ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 349
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 349
ทะลวงข้ามขั้นที่ 5 กระดูกปลาย!
โดย
หุ่นไล่กา
จิวโมไป๋ค่อยๆได้สติกลับมา สัมผัสแรกที่รู้สึกคือกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนกระทบเข้าจมูก เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็พบกับความมืดมืดไร้แสงใดๆ ข้อมือและข้อเท้าถูกล็อคด้วยกุญแจมือเหล็กกล้า สิ่งแรกที่เขาทำคือตรวจสอบแหวนมิติเก็บของ เมื่อพบว่ามันยังอยู่ดีเขาก็ถอนหายใจโล่งอก เขาไม่สนใจกุญแจมือที่ล็อคอยู่เลย เขาหลับตาลงและใช้จิตสัมผัสตรวจสอบโดยรอบ เขาก็พบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในหลุมลึก 4 เมตรด้านบนถูกปิดทับด้วยแผ่นเหล็กหนา 10 นิ้ว ยากที่จะใช้กำลังของผู้บ่มเพาะพลังต่ำกว่าขั้นที่ 8 ชีพจรพังออกไป
เขาใช้จิตสัมผัสกวาดดูรอบเดียวไม่พบอะไร เขาจึงค่อยๆใช้จิตสัมผัสแผ่ขยายออกจากห้องขัง ด้วยความระมัดระวัง เมื่อไม่พบว่ามีการใช้พลังวิญญาณตรวจสอบ เขาก็ขยายจิตสัมผัสตรวจสอบโดยรอบทันที และเขาก็พบว่าข้างๆที่ขังของเขามีร่างของนาคามูระ อิโทซะที่นอนคว่ำหมดสติอยู่ นอกจากห้องขังของพวกเขาแล้วยังมีห้องขังแบบเดียวกันอีก 8 แห่ง ดูเหมือนว่าห้องขังนี้ถูกสร้างมาเป็นพิเศษเพื่อกักขังผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง
เมื่อตรวจสอบห้องขังทั้งหมด คิ้วของจิวโมไป๋ก็ขมวดแน่น เขาไม่พบอิวะ โซตะถูกขังอยู่ในห้อง ห้องขังอีก 8 แห่งล้วนว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ เขารู้สึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่แน่ใจ
เขาตั้งสติและแผ่จิตสัมผัสออกจากพื้นที่คุมขัง ก็พบกับห้องขังที่เหมือนห้องขังเรือนจำนักโทษเรียงรายหลายสิบห้อง ภายในห้องขังมีมนุษย์ถูกจับหลายร้อยคน พวกเขานั่งบ้างนอนบ้าง ดวงตามืดมนไร้ความหวังใดๆ
“ถูกจับมาขังที่นี่จริงๆ”จิวโมไป๋ถอนหายใจ ตรวจสอบคนที่ถูกจับมา มือก็กำแน่นด้วยความโกรธโดยไม่รู้ตัว เขานึกถึงจำนวนคนที่ถูกลักพาตัว มีมากกว่าคนที่อยู่ที่นี่หลายเท่า แสดงว่าคนที่ไม่อยู่ถูกฆ่าไปหมดแล้ว
จิวโมไป๋ข่มความโกรธลง จิตสัมผัสแผ่ขยายออกจากห้องขัง มองออกไปนอกห้อง จิตสัมผัสของเขาก็ตรวจพบพลังวิญญาณชั่วที่แข็งแกร่ง เขารีบหยุดและดึงจิตสัมผัสกลับทันที
เด็กสาวสีดำน่าจะอยู่ข้างนอกห้องนั้น
จิวโมไป๋ดึงจิตสัมผัสกลับมาเขาก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจทำตามแผนทันที เขาใช้พลังวิญญาณปลดกุญแจมือออก จากนั้นก็โบกมือข่ายอาคมปกปิดพลังปกคลุมทั่วห้องขัง ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในห้องได้ และหยิบโอสถฟื้นฟูพลังหลายเม็ดออกมาทาน จากนั้นก็นั่งสมาธิฟื้นฟูพลังด้วยความรวดเร็ว
เขาต้องรีบฟื้นฟูพลังให้ได้มากที่สุด
ในตอนที่เขากำลังต่อสู้กับเด็กสาวสีดำ เขาสังเกตเห็นนาคามูระ คิยูมิที่กลายเป็นแมวดำตัวเล็ก กำลังลอบหลบหนี เขาจึงพยายามต่อสู้เพื่อดึงความสนใจจากเด็กสาวสีดำ และในที่สุดนาคามูระ คิยูมิก็สามารถหลบหนีออกไปได้โดยไม่ถูกพบ
ที่เหลือก็แค่รอเวลากำลังเสริมมาช่วย
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเด็กสาวสีดำ เขาไม่มั่นใจว่าจะมีใครสามารถเอาชนะเธอได้หรือเปล่า จิวโมไป๋ก็ตัดสินใจเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองก่อน
เขาไม่มีทางปล่อยให้ชีวิตของตัวเองอยู่ในมือของคนอื่น!
