ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1001 นักวิชาการระดับชาติ
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1001 นักวิชาการระดับชาติ
ณ กรุงปักกิ่ง
ด้านในอาคารมหาวิทยาลัยเหยียน ชายสูงวัยกำลังนั่งดื่มชาและพูดคุยกันในห้องนั่งเล่น
เนื่องจากทั้งคู่เป็นนักคณิตศาสตร์ระดับนักวิชาการ บทสนทนาของพวกเขาก็จะเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์โดยธรรมชาติ
การแข่งขัน IMO เพิ่งจะสิ้นสุดลง นักวิชาการเซี่ยงหัวหนานเริ่มพูดถึงผลงานของจีนพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“รางวัลแรกในการแข่งขันกลุ่ม ห้าเหรียญทองและหนึ่งเหรียญเงิน บางคนได้คะแนนเต็มด้วย นักวิชาการหวัง ทีมของคุณเก่งใช่เล่นเลยนะ”
นักวิชาการหวังซื่อเฉิงยิ้มและโบกมือ
“ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยหรอกครับ ศาสตราจารย์หยางมีส่วนร่วมในการแข่งครั้งนี้มากกว่าครับ ผมได้ไปดูช่วงที่ฝึก แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย อีกอย่างมันก็อยู่ที่ความสามารถของนักศึกษา พวกเขาต่างก็มีพรสวรรค์เรื่องงานวิจัยคณิตศาสตร์ ศูนย์คณิตศาสตร์ก็เป็นแค่สถานที่ที่พวกเขาได้เรียนรู้เท่านั้น”
แม้ว่าชายสูงวัยจะพยายามไม่เอาหน้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างจะภูมิใจในสิ่งที่นักศึกษาของเขาทำ
ด้วยอายุของเขาแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างผลงานทางคณิตศาสตร์ เพราะตั้งแต่เขาเกษียณจากการเป็นประธานสมาคมคณิตศาสตร์จีน เขาก็ไม่ได้ทำวิจัยคณิตศาสตร์อีกเลย
หยางหยงอันคืออาจารย์ที่นำการแข่งขัน IMO และเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่หวังซื่อเฉิงภูมิใจที่สุด
หวังซื่อเฉิงปลื้มใจอย่างเห็นได้ชัดที่นักศึกษาของเขาสามารถนำทีมโอลิมปิกคณิตศาสตร์ของจีนไปสู่ความสำเร็จ
เมื่อคุณมีอายุประมาณหนึ่ง เงินและของนอกกายก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้ว การทิ้งมรดกไว้ข้างหลังจึงนับว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าอะไรทั้งหมด
“คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขามีพรสวรรค์ก็จริง แต่การพัฒนาพวกเขาก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ถูกไหม” เซี่ยงหัวหนานยิ้มและพูด “แต่ถ้าให้พูดตรงๆ การแข่งขันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ เหรียญทองห้าเหรียญไม่ได้แย่เลยนะ”
“ใช่” หวังซื่อเฉิงพยักหน้าและพูด “สภาพแวดล้อมตอนนี้ก็แตกต่างกันสิ้นเชิง การศึกษาวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและสังคม การแข่งขันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมดีใจที่เราสามารถทำได้ขนาดนี้”
การศึกษาวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานไม่ได้ส่งผลกับความสามารถทางการวิจัยวิทยาศาสตร์ของประเทศโดยตรง แต่ประเทศไหนก็ตามที่มีเบื้องหลังงานวิจัยวิทยาศาสตร์ที่แข็งแรงอยู่แล้วก็ยังต้องการพื้นฐานที่มั่นคง
โดยเฉพาะในเรื่องของคณิตศาสตร์
ความรู้ไม่ได้แบ่งปันกันได้ผ่านหนังสือหรือฮาร์ดดิสก์ แต่แบ่งปันโดยคน
“คุณพูดถูก” เซี่ยงหัวหนานถอนหายใจและพูด “เรื่องทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณศาสตราจารย์ลู่นะ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนนับพันเข้าวงการนี้… ผมไปโรงเรียนประถมและอนุบาลมาหลายที่ เวลาที่ถามเด็กๆ ว่าทำไมถึงอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทุกคนตอบว่าศาสตราจารย์ลู่กันทั้งนั้น”
“โถ่”
อยู่ดีๆ หวังซื่อเฉิงก็สำลักน้ำชาออกมา เซี่ยงหัวหนานนิ่งไปครู่หนึ่งและรีบยื่นทิชชูให้เขา
“เกิดอะไรขึ้น? คุณสำลักเหรอ คุณต้องระวังหน่อยนะ เราก็แก่กันแล้ว”
“…”
หน้าของหวังซื่อเฉิงกลายเป็นสีแดง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คอของเขายังเจ็บอยู่
ตาแก่บ้า!
