CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 398 ความเปลี่ยนแปลง

  1. Home
  2. ยามดอกวสันต์ผลิบาน
  3. ตอนที่ 398 ความเปลี่ยนแปลง
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ครั้นได้ยินฝานหลิวซื่อบอกให้กลับเมืองเป่าติ้ง โจวเสาจิ่นก็เก็บน้ำตา แล้วลุกขึ้นมานั่ง

ฝานหลิวซื่อเห็นแล้วก็ดีใจเหลือล้น เสียงที่เอ่ยเรียก ‘คุณหนูรอง’ เมื่อครู่หยุดลงไปโดยปริยาย

โจวเสาจิ่นเช็ดน้ำตาแล้วนั่งตัวตรง สีหน้าเคร่งขรึม แม้ว่าหน้าตายังคงดูอ่อนโยนดังเก่า ทว่าตรงหว่างคิ้วกลับมีความสงบนิ่งเจือรอยเด็ดเดี่ยวเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง ราวกับคนที่มีปณิธานแน่วแน่ก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคหรือภยันตรายเช่นไร ก็จะฝ่าฟันเข้าไปโดยไม่ลังเล

โจวเสาจิ่นที่เป็นเช่นนี้ ทำให้ฝานหลิวซื่อหวนกระหวัดถึงจวงซื่อขึ้นมาในทันใด

ยามที่จวงซื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็มักจะนั่งอยู่ในห้องบัญชีเล็กๆ ด้วยท่าทางเช่นนี้ขณะสั่งการบ่าวไพร่ในเรือน

ตอนนั้น นางไม่เคยขบคิดมาก่อนเลยว่าถ้อยคำของจวนซื่อจะถูกต้องหรือไม่ คิดแค่ว่าสตรีผู้นี้พึ่งพาได้จริงๆ เท่านั้น ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามหากถึงมือของนางจะคลี่คลายลงทั้งสิ้น จัดการได้อย่างเหมาะสมและสมบูรณ์แบบ นางเพียงทำตามก็พอ ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ตนก็มีจวงซื่อผู้สูงส่งผู้นี้หนุนหลัง

เพียงถ้อยคำไม่กี่ประโยค โจวเสาจิ่นก็เปลี่ยนไปแล้ว

ฉับพลันบนร่างของนางมีเงาสะท้อนของจวงซื่อปรากฏขึ้นมารางๆ

ฝานหลิวซื่อจิตใจเลื่อนลอยไปชั่วขณะ

โจวเสาจิ่นเองก็มิได้เอ่ยคำใดเช่นกัน ตะโกนบอกให้เสี่ยวถานเข้ามาปรนนิบัตินางล้างหน้า

ทว่าในใจของฝานหลิวซื่อกลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางกระซิบว่า “คุณหนูรอง เรื่องที่ข้ากล่าวมานั้น…”

โจวเสาจิ่นยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว หากผู้อื่นได้ยินเข้าก็คงยุ่งยากเป็นแน่ ข้าอายุยังน้อย ซ้ำยังเป็นรุ่นเด็ก คนอื่นจะคิดเอาว่านายท่านสี่มีเจตนาแอบแฝง… หากว่านายท่านสี่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่นี้ตราบนหลังล่ะก็ ตลอดชีวิตนี้ก็อย่าได้คิดเป็นคนอีกเลย!”

ชาติก่อน นางเคยได้รับความระทมทุกข์เช่นนี้มาก่อน

ชีวิตนี้ นางจะทนยอมให้เฉิงฉือได้รับความทุกข์ใจเหมือนที่นางเคยได้รับได้อย่างไร

ความรู้สึกนั้นยากจะหักห้ามกันได้… หากว่าคนผู้หนึ่งแม้ชื่อเสียงของตนก็ไม่ต้องการแล้ว นางยังจะเอาอะไรไปสงสัยว่าผู้อื่นชมชอบที่หน้าตาของนางหรือตัวนาง

