CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 306 บอกเล่า

  1. Home
  2. ยามดอกวสันต์ผลิบาน
  3. ตอนที่ 306 บอกเล่า
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เฉิงฉือยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม ทว่าเสมือนกับมองเห็นทุกอย่างก็ไม่ปาน เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อยมือแล้ว ก็ให้สาวใช้เด็กมาพัดเถิด!”

โจวเสาจิ่นอดไม่ได้ที่จะเม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวเสียงนุ่มว่า “ไม่เมื่อยเจ้าค่ะ! ท่านพักผ่อนให้สบายใจเถิดเจ้าค่ะ!”

ภายใต้แสงไฟอันเลือนราง องคาพยพทั้งห้าของเขาดูอ่อนโยนกว่าในยามปรกติ สีหน้าก็ดูอบอุ่นกว่าในยามปรกติ

โจวเสาจิ่นทำใจกล้ามองสำรวจเขา

ขนตาของเฉิงฉือทั้งดกทั้งหนา ทำให้ดวงหน้าของเขาดูราวกับวาดเส้นขอบตาเอาไว้ ตรงหางตาโค้งขึ้นเล็กน้อย งดงามยิ่งนัก

จมูกโด่งเป็นสันตรง เป็นจมูกทรงหยดน้ำอย่างที่กล่าวเอาไว้ในหนังสือโหงวเฮ้ง

สันจมูกตั้งตรงสละสลวย ปลายจมูกอิ่มเต็ม

ว่ากันว่า บุรุษที่มีจมูกทรงนี้จะมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ เงินทองล้นเหลือมิต้องเป็นกังวลใจ และได้ภรรยาที่งามพร้อม

ท่านน้าฉือมีเงินทองล้นเหลือมิต้องเป็นกังวลใจนั้นจริง ทว่าการงานในเส้นทางราชสำนักนั้นกลับ…มีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ อย่างมากก็คงได้เป็นคนชั้นสูงมีหน้ามีตาผู้หนึ่ง

ส่วนภรรยาที่งามพร้อมนั้น

นึกถึงคุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัวแล้ว…โจวเสาจิ่นข้ามมันไปเสีย

อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ได้กล่าวเอาไว้แล้วว่าท่านน้าฉือรับปากว่าจะแต่งงานมีบุตรภายในสองปีนี้ นี่มิใช่ว่ายังมีเวลาอีกสองปีหรอกหรือ ไม่แน่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นอาจจะมีหญิงสาวที่ดีพร้อมกว่าคุณหนูทั้งสองท่านของตระกูลกัวปรากฏตัวออกมาก็เป็นได้

ริมฝีปากของท่านน้าฉือสีแดงเรื่อ ไม่ใหญ่และไม่หนาจนเกินไป มุมปากหยักโค้งขึ้น ประหนึ่งกำลังแย้มยิ้มอยู่อย่างไรอย่างนั้น

โจวเสาจิ่นหน้าร้อนผะผ่าว รีบลดศีรษะลง

แต่ใครจะรู้ว่าสายตากลับตกกระทบไปอยู่บนมือของเขาที่ห้อยลงมาอยู่บนใบหน้า

มือของเฉิงฉือขาวเนียนและเรียวยาว ทว่าก็ไม่มีข้อกระดูกปูดโปนออกมาให้เห็น เล็บมือตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สีชมพูระเรื่อ สะอาดสะอ้าน ดูเสมือนกับแกะสลักมาจากหยกก็ไม่ปาน

แต่นางกลับจำได้ดีว่ามือคู่นี้อบอุ่นเพียงไร

ยามลูบอยู่บนศีรษะของนาง มีความอบอุ่น ความสงบ และความเอ็นดูบางอย่างที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนได้แฝงอยู่ ระหว่างที่ตกอยู่ในภวังค์อันน่าลุ่มหลงนั้น ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมา

โจวเสาจิ่นลอบหัวเราะเบาๆ ค่อยๆ โบกพัดไปอย่างช้าๆ

ลมเย็นผัดเอื่อยๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ โฉบผ่านจมูกของเขา ยังมีสายตาร้อนแรงสายหนึ่งตกกระทบอยู่บนร่างของเขาเป็นระยะๆ

เฉิงฉือรู้สึกไม่ค่อยถูกต้องเหมาะสมอยู่เล็กน้อย

ตอนที่เสาจิ่นมาประคองเขานั้นเขาไม่ควรจะละโมบอยากได้รับความรู้สึกอ่อนโยนและกลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นอย่างไม่รู้จักพอ จากนั้นก็ยังปล่อยให้ผิดพลาดเพิ่มอีกโดยการปล่อยให้นางปรนนิบัติอยู่ข้างกาย

แต่จะให้นางไปตอนนี้…เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก!

