ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 467 พบร่างของจิวโมไป๋
ฟงอี้เฟยดื่มยาใสหลายขวด แต่ละขวดมีสีไม่เหมือนกัน สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าฟงอี้เฟยฟื้นฟูกำลังได้เล็กน้อย หัวหน้าทหารก็เดินเข้ามาถามทันที
“คุณชายฟง ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”หัวหน้าทหารเห็นชื่อของฟงอี้เฟย เขาก็จำตัวตนของฟงอี้เฟยได้ทันที ว่าเขาคืออัจฉริยะรุ่นใหม่แห่งตระกูลฟง ตระกูลผู้พิทักษ์ของประเทศมังกร
ฟงอี้เฟยมองหัวหน้าทหาร ก่อนจะอธิบายทุกอย่างตั้งแต่ขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูง จนถึงปัจจุบัน
หัวหน้าทหารที่ได้ยินก็พยักหน้า เขาได้สอบถามผู้โดยสารก่อนหน้านั้นแล้ว และยังพบร่างของมือปืน ที่ใช้ปืนกลซุ่มโจมตีอยู่ด้วย ในตอนนั้นเขาไม่พบพวกของฟงอี้เฟย เขาจึงคิดว่าฟงอี้เฟยได้จากไปแล้ว ถ้าเขาไม่สังเกตุเห็นภูเขาที่กำลังลุกไหม้ เขาก็ไม่รู้ว่ามีการต่อสู้กันตรงนี้
เขามองไปยังหลุม ก่อนจะเหล่ตามาที่เครื่องบินล่องหน เขาก็กืนน้ำลาย หลังจากได้ยินเรื่องราวจากปากของฟงอี้เฟย เขาก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาเลือกที่จะแกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป
“ผมได้ตรวจสอบผู้ที่โจมตีรถไฟฟ้าแล้ว พวกเขายอมรับสารภาพว่า ที่พวกเขาโจมตีรพไฟฟ้าความเร็วสูง ก็เพื่อที่จะจับกุมตัวของหลินยี่…“หัวหน้าทหารรายงายการสอบสวน
“หลินยี่?”ฟงอี้เฟยหันมามองด้วยความสงสัย
หัวหน้าทหารกระแอมเล็กน้อย ก่อนจะอธิบาย”คุณชายฟงอาจจะไม่รู้ หลินยี่คือนักปรุงยาอัจฉริยะคนใหม่ ที่พึ่งผ่านการทดสอบนักปรุงยาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเป็นนักปรุงยาอายุน้อยอันดับ 3 รองจากนักปรุงยาอายุน้อยอันดับ 1 เตาหลอม 9 สุริยัน และนักปรุงยาอายุน้อยอันดับ 2 ฟลี่ฟูจิว”
ฟงอี้เฟยได้ยินก็พยักหน้าช้าๆ คิ้วขมวดแน่นเล็กน้อยด้วยความสงสัย ถ้าแค่จับตัวอัจฉริยะนักปรุงยา ถึงกับต้องลงมือหนักขนาดนี้เลยเหรอ?
