ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 342
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 342
สองรูปปั้นเทพเจ้า!
โดย
หุ่นไล่กา
จิวโมไป๋หันหลังเดินนำพี่น้องนาคามูระไปยังทางลงภูเขาอีกด้าน จิตสัมผัสของเขาก็ตรวจสอบในระยะ 10 กิโลเมตร ก็มองเห็นรูปปั้นจำนวนมากกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ จำนวงนของพวกมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับคราวๆก็มากกว่าสี่พันตัว ไม่รู้ว่าพวกมันมาจากไหนมากมาย
เมื่อเหล่ารูปปั้นมาถึงทางขึ้นภูเขาศาลเจ้า ก็พบกับรูปปั้นที่ถูกจิวโมไป๋ชำระล้างที่ยืนขวางเป็นอุปสรรคตามขั้นบันได เหล่ารูปปั้นพยายามปีนข้ามรูปปั้นที่ขวางอยู่เพื่อขึ้นไป เมื่อปีนขึ้นไปได้ด้วยน้ำหนักร่างกาย มันก็ทำให้รูปปั้นที่ถูกปีนล้มลงพร้อมกับรูปปั้นที่กำลังปีนข้ามไปด้วย
รูปปั้นตัวอื่นด้านหลังก็เหยียบรูปปั้นที่ล้มลง เพื่อที่จะไปปีนรูปปั้นที่ขวางทางข้ามไป แต่สุดท้ายมันก็ล้มลงพร้อมกับรูปปั้นที่มันปีน และก็ถูกรูปปั้นตัวอื่นเยียบและข้ามไป ด้วยความลาดชันทำให้พวกมันบางตัวที่ตั้งหลักไม่ดีกลิ้งกลับลงเขา ชนเข้ากับรูปปั้นที่กำลังจะขึ้นมา รูปปั้นที่โชคร้ายถูกเยียบจนแตกร้าวยากที่จะลุกขึ้นมา ร่างของมันก็ขวางทางขึ้นไป จึงเกิดชุลมุนวุ่นวายมากขึ้น
รูปปั้นเหล่านี้ไร้ปัญญา ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องง่ายๆได้อย่างเห็นได้ชัด
ที่รูปปั้นพวกนี้สามารถเคลื่อนไหวและต่อสู้ได้ เพราะพวกมันใช้วิธีบางอย่าง ทำให้รูปปั้นสามารถดึงสัญชาติญาณของวิญญาณเป็นกลางที่ถูกกักขังภายในร่างออกมา ทำให้รูปปั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับสิ่งมีชีวิตได้
แต่ข้อเสียคือ พวกมันไร้สติปัญญา พวกมันจะเคลื่อนไหวด้วยสัญชาติญาณเพียงอย่างเดียว
รูปปั้นหินเหล่านี้ถูกลงคำสั่งให้สังหารสิ่งมีชีวิต พวกมันก็ตรงเข้าสังหารสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียว
แค่การเคลียร์เส้นทางขึ้นภูเขาง่ายๆ ก็ไม่สามารถทำได้ พวกมันได้แต่เยียบกันเพื่อปีนขึ้นไปราวกับซอมบี้
ที่จิวโมไป๋ไม่ใช้ยันต์ชำระล้างจัดการรูปปั้นหินตรงๆ และเลือกที่จะอ้อมปอีกด้าน ก็เพราะว่าเขามียันต์ชำระล้างไม่เพียงพอ ก่อนมาทำภารกิจ เขารู้ว่าจะต้องต่อสู้กับวิญญาณแค้น และมันไม่น่าจะต่อสู้แค่วิญญาณแค้นตัวเดียว เขาจึงเขียนยันต์ชำระบาป ระดับ 2 ดาว 50 แผ่น ซึ่งมันน่าจะพอที่เขาจะใช้ต่อสู้ได้
แต่เมื่อเขาดูจำนวนของรูปปั้นทั้งหมด ยันต์ชำระล้าง 50 แผ่นคงจะไม่เพียงพอที่จะใช้ เขาจึงตัดสินใจเก็บไว้ ไม่ใช้ยันต์ชำระล้างถ้าไม่จำเป็น
พี่น้องนาคามูระตามตามหลังจิวโมไป๋ พวกเขาวิ่งอ้อมศาลาเทพเจ้า
แต่ในระหว่างนั้นเอง เสียงแตกหักดังลั่นภายในศาลาเทพเจ้า
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาจำได้ว่าภายในศาลาเทพเจ้ามีรูปปั้นอยู่ 3 ตัว
“รีบไป”จิวโมไป๋พูดขึ้น
พวกเขาไม่รอช้าเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะผ่านไป ศาลาเทพเจ้าก็พังทลาย เศษซากอาคารถูกพลังบางอย่างฉีกออก เกิดฝุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว ร่างของสูง 8 เมตรของรูปปั้นทองสองรูปเดินออกมาอย่างช้าๆ พลังกดดันอันมหาศาลปกคลุมพื้นที่ศาลาเทพเจ้าทั้งหมด
ใบหน้าของพวกเขาทั้งสามคนเปลี่ยนสีทันที เพราะระดับความแข็งแกร่งที่พวกเขาสัมผัสได้คือขั้นที่ 7 ไขกระดูกกลาง!