เขาหลับตาเข้าไปทะเลสติ ท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังทั้งสอง ทะเลปราณพลันเดือดพล่านขยายออกไปชนขอบเขตปราณและทะลวงผ่านไปอย่างง่ายดาย
ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลไหลเวียนไปทั่วร่างโดยเฉพาะกระดูกที่เปล่งประกายเจิดจ้า พลังงานอันอบอุ่นขัดเกากระดูกจนกลายเป็นสีขาวราวกับหยก พลังของเขาก้าวหน้าไปหนึ่งขั้น
ขั้นที่ 5 กระดูกต้น!
จิวโมไป๋ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาหยิบหินสีเขียวอ่อน และดอกคาเมเลียสีเลือด 10 ดอกออกมา มองพวกมันอยู่อึกใจหนึ่ง จากนั้นเขาก็วาดฝ่ามือ ข่ายอาคมปกคลุมหินสีเขียวอ่อน
พลังกฎแห่งธาตุลมโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในห้องขังเล็ก
จิวโมไป๋จับที่หินสีเขียวอ่อนและใช้กำลังทั้งหมดบดขยี้มันอย่างไม่เสียดาย ลมในห้องพันหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาบดขยี้มันจนกลายเป็นเศษผง จากนั้นก็วาดมือออกเศษผงหินสีเขียวอ่อนหมุนวนกลายเป็นตราวงกลม
มือสองข้างโบกสะบัดไปมาเป็นสัญลักษณ์มือบางอย่าง แสงสีเขียวก็ส่องประกายระยิบระยับราวดวงดาว ทำให้ทั้งห้องขังสว่างขึ้น ใช้เวลาไปสิบนาที เขาก็วาดฝ่ามืออีกครั้งใจกลางตราปรากฏรูปมังกรขี่พายุเหมือนกับว่ามันมีชีวิตจริงๆกฎแห่งธาตุลมอันแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจนเกิดพายุ ในครั้งนี้พายุมันรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า
จิวโมไป่พยักหน้าพอใจก่อนจะโบกมือ ตรามังกรขี่พายุก็ลอยมาประทับที่ตำแหน่งหัวใจ แสงสีเขียวอ่อนสาดกระจายออก เขาเอือมมือมาตบไปที่ตราแนบกับตำแหน่งหัวใจ ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ซานไปทั่วร่าง ราวกับมีใครกำลังใช้มีดกรีดหัวใจ เขาขบกรามข่มความเจ็บปวดจนศีรษะสั่นคลอน
เวลาผ่านไปหลายนาที ความเจ็บค่อยๆปวดก็ลดลง เขาถอนหายใจช้าๆ เขาเอามือออกผิวหนังตำแหน่งหัวใจมีรอยสักมังกรขี่พายุเหมือนจริงประทับอยู่
เขานั่งสมาธิฟื้นฟูพลังอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ลืมตาขึ้นและหยิบดอกคาเมเลียสีเลือดทั้ง 10 ดอกขึ้นมา
โดยไม่ลังเล เขากินพวกมันทั้งหมดในอึดใจเดียว
ความรู้สึกร้อนเผาไหม้ทั่วร่าง
ตำหนักเตาหลอม 9 สุริยันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทะเลปราณที่สงบพลันบ้าคลั่งปั่นป่วน