แต่ต่อให้ชมชอบที่หน้าตาของนางแล้วอย่างไร

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โจวเสาจิ่นรู้สึกจิตใจสงบเช่นนี้

นางแนะนำฝานหลิวซื่อต่ออีกว่า “ไม่ว่าท่านน้าฉือจะมีความคิดเช่นไร ทว่าสิ่งดีๆ ที่เขามีต่อพวกเราเจ้ามิอาจทำเป็นไม่เห็นได้! หากมิใช่เพราะท่านน้าฉือ ข้าจะหนีพ้นเงื้อมมือของเฉิงสวี่ไปได้อย่างไร เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ข้าก็ซาบซึ้งบุญคุณของเขาไปชั่วชีวิตแล้ว เจ้าเพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่มิใช่หรือว่า ข้าถึงวัยปักปิ่นแล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกเรือนแล้ว ท่านน้าฉือเป็นเพียงญาติที่เกี่ยวดองกับพวกข้า เนื่องด้วยสายสัมพันธ์ฉันญาติกับท่านพี่ ข้าจึงเรียกเขาว่า ‘ท่านน้า’ ได้ ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่กับท่านพ่อ เขายังจะมายุ่งเรื่องแต่งงานของข้าได้อยู่หรือ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องมายุ่ง ข้ารู้จักวางตัวอยู่ในขอบเขตดี”

สิ่งดีๆ ที่เฉิงฉือมีให้พวกนาง ฝานหลิวซื่อเองก็มิอาจปฏิเสธได้

หลานชายร่วมสายโลหิตของตนถูกโจวเสาจิ่นสั่งสอนไปคำรบหนึ่ง เขามิได้ว่าอะไร หนำซ้ำยังไปขอขมาลาโทษนายท่านด้วยตนเอง

นางเชื่อสายตาตนเอง

ก่อนที่พวกนางจะไปเป่าติ้ง นายท่านสี่มิได้มีความคิดที่ไม่เหมาะสมต่อคุณหนูรองแต่อย่างใด

หาไม่แล้วฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะต้องรู้อย่างแน่นอน

นางนึกถึงภาพฉากที่ตนเห็นเมื่อครู่

ผิวขาวกระจ่างปานหิมะแรก ดวงหน้าพริ้มเพราราวบุปผา องเอวแบบบาง สะโพกงอนงาม เมื่อพิศดูจากข้างหลัง ละม้ายคล้ายผีผาที่แกะสลักจากหยกก็ไม่ปาน… สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้เท่านั้น นางเห็นแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ

นายท่านสี่ก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง

บางทีอาจจะถูกผีสิงจนสติเลอะเลือนไปชั่วขณะก็เป็นได้…

ฝานหลิวซื่อครุ่นคิด

อย่างไรเสียเขาก็ต้องกังวลถึงชื่อเสียงอยู่บ้างกระมัง

ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนของจวนหลักแห่งซอยจิ่วหรู หากว่านางป่าวประกาศออกไปจริงๆ มีแต่จะทำให้จวนหลักขุ่นเคือง หากเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่นายท่านก็ต้องลำบากไปด้วยแล้ว

จากนี้ไปขอเพียงนางจับตาดูคุณหนูรองให้มากขึ้นสักหน่อย นายท่านสี่ยังจะกล้าดึงดันต่อไปได้อยู่หรือ

ฝานหลิวซื่อตัดสินใจแล้ว จิตใจก็สงบลงมาเล็กน้อย กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “คุณหนูรองวางใจเถิด ข้าจะไม่พูดจาเลื่อนเปื้อนแล้วเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าเป็นแม่นมของข้า ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับข้า เมื่อก่อนข้ายังเป็นเด็ก มีเรื่องอะไรก็มาไม่ถึงข้า แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเราเข้ามาอาศัยอยู่ที่ซอยอวี๋เฉียน ก็เหมือนเป็นคนร่วมหัวจมท้ายด้วยกันแล้ว บางเรื่องก็ต้องระวังเอาไว้ หากว่าฮูหยินรู้เข้าเพียงทำให้คนอื่นเห็นเรื่องชวนขัน แต่หากท่านพี่ล่วงรู้ด้วยละก็ มีแต่จะกังวลใจอย่างเงียบๆ ส่วนท่านพ่อทางด้านโน้น คงไม่อาจให้เขาทำลายอนาคตของตนด้วยเรื่องของข้าหรอกกระมัง”