รูปปั้นเทพีสุริยัน เดินออกมาจากกลุ่มผุ่นที่ลอยอยู่ เสื้อคลุมสีทองพลิ้วไหวราวกับผ้าไหมจริงๆ ดวงตาที่ลุกไหม้ด้วยเพลิงสีเทามองไปยังกลุ่มของจิวโมไป๋ ก่อนที่รูปปั้นเทพีสุริยันก็วาดฝ่ามือออก เพลิงสีส้มก็ลุกไหม้เป็นทะเลเพลิงตรงเข้าหาพวกเขา
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็จับสองพี่น้องทาคามูระ และกระโดดออกอย่างรวดเร็ว
ตูม!
เปลวเพลิงทำลายล้างระเบิดออกเป็นวงกว้าง คลื่นความร้อนกระแทกร่างของจิวโมไป๋และพี่น้องนาคามูระกลิ้งออกไปหลายสิบเมตร
รูปปั้นทองของเทพสายลมก็ลอยออกจากเศษซากศาลาเทพเจ้าอย่างช้าๆ กลิ่นอายบางอย่างกระจายออกจากร่าง สายลมโดยรอบพลันปั่นป่วนบ้าคลั่ง สิ่งของโดยรอบล้มระเนระนาด มันโบกมือสายลมที่ปั่นป่วนก็กลายเป็นเคียวสายลมนับไม่ถ้วนโจมตีไปยังกลุ่มของจิวโมไป๋ที่กำลังลุกขึ้นยืน
เคียวสายนับไม่ถ้วนพุ่งไปด้วยความเร็วสูง เกิดเสียงหวีดร้องแหลมสูง พลังทำลายล้างน่าหวาดกลัว
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาดีดตัวขึ้นควงคฑาขักขระ ทำลายเคียวสายลมที่เข้ามา เคียวสายลมอีกอันก็พุ่งเข้ามาแทบจะซ้อนทับกัน จิวโมไป๋หมุนตัวควงคฑาขักขระเป็นพายุทำลายเคียวสายลมทั้งหมด ร่างของเขาถูกการโจมตีผลักไปเรื่อยๆ เสื้อคลุมที่สวมใส่เกิดรอยฉีกขาดจำนวนมาก ไม่นานมันก็แทบจะกลายเป็นเศษผ้า
พี่น้องนาคามูระเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้นและเข้าช่วยทำลายเคียวสายลม ไม่นานพวกเขาก็สามารถต้านการโจมตีเอาไว้ทั้งหมดได้ แต่สภาพของพวกเขาทั้งสามก็ไม่ดีนัก
โดยเฉพาะนาคามูระ คิยูมิที่ตอนนี้ใบหน้าและร่างกายของเธอปกคลุมด้วยขนสีดำ ลักษณะของเธอเหมือนมนุษย์แมวดำ
จิวโมไป๋หยิบยันต์ชำระล้างออกมาสองใบโยนไปยังร่างของรูปปั้นทองทั้งสองทันที
แสงสีขาวสว่างจ้าอาบร่างของรูปปั้นทองทั้งสอง ร่างของรูปทองทั้งสองหยุดกึก ก่อนจะสั่นระริก แต่ไม่นานมันก็กลับมาขยับได้อีกครั้ง
ล้มเหลว!
จิวโมไป๋ประหลาดใจอย่างมากที่ยันต์ชำระล้างไร้ผล เขาใช้เนตรจิตวิญญาณตรวจสอบทันที
แต่รูปปั้นเทพีสุริยันไม่ปล่อยให้เขาได้ทำ มันโบกมืออีกครั้งก่อนที่วงแหวนเพลิงจะระเบิดออก โดยมีร่างของมันเป็นศูนย์กลาง วงแหวนเพลิงขยายเป็นวงกว้างกวาดทำลายทุกสิ่ง อาคาร สิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ ก้อนหิน สิ่งตกแต่ง ต่างก็ถูกวงแหวนเพลิงเผาไหม้เป็นขี้เถ้า
รูปปั้นเทพสายลมลอยขึ้นไปบนฟ้าหลบวงแหวนเพลิง
จิวโมไป๋หรี่ตาเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือยันต์พายุ ระดับ 2 ดาว 3 ใบก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาโยนยันต์ทั้งสามไปทางเทพสายลม เมื่อแผ่นยันต์ลุกไหม้ด้วยไฟสีเขียว พายุขนาดใหญ่สามลูกก็ปรากฏขึ้นปะทะเข้ากับวงแหวนเพลิงอย่างรุนแรง!
ตูม!
พายุสามถูกวงแหวนเพลิงผลักดันอย่างรุนแรง ก่อนที่พายุทั้งสามจะรวมกันเป็นพายุขนาดใหญ่และม้วนเปลวเพลิงจากวงแหวรเพลิงเข้าไปในพายุ จนพายุกลายเป็นเสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พอดีกับที่ร่างของรูปปั้นทองเทพสายลมลอยอยู่ตรงนั้นพอดี!
—
ไม่ไหวง่วงมาก ขอนอนก่อนนะครับ
พรุ่งนี้อีก 2 ตอนจะลงช่วงสายๆ