เป็นไปไม่ได้
เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะฆ่าจิวโมไป๋ และต้องการทำให้เขาบาดเจ็บอย่างชัดเจน เขาจึงระบุตัวคนร้ายเบื้องหลังของผู้ที่โจมตี ว่ามีโอกาสมากที่จะเป็นตู่บ่อชา หรือกลุ่มคนของเขา
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากหัวหน้าทหาร เขาก็สับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีอัจฉริยะนักปรุงยาเข้ามาเกี่ยวข้องได้
หัวหน้าทหารเห็นสีหน้าของฟงอี้เฟย เขาก็แกล้งโง่ต่อไป เขามียศทหารถึงพันโท ตำแหน่งของเขาไม่ใช่เล็กๆ แต่เมื่อเทียบกับคนของหน่วยลับเขาด้อยกว่ามาก และเขารู้ข้อมูลของหน่วยลับไม่มาก ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ และเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของหน่วยลับมากนัก
“พบคนบาดเจ็บหนึ่งคน!”เสียงร้องตะโดนดังขึ้นจากทิศทางหนึ่ง ฟงอี้เฟยที่ได้ยินก็ลุกขึ้นและพุ่งตัวไปทันที หัวหน้าทหารก็ตามไปติดๆ
พวกเขาไปยังอีกด้านหนึ่งของหลุมระเบิดก็เห็นกลุ่มทหารกำลังล้อมร่างที่บาดเจ็บ ด้านข้างมีหลุมเล็กๆขนาดร่างของมนุษย์ เหมือนกับว่าพวกเขาพึ่งดึงอะไรบางอย่างขึ้นจากหลุม
ฟงอี้เฟยเดินแหวกคนที่ขวางไปด้านหน้า เมื่อมองเห็นใบหน้าที่นอนหมดสติอยู่ ดวงตาของฟงอี้เฟยเป็นประกาย เขารีบเข้าไปทันที
“นายท่าน”ฟงอี้เฟยร้องเรียกจิวโมไป๋ พร้อมกับจับที่ข้อมือ เมื่อสัมผัสถึงการเต้น เขาก็เบาใจ
“เข้าเป็นคนของเรา รีบรักษาเขาเร็วเข้า”ฟงอี้เฟยร้องบอก
ทหารแพทย์รีบเข้าไปรักษาจิวโมไป๋ทันที แต่เพราะบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงพาร่างของจิวโมไป๋ขึ้นรถทหารและพาไปที่ยังรถไฟฟ้าความเร็วสูงทั้งสองคันที่ไม่สามารถขยับได้
พื้นที่โดยรอบถูกแบ่งเขตด้านหนึ่งเป็นสถานพยาบาลชั่วคราวตั้งอยู่ อีกด้านมีพื้นที่ใหญ่กว่า มีเต็นท์หลายหลัง ผู้โดยสารทุกคนถูกพาตัวไปพักผ่อนในเต็นท์ไม่ให้ออกมา
เมื่อพวกเขาขับไปได้ครึ่งทาง ก็มีรถตู้สีดำขับสวนไป ใบหน้าของฟงอี้เฟยมืดครึมทันที เมื่อไปถึงสถานพยาบาลชั่วคราว พวกเขาก็พบกับคนของหน่วลับในชุดคลุมหลาดสีกำลังตรวจสอบกลุ่มคนและตรวจสอบรถไฟฟ้าความเร็วสูงอยู่
ฟงอี้เฟยลงจากรถทหาร เดินตรงดิ่งเข้าไปถามคนของหน่วยมังกรซ่อน ว่าทำไมไม่มาช่วยพวกเขา
“พวกเราไม่ได้สัญญาณขอความช่วยเหลืออะไรเลย พวกเราได้รับแจ้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงและการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเท่านั้น”คนของหน่วยลับมองตอบด้วยความงุนงง
เมื่อได้ยินคำตอบ ใบหน้าของฟงอี้เฟยก็ดำเป็นก้นหม้อทันที
โรมแรมหรู ระดับ 6 แห่งหนึ่ง ชั้นบนสุดของโรมแรมมีห้องจัดเลี้ยงหรูหรากินพื้นที่ทั้งชั้น เวลาก่อนหน้าไม่กี่นาที บนชั้นนี้ มีผู้คนกินดื่มกันอย่างครื้นเครงรื่นเริง เต็มไปด้วยแสงสีสนุกสนาม แต่ตอนนี้กับเงียบกริบ บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงหนาวเหน็บราวกับอยู่ขั่วโลก
ในห้องเหลือคนอยู่ในห้องเพียง 5 คนเท่านั้น พวกเขากำลังนั่งล้อมโต๊ะเล็กๆ โดยที่ชายสาม หญิงหนึ่งนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา
“ภารกิจล้มเหลวและปู๋จิงคงเสียสละ”เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ คนทั้งสี่หดตัวด้วยความกลัว
“นี่มันเป็นเรื่องตลกอะไรกัน?”
ตูม! จบคำโต๊ะเล็กๆตรงกลางแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของทุกคนซีดเซียวด้วยความกลัว พวกเขาก้มหน้าลงราวกับคนขี้อาย ไม่กล้าเงยหน้า
ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหล่าราวกับเทพเจ้า ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ดึงฝ่ามือกลับอย่างช้า พร้อมกวาดดวงตาสีดำมืดมิดราวกับขุมนรกไร้สิ้นสุดมองทุกคน ร่างของทั้งสี่เย็นเฉียบราวกับตกไปในถังน้ำแข็ง พวกเขาลุกจากที่นั่งอย่างรีบร้อนลนลาน และคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว