ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 378
แตกตื่น!
โดย
หุ่นไล่กา
เหตุผลที่บันทึกประวัติศาสตร์’สองวีรบุรุษ’โด่งดังจนทำเป็นภาพยนตร์และซีรีส์หลายต่อหลายครั้ง จุดเด่นเป็นเพราะลักษณะนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองตัวเอก เมื่อรวมเข้ากับประวัติการต่อสู้อันน่าทึ่ง ทำให้เมื่อภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉาย ชื่อเสียงของทั้งสองโด่งดังจนกลายเป็นที่พูดถึง ทำให้เกิดภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องต่อๆมาเกิดขึ้นไม่หยุด
ซากายะ อิซาชิ ภายนอกเป็นคนเย่อหยิ่ง ทำอะไรโดยไม่สนใจกฎหมาย เหมือนรุ่นที่สองที่ถูกตามใจ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนอ่อนโยน เรียบง่าย ไม่คิดอะไรมากจนเกือบจะซื่อบื้อ เขามักจะแอบช่วยเหลือผู้คนอย่างลับๆ ไม่แสดงตัว
ที่อิซาชิต้องแสร้งทำเป็นเย่อหยิ่งยโส เหมือนรุ่นที่ 2 ไร้ค่าชอบใช้อำนาจครอบครัวทำสิ่งไม่ดี ก็เพราะว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของผู้อาวุโสอันดับ 1 ของสำนัก ซึ่งมีศัตรูมากมายที่จ้องจะกำจัดครอบครัวของเขาอยู่ ถ้าเขาแสดงความแข็งแกร่งออกมาทั้งหมด ศัตรูที่ไม่ต้องการให้ครอบครัวของเขาแข็งแกร่ง พวกเขาจะหาโอกาสจัดการกับครอบครัวของเขา
เมื่ออิซาชิอยู่ข้างนอก เขาจะแสดงท่าทางเย่อหยิ่งและทำอะไรโดยไม่ระวัง ท้าต่อสู้กับคนอื่นๆไปทั่ว ทำให้ศัตรูที่ติดตาม คิดว่าเขาเป็นแค่รุ่นที่สองที่หยิ่งยโสหลงระเริงกับความแข็งแกร่งของตระกูล แม้จะมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง แต่ความเย่อหยิ่งทำให้พรสวรรค์ของเขาสูญเปล่า ศัตรูจึงเพิกเฉย เก็บเขาไว้เป็นเครื่องมือไว้ใช้งาน ไม่รีบที่กำจัดเขา
ในภายหลังอิซาชิแข็งแกร่งขึ้น จนศัตรูที่จ้องเล่นงานครอบครัวของเขาไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีก เขาก็ไม่หยุดแสร้งทำเป็นเย่อหยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน มันจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปจนตาย
อุดาระ มาซาโตะ ภายนอกอ่อนแอ ขี้กังวล แต่ลึกๆแล้วเขามีความกล้าหาญ ไม่หวาดกลัวต่ออันตราย และเขายังมีสมองอันชาญฉลาด สามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจ สถานการณ์ต่างๆได้เพียงชั่วพริบตา
เมื่อเขาฝึกฝนการบ่มเพาะพลังอย่างหนักจากทำท้าของอิซาชิ มันค่อยๆกำจัดความอ่อนแอ และความขี้กังวลลง เหลือเพียง ความกล้าหาญที่จะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ เมื่อรวมเข้ากับความสมองอันฉลาดของเขา ทำให้เขาสามารถระเบิดความแข็งแกร่งออกมาอย่างน่าทึ่งออกมา
นิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสอง เมื่อรวมเข้าด้วยกัน มันทำให้เกิดเป็นผลลัพธ์อันน่าติดตาม ไม่แปลกเลยที่เรื่องราวของทั้งสองจะถูกนำไปสร้างภาพยนตร์และซีรีส์
จิวโมไป๋สามารถมองผ่านการเสแสร้งแกล้งทำของอิซาชิอย่างง่ายดาย เขาจึงไม่สนใจท่าทางเย่อหยิ่งของอิซาชิ
และดูเหมือนว่านอกจากเขาแล้ว เจ้าอาวาสหงหมิงจะมองออกเช่นกัน เนตรมรรคาคงจะสามารถมองเห็นผลบูญและบาปในร่างของอิซาชิได้
พวกเขาทั้งหกเดินไปพร้อมกัน ไม่นานพวกเขาก็มองเห็นประตูสูง 20 เมตรตั้งตระหง่านอยู่สุดขั้นบันได ประตูสร้างจากไม้สีน้ำตาลแดง เพราะผ่านวันเวลานับไม่ถ้วนทำให้สีของเนื้อไม้ซีดเล็กน้อย เมื่อเดินเข้าใกล้เรื่อยๆพวกเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ผู้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกสงบ
จิวโมไป๋มองไปที่ประตูไม้ทั้งสองบานที่เปิดกว้าง ดวงตาก็ฉายแววครุ่นคิด
แผ่นไม้ที่ใช้สร้างบานประตู เป็นไม้แผ่นเดียวไม่มีการประกอบใหม่ แผ่นไม้ที่มีความกว้างกว่า 8 เมตร มันไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา
อิซาชิเห็นว่าจิวโมไป๋กำลังสำรวจประตูอยู่ เขาก็กระตุกยิ้มอย่างภาคภูมิใจและอธิบาย
“ประตูทางเข้าสำนัก ถูกสร้างจากต้นไม้จันทร์แดงบรรพกาลอายุหลายพันปี เจ้าสำนักรุ่นที่ 21 ได้พบต้นไม้ ต้นนี้ที่โบราณสถานระดับ A เขาได้ค้นพบว่า ต้นไม้จันทร์แดงบรรพกาลมีกลิ่นอายที่สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ทำให้เจ้าสำนักรุ่นที่ 21 ตัดมันมาสร้างเป็นประตูสำนัก
ต้นไม้จันทร์แดงบรรพกาลมีความสูงกว่า 500 เมตร มีความหนา 15 เมตร นอกจากส่วนที่ใช้สร้างประตูทางเข้าสำนัก ส่วนที่เหลือถูกนำไปสร้างประตู หน้าต่างของตำหนักสำคัญของสำนัก”อิซาชิอธิบายอย่างช้าๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มโทนเสียงให้ดูเย่อหยิ่ง ชวนขับไล่ผู้คน
นอกจากจิวโมไป๋และเจ้าอาวาสหงหมิง หงหยุนและหงเฟยไม่สนใจที่จะฟัง
จิวโมไป๋ที่ได้ยินก็กระตุกยิ้ม พยายามห้ามความรู้สึกที่อยากจะหัวเราะออกมา
ต้นไม้จันทร์แดงบรรพกาลอะไร มันคือต้นสนศักดิ์สิทธิ์!
ต้นสนศักดิ์สิทธิ์ สมบัติปฐพี ระดับ 4 คุณสมบัติของมันคือ ช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย เหมือนกับที่ฮิซาชิพูดไม่มีผิด
แต่การนำมาสร้างประตูหน้าต่าง มันเป็นการใช้ต้นสนศักดิ์สิทธิ์อย่างเสียเปล่า!
ต้นสนศักดิ์สิทธิ์ สามารถนำไปสร้างเป็นวัตถุอาคมศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาได้ ซึ่งมันจะเพิ่มคุณสมบัติในการขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้หลายเท่า
จิวโมไป๋คิดถึงตรงนี้เขาก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆ
ทำไมเขาถึงพบของที่เกี่ยวกับศาสนาอีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคฑาขักขระ ในแหวนมิติเก็บของ มันเป็นคฑาที่นักบวชชั้นสูงใช้ในการเดินธุดงค์
เพลิงล้างบาป เผาไหม้ความชั่ว
ผลึกกรรมชั่ว กำจัดความชั่ว
ต้นสนศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่ความชั่ว
หรือว่าเขามีชะตากรรมจะต้องออกบวชจริงๆ?
จิวโมไป๋รีบขับไล่ความคิดนั้นออกไปทันที
พวกเขาทั้งหก เดินมาถึงประตูสำนัก ก็ได้พบกับศิษย์ของสำนักที่อยู่ชุดสำนักสีดำ แตกต่างจากชุดสีม่วงของศิษย์คนอื่นๆ พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาไม่ธรรมดา เขากำลังยืนยามเฝ้าประตูสำนัก
“ผู้อาวุโสนอก! นายน้อยซากายะ!”ศิษย์ชุดดำทำความเคารพ
พันเอกนาคามูระเดินผ่านไปโดยไม่มอง อิซาชิหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆและเดินผ่านไป
พวกเขาเดินเข้าสำนัก ก็เห็นลานกว้างขนาดใหญ่ ตรงกลางมีสนามประลอง 4 แห่งตั้งอยู่สี่ทิศ ตรงกลางมีแท่นยืนหินสูงขึ้นไปหลายเมตร
“ลุงนาคามูระ ผมขอตัวไป เตรียมตัวก่อน”อิซาชิบอกลาพันเอกนาคามูระ ก่อนจะหันมามองพวกเขา ด้วยแววตาแฝงความนัยบางอย่าง ก่อนจะหันหลังจากไป
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นเขาก็คาดเดาจากที่ได้ยินมาพวกเขาได้ สิทธิ์ อะไรบางอย่าง
มันน่าจะเป็นรางวัลที่พวกเขาได้รับจากภารกิจ
แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เจ้าอาวาสหงหมิงก็ปิดปากเงียบไม่ยอมบอก เขาไม่สามารถถามซักไซ้