ฝานหลิวซื่อรีบพยักหน้าไม่หยุด รู้สึกกระดากอายอยู่ในใจหลายส่วน

โจวเสาจิ่นเห็นแล้วก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง กล่าวสำทับนางอีกว่า “ผู้ใดบ้างไม่เคยมีเวลาที่รู้สึกกระดากอาย ท่านน้าฉือยังแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ พวกเราก็อย่าไปสร้างเรื่องให้ยุ่งยากขึ้นเลย เจ้าก็เคยอาศัยอยู่ที่ซอยจิ่วหรูมาก่อน คนจากตระกูลใหญ่โตสูงศักดิ์ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องสอบถามให้กระจ่างหมดทุกอย่าง เช่นนั้นยังจะมองหน้ากันได้อยู่หรือ เรื่องแบบนี้หากแพร่งพรายออกไป ข้ายังจะเหลือเกียรติได้อยู่หรือ”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ฝานหลิวซื่อรีบกล่าว “คุณหนูรองวางใจเถิด ข้ารู้แล้วว่าสมควรทำเช่นไร”

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางพยักหน้า ตรงหว่างคิ้วมีความอ่อนโยนจากก่อนหน้าฟื้นคืนมา

ฝานหลิวซื่อเห็นแล้วลอบรู้สึกประหลาดใจ

เสี่ยวถานนำสาวใช้เด็กเข้ามาช่วยโจวเสาจิ่นทำผม

โจวเสาจิ่นนั่งอยู่หน้าโต๊ะคันฉ่องมองดูดวงหน้าน้อยๆ อันงดงามของตนพร้อมกับปรึกษาเสี่ยวถานว่า “…จะรวบเป็นมวยต่ำหรือ ดูเรียบง่ายเกินไปหน่อยหรือไม่ ลองทำทรงผมอื่นดูบ้างได้หรือไม่”

เด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนมีทรงผมให้เลือกน้อยยิ่งนัก!

เสี่ยวถานเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “วันนี้คุณหนูรองอยากจะออกไปข้างนอกหรือเจ้าคะ อยากทำทรงผมอะไร ศีรษะของคุณหนูรองเล็ก หากไม่อยากรวบเป็นมวยต่ำ เช่นนั้นก็เกล้าเป็นมวยคู่แล้วกัน จะได้ปักปิ่นไข่มุกรูปใบแปะก๊วยคู่นั้นที่ต้ากูไหน่ไนมอบให้ท่านได้พอดีเลยเจ้าค่ะ”

ทำไมต้องให้นางทำผมเป็นมวยคู่ตลอดเวลาด้วย

สิ้นปีนี้นางจะเข้าพิธีปักปิ่นและเป็นหญิงสาวคนหนึ่งแล้วนะ!

โจวเสาจิ่นหัวเราะ เหอะๆ อยู่ในใจ ถามขึ้นว่า “เกล้าเป็นมวยห่วงคู่หรือมวยลายก้นหอยคู่แทนได้หรือไม่”

อย่างไรก็ตามทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นทรงผมของเด็กสาว

เสี่ยวถานกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นท่านอยากจะทำทรงผมอะไรกันแน่เจ้าคะ”

โจวเสาจิ่นรู้สึกถอดใจ ตอบไปว่า “เช่นนั้นก็เกล้าเป็นมวยคู่แล้วกัน”