เพราะเด็กผู้นี้จะต้องเข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิด บางทีอาจจะเศร้าโศกเสียใจมากอีกด้วยก็เป็นได้!

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เด็กน้อยช่างปรนนิบัติผู้อื่นได้ดีนัก โบกพัดได้อย่างไม่เร็วและไม่ช้า ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน ก็เหมือนกับตัวนาง ทำให้เขารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก

ก็ช่างมันเถิดก็แล้วกัน!

นางนั่งโบกพัดให้เขาอยู่ข้างเตียง ไม่ให้มองตนแล้วจะให้นางมองอะไร

อาจจะเป็นตัวเขาเองที่คิดมากเกินไป

ลอบลองเชิงมาพักใหญ่ ดูว่าผู้ใดจะคิดในแง่ร้ายมากที่สุดก่อน

เฉิงฉือหัวเราะขันตัวเอง ไม่นานอารมณ์ก็สงบลงมา กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “ฤดูร้อนของจินหลิงช่างร้อนจริงๆ”

เสียดายที่เฉิงเจียซ่านอยู่ที่เจ่าหยวน ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะได้พามารดาและเด็กน้อยไปหลบร้อนที่เจ่าหยวนแล้ว อย่างไรก็ตามเด็กน้อยอยู่ตรงนี้ด้วย เขาเอ่ยถึงเฉิงเจียซ่านให้น้อยเอาไว้จะดีกว่า เด็กน้อยจะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจ

เขากลืนคำพูดดังกล่าวลงไป

โจวเสาจิ่นเองก็ไม่คุ้นเคยกับฤดูร้อนของจินหลิง ได้ยินแล้วก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านรู้สึกร้อนอยู่ภายในใจใช่หรือไม่ ข้าให้คนยกน้ำถั่วเขียวเย็นๆ มาให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”

เมื่อก่อนยามพี่เขยดื่มสุรามามาก พี่สาวจะเตรียมชาเย็นเอาไว้ให้พี่เขย

เฉิงฉือร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง

โจวเสาจิ่นสั่งการออกไป

ไม่นาน น้ำถั่วเขียวก็มาถึง

โจวเสาจิ่นปรนนิบัติเฉิงฉือดื่มจนเรียบร้อย

เฉิงฉือล้มตัวลงบนตั่งหลัวฮั่นอีกครั้ง

โจวเสาจิ่นโบกพัดให้เขาต่อไป

ทว่าเฉิงฉือกลับนอนไม่ค่อยหลับแล้ว กล่าวขึ้นว่า “ช่วงฤดูหนาวปีนี้พวกเราเก็บน้ำแข็งเอาไว้สักหน่อยก็แล้วกัน ฤดูร้อนในปีหน้าจะได้ไม่ร้อนมากถึงเพียงนี้”

โจวเสาจิ่นหัวเราะ กล่าวขึ้นว่า “ฤดูหนาวปีที่แล้วจินหลิงมีหิมะตกเพียงเล็กน้อยครั้งหนึ่งเท่านั้น เมื่อตกถึงพื้นก็ละลายหมดแล้ว จะเก็บน้ำแข็งได้อย่างไรเจ้าคะ”

เฉิงฉือพลิกตัวมองนาง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ขอเพียงฤดูหนาวปีนี้มีหิมะตกที่จินหลิงก็เป็นอันใช้ได้ ข้าจะให้คนเก็บน้ำแข็งมาจากจิงเฉิง แล้วเร่งนำกลับมาให้ถึงจินหลิงช่วงเดือนที่หนึ่งก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิ จะได้นำออกมาใช้ในฤดูร้อน”

ภายใต้แสงตะเกียง แววตาของเขาสุกใส ดังดวงดาราบนฟากฟ้า เปล่งประกายแวววาว

นางรู้ว่าท่านน้าฉือหน้าตาหล่อเหลา แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะหล่อเหลาถึงเพียงนี้

ชั่วขณะนั้นโจวเสาจิ่นมองจนจิตใจเลื่อนลอยไปเล็กน้อย

เฉิงฉือเห็นนางเบิกดวงตาโพลงจ้องมองตัวเองอย่างเลื่อนลอย ยังเข้าใจไปว่านางไม่เชื่อ จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

“ย่อมไม่ใช่เจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นโพล่งออกมา ได้สติคืนกลับมา

ท่านน้าฉือไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้ง

“ข้าเพียงแต่คิดว่าเช่นนั้นจะต้องใช้แรงคนและทรัพยากรไปมากมายเพียงใดเท่านั้นเจ้าค่ะ!”

โจวเสาจิ่นขมวดคิ้วมุ่นขณะที่กล่าว พยายามเอาใจเฉิงฉือด้วยท่าทางเป็นกังวลยิ่ง

เฉิงฉืออารมณ์ดียิ่ง กล่าวขึ้นว่า “ไม่เป็นไร! ถึงเวลานั้นจะทำการขนส่งโดยเรือ เร่งเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน อย่างมาใช้เวลาสิบวันก็ถึงเมืองจินหลิงแล้ว”

โจวเสาจิ่นกล่าว “ตอนนี้ท่านกับกลุ่มเดินสมุทรดีกันแล้วหรือเจ้าคะ เช่นนั้นจี๋อิ๋งก็ออกไปไหนมาไหนได้แล้วใช่หรือไม่”

นางไม่รู้เรื่องของเจี่ยงชิ่น

เฉิงฉือก็ไม่อยากให้นางรู้เช่นกัน จึงเพียงหัวเราะพร้อมกับลุกขึ้นมานั่ง กล่าวสบายๆ กับนางว่า “กลุ่มเดินสมุทรมีเจ้าของร่วมหลักๆ อยู่สามตระกูล เจ้าของทั้งสามตระกูลนี้ต่างก็มีปัญหาข้อขัดแย้งของตัวเอง จึงต้องหาผลประโยชน์อย่างระมัดระวัง พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวมากนัก”

ความเป็นจริงแล้วคนของเขาลงโทษเจียวจื่อหยาง สังหารเจี่ยงชิ่น ตัดขาดค่าขนส่งสินค้าทางทหาร และลอบให้การสนับสนุนกลุ่มจินซาอย่างลับๆ กลุ่มเดินสมุทรจำต้องเชิญผู้มีอิทธิพลของเจียงหูหลายท่านออกหน้ามาเชิญเฉิงฉือไป ‘ดื่มชา’ ด้วย

เฉิงฉือยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไป

การให้กลุ่มเดินสมุทรช่วยขนส่งน้ำแข็ง ก็เท่ากับการให้พวกเขาได้ชดใช้ความผิดของตน

กลุ่มเดินสมุทรจะไม่กุลีกุจอวิ่งมาทำให้หรอกหรือ

โจวเสาจิ่นพยักหน้าติดๆ กัน เชื่อในคำพูดของเฉิงฉืออย่างไม่สงสัยเลยสักนิด สั่งให้สาวใช้ไปหยิบหมอนใบใหญ่มา กล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ ท่านหนุนเอาไว้เถิดเจ้าค่ะ! เช่นนี้จะสบายกว่า”

เฉิงฉือเอนลงบนหมอนใบใหญ่

โจวเสาจิ่นจึงถามเขาว่า “ยังปวดศีรษะอยู่หรือไม่ อยากจะดื่มน้ำแกงช่วยสร่างเมาเพิ่มหรือไม่เจ้าคะ”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าคิดว่าน้ำแกงช่วยสร่างเมาทำมาจากอะไร”

โจวเสาจิ่นไม่รู้จริงๆ

เมื่อก่อนนางเกลียดคนดื่มสุราเป็นที่สุด แม้แต่พี่เขยเมื่อดื่มสุราแล้ว นางก็รู้สึกไม่ชอบมากเช่นกัน ต้องอดทนกล้ำกลืนเอาไว้ถึงได้ไม่อาเจียนออกมา แต่วันนี้ท่านน้าฉือก็ดื่มสุรามา…ทว่านางกลับประคองเขาเข้ามาด้วยความรู้สึกปวดใจ ยังกลัวว่าเขาจะไม่สบาย ทั้งยังส่งน้ำและโบกพัดปรนนิบัติเขาอีกด้วย…

หัวสมองของโจวเสาจิ่นอื้ออึงไปหมด ชั่วขณะนั้นรู้สึกจิตใจเลื่อนลอยไปเล็กน้อย

โชคดีที่เฉิงฉือไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปรกติ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ในน้ำแกงช่วยสร่างเมานั้นหากไม่ใช่เติมน้ำตาลลงไปเป็นจำนวนมากก็เป็นการเติมน้ำส้มสายชูลงไปเป็นจำนวนมาก ดื่มมากเพียงใดก็ไม่ช่วยอะไรขนาดนั้น…”