พันเอกนาคามูระพาพวกเขาไปบ้านพักของแขกผู้มาเยือน ซึ่งอยู่ส่วนนอกของอาณาเขตสำนัก
บ้านพักอยู่ในเขตคล้ายๆหมู่บ้าน มีบ้านไม้หลายสิบหลัง แต่ละหลังตกแต่งอย่างดี
พันเอกนาคามูระให้พวกเขาทั้ง 5 พักในบ้านไม้ห้าหลังที่ตั้งใกล้ๆ ก่อนที่เขาจะขอตัวไปรายงานภารกิจ
พวกทั้งสี่ไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปพัก แต่มานั่งที่โต๊ะหินอ่อน หน้าบ้านพักของเจ้าอาวาสหงหมิง พวกเขาพูดคุยถึงเหตุการณ์ต่อสู้เมื่อคืน เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ก็มีศิษย์ในชุดม่วงนำอาหารมาส่ง
พวกเขาทานและพูดคุยกันจนเย็น ก็มีอาหารมาส่งอีกมื้อ พวกเขาทานอาหารจนเสร็จ ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าบ้านพักของตัวเอง
จิวโมไป๋กลับเข้าห้อง เขาก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบว่ามีกล้องวงจรปิดหรือไม่ เมื่อไม่พบอะไร เขาก็โบกมือสร้างอาณาเขตปิดกัน
ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิ ไม่รอช้า เขาเข้าไปในทะเลสติทันที
ทันทีที่เขาสร้างร่างเสมือน กระบี่เลือนเร้นก็พุ่งออกจากตำหนักยุทธ์ของตัวเอง พุ่งมาหาเขาอย่างกระตือรือร้น
จิวโมไป๋ลูบมันเบาๆ ก่อนจะเข้าไปในตำหนักยุทธท์กระบี่เลือนเร้น เขาเอื่อมมือหยิบผลึกธรรมชั่วขึ้นมา
ความรู้สึกบางอย่างค่อยถูกปลุกเร้าในจิตใจ จิวโมไป๋ท่องเคล็ดบ่มเพาะวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์กำจัดมันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะตั้งสมาธิถือมันนิ่งๆ และในชั่วเวลาต่อมา สติของเขาก็ออกจากทะเลสติ
จิวโมไป๋ลืมตาขึ้น เขารู้สึกถึงความหนักที่ฝ่ามือ เมื่อเขาลืมตา เขาก็พบกับผลึกกรรมชั่วในฝ่ามือ!
เอาออกมาได้จริงๆ!
จิวโมไป๋ตื่นเต้นอย่างมาก จนเกือบจะหัวเราะออกมา
แต่ในเวลาเดียวกัน
ท้องฟ้าเกิดเมฆสีดำกลืนกินโลกทั้งใบ สายฟ้าแลนผ่านหมู่เมฆ เสียงร้องคำรามดังกระหึมราวกับมังกรคำราม ผืนแผ่นดินทั่วโลกเกิดการสั่นไหวพร้อมกัน
ผู้คนต่างก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิดราวกับกลายเป็นเวลากลางคืน ก่อนที่คนที่อยู่บนตึกหรือภายในอาคารวิ่งออกมาด้วยความความกลัว
สถานที่ปิดผนึกทั่วทุกมุมโลก
ผู้บ่มเพราะพลังที่ทะลวงผ่านขั้นที่ 9 กำเนิดปราณต่างก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ร่างของพวกเขาระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมา ก่อนจะพุ่งออกจากสถานที่บ่มเพาะพลัง
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่บ้าคลั่ง ใบหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป เดี๋ยวก็หลาดกลัวเดี๋ยวก็ตื่นเต้น เปลี่ยนไปมาไม่หยุด ก่อนที่พวกเขาจะมองไปยังทิศทางหนึ่ง และพุ่งตัวไปทางนั้นด้วยความเร็วสูง
เกาะโดดเดียว
วัดดอกบัว
ชายซ่อมซ่อลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจ
—-
เขียนยาวหน่อยนะครับ
พวกแสร้งทำแบบอิซาชิ ก็มีเนี่ยฟูหานที่แกล้งทำตัวอ่อนแอ เป็นคนเสเพลจนใครๆก็คิดว่าเขาเป็นสวะ
ด้วยกฎระเบียบของประเทศเกาะ คนอ่อนแอจะต้องถูกกำจัด อิซาชิไม่สามารถแกล้งทำเป็นอ่อนแอแบบเนี่ยฟูหานได้
อิซาชิจึงจึงต้องทำตัวเป็นรุ่นที่ 2 ที่ทำอะไรโดยไม่สนใจใคร ทำให้ตัวเองเป็นเหมือนสวะที่ผู้คนรังเกียจ
ทั้งสองคล้ายๆกันตรงที่แสร้งทำเป็นคนไร้ค่า แต่ฝ่ายหนึ่งแกล้งอ่อนแอ กับ ฝ่ายหนึ่งแสดงความแข็งแกร่ง