กล่าวยิ้มๆ ว่า “นั่นก็เพียงเรื่องขาดแคลนเงินเท่านั้น! ขอเพียงเงินไปถึงก็พอแล้ว ข้าจะไปหรือไม่ไปก็ไม่น่าจะสลักสำคัญอะไรกระมัง!”

“เจ้าเด็กคนนี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทนฟังน้ำเสียงไม่แยแสของเฉิงฉือไม่ได้เป็นที่สุด กล่าวขึ้นว่า “หรือว่าเจ้าไม่อยากไปเจอหน้าพี่ชายใหญ่ของเจ้า?”

“ไม่อยาก” เฉิงฉือกล่าวอย่างเป็นการเป็นงานอย่างที่สุดว่า “หากข้าเป็นพี่ชายใหญ่ จะร่วมมือกับซ่งจิ่งหราน แต่ข้ารู้ดีว่าเพื่อพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว พี่ชายใหญ่ย่อมไม่อาจขัดแย้งจากตระกูลหยวนได้ ข้าเห็นแล้วรำคาญใจ เช่นนั้นสู้ไม่เห็นเสียจะดีกว่า”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็ถอนหายใจยาวครั้งหนึ่ง

เฉิงฉือลุกขึ้น กล่าวขึ้นว่า “ท่านเองก็พักผ่อนเถิดขอรับ! พรุ่งนี้พวกเรายังต้องดูปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงกันอีก!”

“เจ้าเองก็พักผ่อนให้ไวหน่อย” ความขัดแย้งระหว่างบุตรชายคนโตกับบุตรชายคนเล็กทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวว้าวุ่นใจอยู่เสมอ นางกล่าวขึ้นอย่างไร้ชีวิตชีวาเล็กน้อยว่า “พี่ชายใหญ่ของเจ้าเข้าสู่สภาได้ ย่อมถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยเจ้าทำการค้าก็จะได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น”

“ใช่ขอรับ” เฉิงฉือกล่าวปลอบใจมารดาไปอย่างนั้น แล้วออกมาจากห้องหลัก

ห้องข้างทางฝั่งตะวันตกยังคงจุดตะเกียงเอาไว้

เฉิงฉือถามหลั่งเย่ว์ว่า “คุณหนูรองยังไม่นอนพักผ่อนอีกหรือ”

หลั่งเย่ว์กล่าวยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินหวังสนทนาอยู่ในห้องคุณหนูรองโดยตลอด เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เองขอรับ”

เฉิงฉือครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไปบอกป้าซาง ให้ไปดูว่าคุณหนูรองนอนพักผ่อนแล้วหรือยัง หากว่ายังไม่นอน ข้ามีเรื่องจะถามคุณหนูรองสักหน่อย”

หลั่งเย่ว์วิ่งไปหาป้าซางอย่างรวดเร็วประหนึ่งควันที่มลายหายไปในอากาศ

โจวเสาจิ่นเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ชุนหว่านกับปี้เถากำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้นาง พอได้ยินว่าเฉิงฉือต้องพบนาง นางก็รีบรวบผมขึ้นเป็นมวยหนึ่งแล้วออกจากห้องไป

เฉิงฉือยืนอยู่ข้างๆ ต้นหลิวตรงระเบียงทางเดิน

เขาเห็นผมของโจวเสาจิ่นยังเปียกอยู่ จึงกล่าวขึ้นว่า “ลมตอนกลางคืนเย็นนัก เหตุใดยังเช็ดผมไม่แห้งก็วิ่งออกมาแล้ว”

โจวเสาจิ่นย่อมไม่อาจบอกว่าเพราะตนไม่กล้าให้เขาต้องรอ จึงได้แต่ยิ้มอย่างขุ่นเคือง

เฉิงฉือหันไปมองรอบๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นก็ไปคุยในห้องของเจ้าก็แล้วกัน!”

โจวเสาจิ่นรู้ดีว่านี่เป็นเพราะเฉิงฉือกลัวว่านางยืนตากลมขณะผมเปียกแล้วจะหนาว คิดๆ แล้วห้องของตนก็เก็บกวาดได้สะอาดเรียบร้อยดี แล้วก็ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสม จึงขานรับยิ้มๆ แล้วเดินไปที่ห้องข้างของตัวเองพร้อมกับเฉิงฉือ

ชุนหว่านนำชามาขึ้นโต๊ะ แล้วถอยออกไปอย่างเบามือเบาเท้า เฝ้าอยู่หน้าประตูกับหลั่งเย่ว์

ภายในห้องเงียบเชียบเหลือเพียงโจวเสาจิ่นกับเฉิงฉือเท่านั้น

เฉิงฉือถึงได้กล่าวขึ้นว่า “หากคนที่ให้ข้อมูลกับเจ้ามีเรื่องอะไรต้องการร้องขอ เจ้าต้องเอามาบอกข้า ไม่ว่าอย่างไร คนที่ได้ประโยชน์คือจวนหลักของพวกข้า เจ้าอย่าได้คิดอย่างโง่งมว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่งแล้วไปขอจากบิดาของเจ้าแทน ให้บิดาของเจ้าต้องลำบากใจเป็นอันขาด!”

………………………………

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 206 ข่าวดี"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์