ทรงผมนี้เข้ากับนางมากกว่า

เสี่ยวถานเม้มปากกลั้นยิ้ม มวยผมนาง แล้วช่วยนางปักปิ่นไข่มุกรูปใบแปะก้วยคู่นั้นที่โจวชูจิ่นมอบให้นาง

โจวเสาจิ่นเลือกสวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยสีกลีบบัวลายเรียบๆ กับกระโปรงจับจีบสิบสองจีบสีชมพูปักลายดอกไม้มงคล พรมน้ำดอกกุหลาบเล็กน้อย แล้วจึงเรียกจี๋เสียงเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถามว่า “เจ้าไปดูว่านายท่านสี่ตื่นแล้วหรือยัง”

ก่อนหน้านี้ระหว่างที่นางกำลังอาบน้ำอยู่ชุนหว่านได้ให้จี๋เสียงรายงานนางแล้วว่า นายท่านสี่ทราบว่านางตื่นแล้ว จึงกลับห้องไปนอนพักผ่อน

จี๋เสียงรับคำแล้วออกไป

โจวเสาจิ่นนั่งอยู่หน้าโต๊ะคันฉ่องพินิจดูตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็หยิบกำไลทองสลักลายดอกโบตั๋นวิจิตรคู่หนึ่งจากกล่องใบเล็กมาสวมใส่ แล้วจึงรู้สึกว่าแต่งกายประทินโฉมได้เสร็จสมบูรณ์ นางหยิบพัดผ้าไหมสีขาวนวลทรงกลมลายดอกกล้วยไม้อันหนึ่ง แล้วไปที่ห้องครัว

ห้องครัวยังมีน้ำแกงเก่าเหลืออยู่

โจวเสาจิ่นบอกให้ต้มน้ำแกงฟักเขียวหม้อหนึ่ง

สักพักห้องครัวก็ยุ่งวุ่นวายขึ้นมา

ไม่นาน จี๋เสียงก็มารายงานว่า “นายท่านสี่ตื่นแล้วเจ้าค่ะ”

เท่ากับว่าหลับไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น!

โจวเสาจิ่นเอ่ยถามว่า “นายท่านสี่มิได้บอกว่าต้องไปทำธุระอะไรเลยหรือ”

จี๋เสียงส่ายศีรษะด้วยใบหน้าเหยเก

นางเป็นสาวใช้เด็กฐานะต่ำต้อยผู้หนึ่ง จะกล้าไปซักถามธุระของนายท่านสี่ได้อย่างไรเล่า!

โจวเสาจิ่นรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

ถ้าหากประเดี๋ยวท่านน้าฉือมีธุระต้องออกไปข้างนอก นางไปหาตอนนี้มิเท่ากับว่าช้าไปแล้วหรอกหรือ ในใจของนางราวกับเรือใบที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล รู้สึกไม่เป็นสุขยิ่ง อยากไปดูท่านน้าฉือสักหน่อย

มองดูครู่เดียวก็พอ

นางโบกพัดอยู่ในห้องครัว

ข้างนอกดวงอาทิตย์ทอแสงเจิดจ้า

ถ้าหากท่านน้าฉือไม่ต้องออกไปที่ใด… พวกเขาก็รับมื้อเที่ยงด้วยกันได้!

ดีที่น้ำแกงฟักเขียวนั้นไม่ต้องใช้เวลาต้มนาน

นางยกน้ำแกงฟักเขียวไปหาเฉิงฉือ

เมื่อเฉิงฉือเห็นโจวเสาจิ่นเริ่มหลั่งเหงื่อในตอนเช้าก็รู้แล้วว่านางไม่เป็นอะไรมากแล้ว

เขาไม่อยากจะรั้งอยู่ต่อไปในห้องชั้นในที่โจวเสาจิ่นตื่นขึ้นมาแล้วต้องรู้สึกระแวดระวังตัว จึงกลับมาก่อน

แต่พอกลับมาแล้วรู้ทั้งรู้ว่านางไม่เป็นไรแล้ว ทว่าในใจกลับรู้สึกว้าวุ่นตลอดเวลาเหมือนขาดอะไรบางอย่าง

นี่ก็คือหัวใจที่ร้อนรุ่มดั่งมีไฟสุ่มอยู่นั่นเอง!