“อ้อ!” โจวเสาจิ่นขานตอบด้วยจิตใจเลื่อนลอย มองไปยังเฉิงฉืออย่างห้ามไม่อยู่

อาจเป็นเพราะดื่มสุรามา ใบหน้าของเฉิงฉือจึงแดงเรื่อเล็กน้อย อารมณ์ก็ดีเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับคนที่ได้รับการพักผ่อนหลังผ่านการวิ่งมาเป็นระยะทางไกล แล้วก็เหมือนกับคนที่ได้วางภาระอันหนักอึ้งลงหลังจากที่แบกเอาไว้อย่างยาวนาน…คนที่ดื่มสุรามากไปมักจะเป็นเช่นนี้หรือ

ความทรงจำอันเลวร้ายของกาลก่อนเหล่านั้นปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของนางอีกครั้ง

นางรีบสั่นศีรษะ จัดการเก็บความทรงจำเหล่านั้นเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

พยายามนึกท่าทางของพี่เขยหลังจากที่ดื่มสุรามา

แต่นางมักจะหลบเลี่ยงได้เองเสมอ…จึงดูเหมือนกับว่าจะไม่มีภาพของพี่เขยหลังจากที่ดื่มสุราเมามายอยู่ในความทรงจำเลย

นางย่นจมูกฟุดฟิด

เฉิงฉือใจกระตุก กล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “ทั้งร่างของข้าเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา กลิ่นคงฉุนรบกวนเจ้าแล้วใช่หรือไม่”

“เปล่าเจ้าค่ะๆ” ตอนนี้เองที่นางเพิ่งจะรู้สึกว่ามีกลิ่นเหล้าอ่อนๆ โชยอยู่บนร่างของเฉิงฉือ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้กล่าวเสียงเบาว่า “ไม่ค่อยเท่าไรเจ้าค่ะ กลิ่นสุราบนร่างของท่านน้าฉือไม่ได้ฉุนมากเท่าไรนัก”

หรือว่าตอนนั้นเฉิงเจียซ่านจะเมาสุรา?

ความน่าจะเป็นนี้เป็นไปได้มากทีเดียว!

ไม่ว่าจะเป็นเพราะมีคนต้องการเล่นงานเฉิงเจียซ่านหรือเพราะเฉิงเจียซ่านกระทำการอาจหาญด้วยตัวเอง ก็ย่อมหนีไม่พ้นเหล้าเป็นแน่!

แต่ตอนแรกที่โจวเสาจิ่นเห็นว่าเขาดื่มสุรามามากก็ยังไม่หลบเลี่ยงเขาเลยนี่นา!

อารมณ์ของเฉิงฉือสับสนวุ่นวายเล็กน้อย

บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย

โจวเสาจิ่นไม่ชอบเช่นนี้เลย

นางนึกถึงจุดประสงค์การมาที่นี่ของตัวเองขึ้นมา รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ วันนี้ข้าเห็นคนผู้หนึ่งที่ถนน…” นางเล่าเรื่องของสือควนให้เฉิงฉือฟัง กล่าวปิดท้ายว่า “หากท่านน้าฉือได้รู้จักเขา ก็จะติดต่อสานสัมพันธ์กับองค์ชายสี่ได้ ไม่แน่ว่าตระกูลเฉิงอาจจะหลีกลี้จากชะตาถูกลงทัณฑ์ทั้งตระกูลก็เป็นได้เจ้าค่ะ!”

เฉิงฉือได้ยินแล้วก็หัวเราะพร้อมกับส่ายศีรษะ กล่าวทอดถอนใจว่า “เสาจิ่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้ข้าให้การรับรองผู้ใดที่หอชิงเยียน”

โจวเสาจิ่นใจกระตุก ดวงตารูปผลซิ่งเบิกกว้าง

เฉิงฉือพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “เป็นสือควนผู้นั้น”

ด้วยเหตุนี้เองสือควนถึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ หอชิงเยียน!

