ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 460
ปู๋จิงคงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เขามองร่างเงาทั้ง 5 ของจิวโมไป๋อย่างใจเย็น นิ้วมือที่ไกปืนสงบนิ่ง จนกระทั้งร่างแยกเงาทั้ง 5 สลายไป เหลือเพียงร่างเดียว เขาก็ยิง 3 นัดติดๆ จิวโมไป๋ต้องทำแบบเดิม โยกหลบกระสุน 2 นัด ก่อนจะยกพลองสีทองฟาดออกไปอีกนัดที่เหลือ
ร่างของจิวโมไป๋หมุนวนหนุ่งรอบก่อนจะทิ้งตัวลง จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วพุ่งทะยานไปข้างหน้า
ปู๋จิงคง ยิง 3 นัดอีกครั้ง
กระสุนแหวกอาการด้วยความเร็วสูง
จิวโมไป๋ต้องทำแบบเดิมซ้ำๆ ไม่นาน ปู๋จิงคงก็ยิงไป 5 ชุด
จิวโมไป๋หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย มือของข้างสั่นระริก แต่ฝีเท้าของเขาไม่ลดควารมเร็วลง ในที่สุดเขาก็เข้าไปถึงระยะ 2 กิโลเมตร
ปู๋จิงคงยิงปืนใส่จิวโมไป๋เหมือนกำลังเล่นกับเหยื่อ นี้เป็นการดูแคลนอย่างมาก แต่การล้อเล่นของปู๋จิงคงก็ค่อยๆตัดกำลังจิวโมไป๋อย่างช้าๆเช่นกัน
ปู๋จิงคงมองจิวโมไป๋ผ่านกล้อง เขาก็หยุดยิงครู่หนึ่ง เพื่อให้จิวโมไป๋ได้ใช้ท่าร่างเร่งความเร็ว ซึ่งมันก็เพิ่มความเหนื่อยล้าให้กับจิวโมไป๋อย่างมาก เมื่อเห็นว่าจิวโมไป๋กำลังใช้ท่าร่าง เขาก็ขยับปากกระบอกปืน ก่อนจะยิงกระสุนอีก 5 นัด กระสุนทั้ง 5 นัดพุ่งออกไปด้วยความเร็วไม่เท่ากัน กระสุนนัดที่เร็วที่สุดพุ่งออกไปด้วยความเร็ว 1.8 วินาทีก็ถึงร่างของจิวโมไป๋ กระสุนนัดที่เหลือปูพรมเข้าหาจิวโมไป๋ ยากที่จะหลบ
จิวโมไป๋ทิ้งตัวลงหมอบลงพื้น กระสุนทั้ง 5 พุ่งผ่านร่างของเขาไปอย่างง่ายดาย เขารีบลุกขึ้น ก่อนจะเร่งความเร็วเป็นเท่าตัว ร่างของเขารวดเร็วราวสายฟ้าฟาด พริบตาก็เข้าระยะ 1 กิโลเมตร
ปู๋จิงคงมองจิวโมไป๋ผ่านกล้อง ม่านดวงตาหดลงเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะยกท้ายปืนเล็กน้อย กดปลดแม็กกาซีนที่กระสุนหมดให้หลุดออกมา และเปลี่ยนแม็กกาซีนอีกอันที่ยาวกว่า
เมื่อเปลี่ยนแม็กกาซีน ดวงตานกอินทรีที่มองผ่านกล้องสไนเปอร์ก็สาดประกาย
ปัง!
เสียงสไนเปอร์ดังขึ้นแตกต่างจาก การยิงก่อนหน้าที่เงียบเชียบ แทบไม่ได้ยินเสียง
ลูกกระสุนสีทองแดงพุ่งออกจากปากกระบอกปืน ด้วยความเร็วสูง แต่ช้ากว่าการยิงก่อนหน้าถึง 2 เท่า
เมื่อกระสุนปืนทองแดงออกไปถึงระยะ 500 เมตร ในตอนนั้นเองกระสุนปืนก็ระเบิดออก แตกตัวเป็นกระสุนลูกปรายนับพันเม็ด กระสุนลูกปรายที่แตกออก ไม่ได้กลมเหมือนกระสุนลูกปรายทั่วไป แต่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม มุมเหลี่ยมถูกเหลาจนแหลมคม
แรงระเบิดทำให้กระสุนลูกปราย พุ่งออกไปเร็วกว่าการ ความเร็วของกระสุนเป็นเท่าตัว ทำให้กระสุนลูกปรายนับ เข้าหาจิวโมไป๋ที่วิ่งตรงเข้ามาราวกับห่าฝน ยากที่จะหลบได้
จิวโมไป๋มองกระสุนลูกปรายที่ตรงเข้ามา เขาก็ไม่ลดคตวามเร็ว ระเบิดพลังกดดันออกอย่างรุนแรง จนเกิดสายลมกรรโชก พลองทองยกขึ้นหมุนดวงเพื่อป้องกันกระสุนลูกปราย
แต่เมื่อกระสุนลูกปรายปะทะกับพลองสีทอง ก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง!
ตูม ตูม และเมื่อเกิดการระเบิด กระสุนลูกปรายลูกอื่นๆ ก็ระเบิดตามๆกันติด ระเบิดกลืนกินร่างของจิวโมไป๋จนหมด เปลวเพลิงเผาไหม้เป็นวงกว้างอย่างน่าสะพรึงกลัว
ปู๋จิงคงมองการระเบิดผ่านกล้อง ก่อนจะยิงอีก 3 นัดจากซ้ายไปขวา
กระสุนปืนทั้งสามพุ่งออกไป 500 เมตร ก่อนจะระเบิดออกกลายเป็นกระสุนลูกปราย ปกคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างเมื่อมันเข้าไปถึงพื้นที่ลุกไหม้ ก็ระเบิดอีกครั้ง แรงระเบิดน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม!
