ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 377
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 377
ซื่อบื้อ
โดย
หุ่นไล่กา
รถตู้สีดำขับไปจอดที่ลานจอดรถด้านหน้าลานกว้างที่ถูกปูด้วยหินแกรนิต ลานหินแกรนิตถูกปูล้อมลอบภูเขาหัวขาดให้อยู่ตรงกลาง ระยะจากภูเขาหัวขาดมาถึงด้านนอก 100 เมตร ทำให้ลานหินแกรนิตมีขนาดและความกว้างน่าทึ้ง
บนลานหินแกรนิตโล่งไร้สิ่งก่อสร้างหรือสิ่งของขัดขวางสายตา มีศิษย์ของสำนักดาบสายฟ้าคำรณหลายกลุ่มแบ่งกันเดินลาดตระเวนผ่านไปมาทุกๆ 5 นาทีอย่างเข้มงวด
คนนอกไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ลานหินแกรนิตได้ นอกจากว่าจะได้รับคำสั่งเชิญหรือมีธุระที่ต้องรายงานไปยังสำนัก
พวกเขาทั้ง 5 ลงจากรถตู้สีดำ
เมื่อพันเอกนาคามูระเดินลงจากรถตู้ กลุ่มศิษย์ของสำนักดาบสายฟ้าคำรณที่กำลังเดินลาดตระเวนก็สังเกตเห็น พวกเขาก็หยุดเท้าและก้มหน้าทำความเคารพและร้องตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“ผู้อาวุโสนอก!”
พันเอกนาคามูระนิ่งไม่ตอบรับ กลุ่มศิษย์ก็ยกหัวขึ้นก่อนจะเดินลาดตระเวนต่ออย่างแข็งขันไม่มีความคิดที่จะอู้งาน
พวกเขาทั้งห้าเดินขึ้นลานหินแกรนิตโดยที่ไม่มีใครขัดขวาง พวกเขาเดินไปถึงอีกด้านก็พบบันไดหินทอดยาวขึ้นภูเขา ด้านขวาของทางขึ้นมีหินอ่อนแกะสลักชื่อ’สำนักนักดาบสายฟ้าคำรณ’อย่างงดงาม ตัวอักษรมีกลิ่นอายดุดัน ทรงพลัง
พันเอกนาคามูระพาพวกเขาขึ้นภูเขา ระหว่างทางก็พบศิษย์ของสำนักที่กำลังเดินขึ้นเดินลงตามบันได เมื่อพวกเขาเห็นพันเอกนาคามูระ พวกเขาจะคำนับอย่างสุภาพและรีบเดินจากไปทันทีไม่มีรั้งรอ
กฎระเบียบของสำนักมีระบบอาวุโส ผู้มีตำแหน่งต่ำกว่าจะต้องเคารพผู้มีตำแหน่งสูงกว่า แต่ความเคร่งครัดของกฎระเบียบของแต่ละสำนักจะไม่เท่ากัน
ประเทศเกาะที่มีกฎแข็งแกร่งเหยียบย้ำผู้อ่อนแอ ทำให้ระบบอาวุโสถูกปฏิบัติอย่างเข้มงวด ไม่แปลกเลยที่ศิษย์ของสำนักจะแสดงความเคารพพันเอกนาคามูระ ไม่ว่าพวกเขาจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม หลังจากแสดงความเคารพ พวกเขาก็รีบแยกตัวจากไปทันที
ถ้าไม่ได้เป็นคนรู้จักกัน การที่เข้าไปพูดคุย หรือขวางทางเดิน มันอาจจะเป็นการรบกวนอีกฝ่าย อาจทำให้เกิดความขุ่นเคืองผิดใจกันได้ การทำให้ผู้แข็งแกร่งกว่าไม่พอใจ มันอาจทำให้ถูกเล่นงานภายหลังได้
นี่เป็นกฎของความแข็งแกร่ง ผู้มีตำแหน่งต่ำกว่าได้แต่แสดงความเคารพ ไม่มีสิทธิ์พูดหรือโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น
พวกเขาเดินขึ้นเขาสำนักไม่มีใครขวางทาง
พวกเขาเดินไปได้ถึงครึ่งทาง ด้านหน้าของพวกเขาก็มีชายหนุ่มร่างสูง กำลังเดินเอื่อยเฉื่อยลอยชายไม่สนใจสิ่งรอบด้าน
พันเอกนาคามูระเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนอยู่ห่างจากชายหนุ่มประมาณ 10 เมตร ชายหนุ่มที่ขวางทางอยู่ ยังไม่รู้สึกตัว เขาจึงกระแอมเบาๆ
ซากายะ ฮิซาชิที่กำลังเหม่อสะดุ้งตกใจ เขาหันขวับกลับมามองด้านหลังเห็นพันเอกนาคามูระ เขาก็ถอนหายใจ แต่พอมองผ่านพันเอกนาคามูระ เห็นเจ้าอาวาสหงหมิง จิวโมไป๋ และศิษย์ทั้งสองของเจ้าอาวาสหงหมิงที่กำลังมองมา เขารีบซ่อนท่าทางตกใจทำเป็นสงบ ก่อนจะกล่าวทักทาย
“ลุงนาคามูระ พวกเขาคือคนที่ได้สิทธิ์ใช่ไหม?”