โจวเสาจิ่นเกือบจะกระโดดตัวโหยงขึ้นมาแล้ว กล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ ท่านรู้จักกับสือควนได้อย่างไร เช่นนั้นชาติก่อนตระกูลเฉิงถูกลงทัณฑ์ทั้งตระกูลได้อย่างไรเจ้าคะ”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าบอกว่าในภายภาคหน้าองค์ชายสี่จะได้ขึ้นครองราชย์ ข้าจึงให้คนจับตาดูตำหนักขององค์ชายสี่เอาไว้ ด้วยเหตุนี้จึงได้รู้ว่ามีคนอย่างสือควนอยู่ด้วยผู้หนึ่ง เขาเป็นคนเกาฉุน ถูกบิดาจับตอนและขายให้วังหลวงตั้งแต่เป็นทารก มารดาของเขาเสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนก่อน เขากลับจินหลิงในครั้งนี้ก็เพื่อมากราบไหว้มารดาของเขา ข้าได้ยินว่าเขาเป็นคนขยันหมั่นเพียรและรักการเรียนยิ่ง จึงติดต่อกับเขาในฐานะบัณฑิตทั่วไปผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเขากับข้าจะพูดคุยกันถูกคอยิ่ง ข้าเชิญเขาไปชมการแข่งขันเรือมังกรที่หอชิงเยียน เขาก็ไม่ปฏิเสธ ท้ายที่สุดเขาจะได้เป็นข้ารับใช้ที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ทรงโปรดปราน…ค่อนข้างเหนือความคาดหมายอยู่บ้างเล็กน้อย!”

กว่าครู่ใหญ่โจวเสาจิ่นถึงได้สติคืนกลับมา เอ่ยขึ้นอย่างงงงวยว่า “สือควนเป็นคนเกาฉุนหรือเจ้าคะ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเข้าใจอะไรผิดไป! ข้าจำได้ว่าหลินซื่อเซิ่งบอกว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า ซึ่งจำไม่ได้ว่าบรรพบุรุษของตัวเองเป็นคนที่ไหนเจ้าค่ะ…”

“อาจเป็นเพราะความทรงจำในวัยเด็กยากเกินจะทานทนกระมัง” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ อย่างไม่สนใจนัก ทว่าในใจกลับนึกถึงหลินซื่อเซิ่ง

สามารถรู้เรื่องพวกนี้ได้ ดูทีว่าหลินซื่อเซิ่งก็มีเส้นสายไม่เลวเลยทีเดียว!

“ท่านน้าฉือช่างเก่งกาจยิ่งนัก!” โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นอย่างชื่นชม “ข้ายังเสียดายว่าท่านจะพลาดไม่ได้เจอสือควน แต่ใครจะคิดว่าท่านกลับวางแผนทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว”

เฉิงฉือหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวขึ้นว่า “นี่มีอะไรที่ยากเย็นกัน ตอนนี้องค์ชายสี่ยังไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จึงสืบเรื่องของเขาได้อย่างง่ายดาย”

“แต่การจะได้รับความโปรดปรานจากสือควนได้ก็มิใช่เรื่องง่ายเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าว “สือควนผู้นี้ มีความทะเยอทะยานสูงยิ่งนัก หากเป็นคนธรรมดาสามัญทั่วไปเขาย่อมไม่สนใจ”

หลินซื่อเซิ่งมีป้าผู้หนึ่งเป็นไท่เฟยอยู่ในวังหลวง เพื่อขอตำแหน่งให้บุตรชายคนโตที่ถือกำเนิดมาจากอนุภรรยาแล้ว หลินซื่อเซิ่งเข้าหาสือควนผ่านหลินไท่เฟย สือควนยังไม่ไว้หน้าเลย

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “นั่นคงเป็นสือควนคนที่หลังจากองค์ชายสี่ขึ้นครองราชย์แล้วกระมัง แต่สือควนในตอนนี้ ยังไม่มีอำนาจนั้น”

โจวเสาจิ่นถึงได้ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีก

ท่านน้าฉือสร้างความพันธ์กับสือควนแล้ว โอกาสเสี่ยงของตระกูลเฉิงในภายภาคหน้าก็คงจะน้อยลงไปมากด้วยเช่นกัน

นางกล่าวขึ้นอย่างปีติยินดีว่า “อย่างไรก็ตามท่านน้าฉือก็เก่งกาจยิ่งนักอยู่ดีเจ้าค่ะ!”

มีใครที่ไหนพูดคำพูดเช่นนี้บ้าง!

เฉิงฉือหัวเราะดังลั่น

รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาเล็กน้อย

โจวเสาจิ่นกลับร้อง “ไอ้โหยว” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเลยเจ้าค่ะ!”

นี่ยังไม่นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกหรือ!

เฉิงฉือกล่าวอยู่ในใจ

เด็กน้อยผู้นี้ช่างมีเรื่องเยอะแยะเสียจริง!

นัยน์ตาของเขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เงี่ยหูตั้งใจฟัง

โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องที่นางค้นพบว่าเฉิงลู่กับอู๋เป่าจางมีความสัมพันธ์ลับๆ ให้เฉิงฉือฟังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง

เฉิงฉือประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา สอบถามนางถึงเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างละเอียด

โจวเสาจิ่นค่อยๆ ตอบคำถามไปทีละข้อ

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 306 บอกเล่า"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์