ก่อนหน้านี้ตอนที่ตัดสินใจจะให้นางแต่งงานออกเรือนไปดีๆ ก็ยังสะกดกลั้นความรู้สึกได้บ้าง พอตอนนี้ตัดสินใจให้นางอยู่ข้างกายตนเอง กลับได้คืบจะเอาศอก ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ พรั่งพรูออกมาประหนึ่งอาชาที่ถูกถอดบังเหียนอย่างไรอย่างนั้น

จวบจนเมื่อชุนหว่านมารายงาน เขาก็บังคับตนเองให้นอนหลับครู่หนึ่ง แล้วตื่นขึ้นมาตอนใกล้จะเที่ยง

ครั้นตื่นขึ้นมาแล้วในใจก็ยังคิดคะนึงถึงเด็กน้อย

ไม่รู้ว่าอาการดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง

หากว่าตนไปเยี่ยมนาง นางจะรู้สึกดีใจหรือไม่สบายใจกันนะ

เขาปรารถนาให้นางมีความสุข มิใช่มารู้สึกเป็นกังวลด้วยเรื่องของเขา คอยชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย…

ความเคยชินที่สั่งสมมานานหลายปียังคงทำให้เฉิงฉือนอนหลับไปเพียงครู่เดียวก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

ขณะที่เตรียมจะรับประทานอาหาร โจวเสาจิ่นก็พรวดเข้ามา

ดวงหน้าน้อยๆ ซับสีแดงเรื่อ ดวงตาวาววับราวอัญมณีล้ำค่า เปล่งประกายแพรวพราว ความปีติยินดีเอ่อท้นออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ

เฉิงฉือเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือถึงได้ดีใจขนาดนี้”

โจวเสาจิ่นมองเขายิ้มๆ แล้วชายตามองเขาพลางตอบอย่างหยอกเย้าแกมทะเล้นว่า “ไม่บอกท่านหรอกเจ้าค่ะ!”

เฉิงฉือระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “กินข้าวแล้วหรือยัง อยากจะกินกับข้าหรือไม่!”

“ดีเจ้าค่ะๆ!” ขณะที่เด็กน้อยตอบ ก็นั่งลงตรงกันข้ามเขาอย่างไม่เกรงใจ กวักมือเรียกสาวใช้ของนางว่า “ยกสำรับมาวางบนตั่งตัวเล็กก็พอ”

เฉิงฉือถึงได้พบว่าบนถาดของสาวใช้เด็กคนนั้นมีถ้วยตุ๋นน้ำแกงวางอยู่ด้วย

เขาถามยิ้มๆ ว่า “นี่คืออะไรหรือ”

“น้ำแกงฟักเขียวเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นตอบยิ้มๆ “เพิ่งอุ่นมาเจ้าค่ะ”

จี๋เสียงวางถาดลงบนโต๊ะอย่างเงอะงะ แล้วรีบถอยออกไป

เฉิงฉือรู้สึกไม่พอใจ

สาวใช้ข้างกายของเสาจิ่นช่างไม่รู้ความเกินไปเสียแล้ว

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็ยังทำได้ไม่ดี

เขามองถ้วยตุ๋นน้ำแกงใบนั้น แล้วยิ้มถามว่า “ให้ข้าหรือ”

โจวเสาจิ่นพยักหน้าพลางยิ้มร่า ตอบว่า “เมื่อคืนท่านเฝ้าไข้ข้าทั้งคืน ข้าจึงให้ห้องครัวต้มน้ำแกงฟักเขียวสักหน่อย ทั้งมีรสอ่อนและชุ่มคอ เหมาะสำหรับคนที่อดหลับอดนอนมาทั้งคืนดื่มเจ้าค่ะ”

เด็กน้อยรู้จักดูแลคนอื่นเป็นเหมือนกัน!