จิวโมไป๋ไม่สนใจ เขาเพ่งสมาธิไปที่ตำหนักกระบี่เลือนเร้นที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงเช่นกัน เขาสั่งให้มันสังหารกรรมชั่วทั้งหมดในตำหนัก
เมื่อได้รับคำสั่งกระบี่เลือนเร้นก็หมุนวนพุ่งโจมตีโดยรอบทันที เพียงไม่นานกรรมชั่วทั้งหมดก็ถูกทำลาย
ทะเลปราณทั้งสองพลันขยายออกอย่างรวดเร็ว
ขั้นที่ 5 กระดูกกลาง… ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย
อึดใจเดียวเขาทะลวงผ่านไปขั้นที่ 5 กระดูกปลาย พลังอันแข็งแกร่งไหลเวียนทั่วร่าง กระดูกหยกสีขาวเปล่งประกายราวกับหยกเนื้อดี
จิวโมไป๋สูดลมหายใจช้าๆ เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก เพราะการฝืนทะลวงผ่านขั้นพลังไป 2 ระดับ ทำให้พื้นฐานของเขาไม่มั่นคง ทะเลปราณทั้งสองแห่งในร่างราวกับคลื่นทะเลที่สาดกระทบไปมา มันแสดงให้เห็นถึงรากฐานที่ไม่มั่นคง
รากฐานทะเลปราณของเขาในตอนนี้พอๆกับผู้บ่มเพาะพลังที่มีพรสวรรค์ระดับหนึ่ง แต่ฝึกฝนวิชาบ่มเพาะพลังธรรมดา รากฐานระดับนี้ไม่ถือว่าแย่ แต่จากรากฐานที่เขาสร้าง มันมั่นคงระดับที่ไม่มีละลอกน้ำ ทำให้เมื่อเขาเห็นคลื่นในทะเลปราณ เขาก็รู้สึกทนไม่ได้
ถ้าเขาไม่ใช้กรรมชั่วเสริมรากฐานไปด้วย ทะเลปราณจะต้องบ้าคลั่งไม่มั่นคงยิ่งกว่านี้
แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเขาไม่ทำเลื่อนไปขั้นที่ 5 กระดูกปลาย เขาจะใส่วิชาต้องห้ามไม่ได้ จิวโมไป๋จับที่รอยสักมังกรขี่พายุโดยไม่รู้ตัว ถ้ารักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ จะมีรากฐานที่สมบูรณ์แบบไปทำไม
เขานั่งหลับตาทำสมาธิ เพื่อระงับความปั่นป่วนของทะเลปราณให้มากที่สุด
“อือ…” ในตอนนั้นเองเสียงบางอย่างดังขึ้นผ่านจิตสัมผัสที่เขาแผ่ขยายไว้ทั่วของขัง จิวโมไป๋ออกจากสมาธิ ก็พบว่านาคามูระ อิโทซะตื่นแล้วและกำลังดิ้นไปมา
จิวโมไป๋ที่ตอนนี้เขาฟื้นฟูพลังกลับมาสมบูรณ์ เขาก็ลุกขึ้นเตรียมจะขึ้นไป จิตสัมผัสก็ขยายออกโดยไม่รู้ตัว แต่ในตอนนั้นเองจิตสัมผัสของเขาก็ปะทะกับพลังจิตวิญญาณชั่วของวิญญาณแค้นที่กำลังขยายพลังตรวจสอบพอดี
ร่างของเขาพลันชะงักด้วยความตกใจ ในชั่วพริบตาที่จิตสัมผัสของเขาปะทะกับพลังจิตวิญญาณชั่ว เขาก็มองเห็นร่างของวิญญาณแค้นในเสี้ยววินาที
เขาก็พบบางอย่างผิดปกติ
วิญญาณแค้นตัวนี้ ไม่ใช้เด็กสาวสีดำ!
—
ปริศนาใหม่มาอีกแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลครับตอนหน้าก็เฉลยครับ ฮ่าๆ