ปู๋จิงคงมองการระเบิด เขารู้สึกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เขากดยิ่งย้ำไปอีก 4 นัด
ตูม ตูม ตูม ตูม
พื้นที่ตรงนั้นหลายร้อยเมตรกลายเป็นทะเลเพลิงอันน่ากลัว กลืนร่างของจิวโมไป๋จนหมดสิ้น
ปู๋จิงคงมองผ่านกล้อง เขารู้สึกว่ามันไม่น่าจะสามารถสังหารจิวโมไป๋ได้ง่ายๆแบบนี้ ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกถึงอันตราย เขารีบจับปืนสไนเปอร์ เหวี่ยงมันไปที่หลัง พร้อมกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปัง! ตรงจุดที่เขาเคยนอนอยู่ ถูกพลองสีทองปักลงอย่างแรง พื้นดินตรงนั้นทรุดลงไปทั้งแถบ
ปู๋จิงคงหันหลัง ใช้ท่าร่างอันรวดเร็วทะยาน เข้าไปในป่าด้านหลังอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่หันมามอง
ฟุบ จิวโมไป๋กระโดดขึ้นมาจับพลองสีทอง เสื้อคลุมบนร่างของเขาฉีกขาดและมีคราบสีดำจากการเผาไหม้อย่างน่ากลัว
เขามองตามหลังปู๋จิงคงที่กำลังวิ่งหนี ดวงตาฉายแววสังหารออกมาเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ถ้าเขาไม่ใช้กฎแห่งธาตุไฟเพื่อป้องกันระเบิดและใช้กฎแห่งธาตุไม้ขุดดินหลบ ร่างของเขาคงถูกระเบิดจนร่างกายฉีกเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
เมื่อเขาคิดว่า เหตุผลที่อีกฝ่ายต้องการสังหารเขา เพื่อที่จะเอาฟงอี้เฟยไปเป็นลูกน้อง เขายิ่งโกรธ กลิ่นอายสังหารยิ่งรุนแรง ชีวิตของเขาไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือไง
จิวโมไป๋ระเบิดกฎแห่งธาตุสายฟ้าสีม่วงออกมาอย่างรุนแรง ในเมฆสีดำบนท้องฟ้าค่อยรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ก่อนที่สายฟ้าจะแลบไปมาบนก้อนเมฆสีดำ เสียงฟ้าดังคำรามกึกก้อง ก่อนที่สายฝนจะค่อยๆตกลงมา
จากนั้นกฎแห่งธาตุลมก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง เกิดพายุกรรโชกพันทุกสิ่งรอบด้าน กฎแห่งธาตุสายฟ้าและกฎแห่งธาตุลมไหลไปรวมกันที่เท้า ร่างของจิวโมไป๋พลันทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง เขาไล่ตามจิงคงเข้าไปในป่าด้วยความเร็วราวกับภูตพราย
ปู๋จิงคงกระโดดข้ามท่อนไม้ที่ล้มขวาง ก่อนจะเตะไปที่ข้างต้นไม้ ทะยานขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่ด้านบน และทะยานไปมาตามกิ่งไม้ อย่างคล่องแคล่วว่องไว
จิวโมไป๋เหินร่างตามด้วยท่างรางอันพลิวไหวราวภูตพรายไล่ตามติดๆ กฎแห่งสายฟ้าและกฎแห่งธาตุลม สลับกันใช้อย่างไม่ติดขัด เมื่อทางตรงเขาจะใช้กฎแห่งสายฟ้า เมื่อมีต้นไม้สิ่งกรีดขวางเขาจะใช้กฎแห่งธาตุลม ทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวในป่าได้อย่างรวดเร็ว ไม่นาน เขาก็ไล่ตามหลังปู๋จิงคงอย่างรวดเร็ว
ปู๋จิงคงเหมือนจะมีตาหลัง เขากระโดดไปที่ต้นไม้ข้างหน้า เท้าเหยียบลงที่กิ่งไม้ ก่อนจะพลิกร่างกลับมา โดยที่ร่างกายยืนบนกิ่งไม้อย่างมั่นคง เขาหยิบปืนสไนเปอร์ชี้ไปข้างหน้า และกดยิง 2 นัดซ้อน
กระสุนสีทองแดงพุ่งออกไปก่อนแตกตัวเป็นกระสุนลูกปราย เมื่อชนเข้ากับต้นไม้ มันก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง เปลวไปกลืนกินป่าไม้เป็นวงกว้าง
ร่างของจิวโมไป๋ที่พุ่งเข้ามาถูกเปลวไปกลืนกินในพริบตา
ปู๋จิงคงมองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะลั่นไก ไม่ยั้ง กระสุน 10 นัดยิงเข้าไปในเปลวไฟ
ระเบิดอันน่ากลัว กลืนกินป่าทั้งหมดบนภูเขา ก่อนจะลามมาที่ร่างของปู๋จิงคง เขาหันหลังและกระโดดอกไป เขาทะยานร่างลงจากภูเขา
ไม่นานภูเขาทั้งลูกก็ลุกไหม้ ควันสีดำลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแะทะกับสายฝนที่ตกลงมา แต่มันก็ไม่สามารถดับเปลวไฟนี้ได้
ปู๋จิงคงเหลือบมิงภูเขาที่ลุกไหม้ ความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋ เหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้กระสุนเพลิงเผาผลาญมากมายขนาดนี้ กับผู้บ่มเพราะพลังขั้นที่ 5 กระดูกปลาย