เฉิงฉือยิ้มพลางเปิดฝาถ้วย

โจวเสาจิ่นชี้ฟักเขียวที่ติดเปลือก พลางกล่าวว่า “ข้าอ่านมาจากตำราเล่มไหนไม่รู้ บอกว่าฟักเขียวที่ติดเปลือกมีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้น แต่ข้ากินแล้ว เปลือกฟักเขียวนี้ไม่อร่อยจริงๆ เลย ท่านดื่มแต่น้ำแกงก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

เฉิงฉือยิ้มพลางลูบศีรษะนาง แล้วดื่มแต่น้ำแกงอย่างเชื่อฟัง

โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดมือ พลางกล่าวว่า “วันนี้รีบร้อนไปหน่อย ยังดีที่ฐานน้ำแกงเป็นน้ำแกงเก่าที่เคี่ยวทิ้งไว้ในห้องครัว น้ำแกงฟักเขียวนี้จึงพอดื่มได้เจ้าค่ะ ครั้งหน้าข้าจะทำน้ำแกงซี่โครงหมูใส่ฟักเขียวกับลูกเดือยให้ท่านกิน ลูกเดือยช่วยขจัดความชื้นในร่างกายได้ แช่ทิ้งไว้คืนหนึ่ง แล้วเคี่ยวติดต่อกันก็อร่อยแล้วเจ้าค่ะ”

ตอนที่นางพูดถึงเรื่องนี้ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย มีความเบิกบานบางอย่างที่เรียบง่ายและงดงาม

เสมือนว่าเพียงเรื่องเช่นนี้ก็ทำให้นางมีความสุขได้แล้ว

เฉิงฉือชอบเวลาที่เห็นนางมีความสุขอย่างนี้

เป็นความสุขที่ไร้ความกังวล และเป็นความสุขที่ถูกคนทะนุถนอมอย่างหนึ่ง

เขาเองก็อยากทำให้นางมีความสุขอย่างนี้ตลอดไปเช่นกัน

เฉิงฉือคุยถึงหัวข้อนี้กับนางต่อ ยิ้มพลางกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำอาหารเป็นด้วย!”

โจวเสาจิ่นตอบอย่างภูมิใจว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”

เฉิงฉือจึงเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นให้ข้าสั่งอาหารสักหน่อยได้หรือไม่”

โจวเสาจิ่นแย้มรอยยิ้มออกมาทันควัน ถามว่า “ท่านชอบกินอะไร ข้าจะทำให้ท่านเจ้าค่ะ!”

เฉิงฉือกล่าวว่า “ทำวุ้นเกาลัดได้หรือไม่”

สิ่งที่นางชอบกินที่สุด ย่อมทำได้ดีอยู่แล้ว

โจวเสาจิ่นค่อนข้างประหลาดใจ เอ่ยถามว่า “ท่านก็ชอบกินด้วยหรือเจ้าคะ”

“ช่วงที่อากาศร้อนๆ กินแล้วรู้สึกไม่เลว”

“จริงเจ้าค่ะๆ!” โจวเสาจิ่นคล้ายกับได้พบเพื่อนที่รู้ใจกันขึ้นมาในทันใด แย้มรอยยิ้มอย่างเริงร่าพลางกล่าวว่า “หากแช่ไว้ในบ่อน้ำจะอร่อยยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ…”

เฉิงฉือมองดูนางอย่างเงียบๆ ยิ้มพลางฟังนางพูดเจื้อยแจ้วด้วยจิตใจที่สงบสุขและอิ่มเอม ทว่าก็ลอบรู้สึกแปลกใจ เสาจิ่นดูเปลี่ยนไปต่างจากเดิมเล็กน้อย!

………………………………………………………………….

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 398 ความเปลี่ยนแปลง"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์