“ใช่”พันเอกนาคามูระพยักหน้า เขาและพ่อของฮิซาชิ เป็นสหายสนิทกัน พวกเขาผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กัน ราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน และพ่อของฮิซาชิ ยังเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ผู้อาวุโสอันดับ 1 ของสำนัก มีตำแหน่งเป็นรองเพียงเจ้าสำนักและเหล่าบรรพบุรุษที่กำลังเก็บตัวบ่มเพาะพลังละทิ้งทางโลกไม่สนใจสำนัก
ด้วยสายสัมพันอันแน่นแฟ้น ทำให้ฮิซาชิสามารถพูดกับเขาเหมือนคนสนิท โดยไม่ต้องสนใจกฎระเบียบของสำนัก
ฮิซาชิพยักหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะหันมามองจิวโมไป๋ หงหยุน หงเฟยด้วยแววตาคมกริบก่อนจะกล่าว
“ยินดีต้อนรับทุกคน ผมซากายะ ฮิซาชิ ผมเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสสูงสุด ถ้าพวกคุณพบปัญหาที่นี่ พวกคุณสามารถมาหาผมได้ ผมจะช่วยพวกคุณแก้ปัญหาเอง”ฮิซาชิกล่าวด้วยประโยคสุภาพ แต่สีหน้าท่าทางและน้ำเสียงของเขาเย่อหยิ่งอย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดี
พันเอกนาคามูระเห็นดังนั้นก็ไม่พูดต่อว่าหรือห้ามปราม
เจ้าอาวาสหงหมิงยิ้มบางเบา ราวกับไม่เห็นท่าทางของฮิซาชิ
หงหยุนและหงเฟยสูดลมหายใจช้าๆ สีหน้ายังคงเรียบเฉย
จิวโมไป๋ยืนนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยิน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบสนอง ฮิซาชิก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหันไปหาพันเอกนาคามูระ
“ลุงนาคามูระ อิโทซะและคิยูมิไม่ได้กลับมาพร้อมกันเหรอครับ?”
“พวกเขาจะตามมาในช่วงเย็น”พันเอกนาคามูระตอบ
“มาถึงตอนเย็นอย่างนั้นเหรอ”ฮิซาชิพยักหน้าช้าๆด้วยความผิดหวัง ก่อนที่ดวงตาจะเป็นประกาย”ดี ผมจะได้กลับไปเตรียมตัว เมื่อพวกเขากลับมา ผมจะไปท้าดวลกับอิโทซะ ตอนนี้ผมได้ทะลวงผ่านระดับการบ่มเพาะพลังเป็นขั้นที่ 6 โลหิตต้นแล้ว ความได้เปรียบของระดับการบ่มเพาะพลังจะหายไป ผมจะแสดงให้ทุกคนได้เห็น ว่าที่ผมแพ้การประลองก่อนหน้า เป็นเพราะความแตกต่างของระดับการบ่มเพาะพลัง!”
พันเอกนาคามูระที่ได้ยินก็นิ่งไปเล็กน้อย ที่ฮิซาชิกล้าพูดว่าจะต่อสู้กับลูกชายของเขาต่อหน้า แต่เขาไม่โกรธ ยกมือตบไหล่ฮิซาชิเบาๆ
“อิโทซะพึ่งผ่านประสบการณ์เป็นตายมา ความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้าไปก้าวใหญ่ ถ้าเธอไม่กลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่มีแรง เธอก็ไปหาเขาได้”
ฮิซาชิพยักหน้า ดวงตาเป็นประกาย เขาไม่ได้สนใจคำเตือนของพันเอกนาคามูระเลย เขากำลังตื่นเต้นที่จะได้ต่อสู้แก้มือกลับอิโทซะ
จิวโมไป๋ที่มองฮิซาชิอยู่ก็ลอบยิ้มในใจ ฮิซาชิเป็นเหมือนฮิซาชิในภาพยนตร์หรือซีรีส์ไม่มีผิด
ท่าทางเย่อหยิ่งที่แสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็น เป็นแค่เกราะภายนอกที่ซ่อนความซื้อบื่อเอาไว้
—
ตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ไม่รู้ทำไมเขียนยากมาก ฮ่าๆ