ไม่กี่วินาทีก่อนคุณเพิ่งจะสรรเสริญมหาวิทยาลัยเหยียน แต่ตอนนี้กลับมาประจบนักวิชาการลู่…
หวังซื่อเฉิงลูบหน้าอกตัวเองอยู่สักพักและพยายามจะหายใจ เขาเช็ดปากด้วยทิชชูและพูดขณะหายใจแรง
“ไม่มีอะไร พูดต่อเลย”
เซี่ยงหัวหนานมองไปที่ชายสูงวัยและรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
เขาส่ายหัวและกำลังจะพูดต่อ แต่อยู่ดีๆ เขาก็ลูบหัวตัวเองอย่างงงๆ และพูด “เดี๋ยวนะ ผมพูดเรื่องอะไรอยู่”
หวังซื่อเฉิง “ช่างมันเถอะ มันไม่ได้สำคัญอะไร”
“ช่างมัน มันไม่ได้สำคัญอยู่แล้ว บ้าเอ๊ย ความจำผม” หลังจากนั้นเซี่ยงหัวหนานพูด “ผมแทบจะลืมบางเรื่องไปเลย มีเด็กคนหนึ่งที่ได้คะแนนเต็มใช่ไหม เขาชื่ออะไรเหรอ”
หวังซื่อเฉิง “หลี่โม่”
“หลี่โม่เหรอ ชื่อน่าสนใจดี” เซี่ยงหัวหนานยิ้มและพูด “ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนมาดีจากมหาวิทยาลัยเหยียน”
คิ้วของหวังซื่อเฉิงกระตุก
“เขาไม่ได้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยเหยียน…”
เวรเอ๊ย!
พูดเรื่องอื่นไม่ได้หรือไง
ตาแก่นั่นมาที่นี่เพื่อมายั่วโมโหฉันอย่างเดียวเหรอ
เซี่ยงหัวหนานไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะปฏิเสธคำเชิญจากมหาวิทยาลัยเหยียน
“เขาไม่ได้สมัครเหรอ ไม่มีทาง เขาไปสุ่ยมู่เหรอ”
หวังซื่อเฉิงโพล่งขึ้นมา “จินหลิง! “
สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดคือการที่ปล่อยให้ศาสตราจารย์ลู่ได้เข้ามาเยี่ยมชมศูนย์คณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยเหยียน ศาสตราจารย์ลู่ไม่เพียงแค่แย่งตัวเฉินหยาง แต่เขายังแย่งเหรียญทอง IMU ด้วย
ช่างมันเถอะ
ช่างเด็กลู่โจวนั่นเถอะ!
เซี่ยงหัวหนานพยักหน้า เขาลูบหนวดตัวเองและพูด
“จินหลิง จินหลิงก็ดีนะ ศาสตราจารย์ลู่ก็อยู่ที่นั่น อะไรก็ดีกว่าการไปสวดมนต์ที่วัดทั้งนั้นแหละ
ในการแข่งขัน IMO ปี 2006 นักศึกษาหลิงจากประเทศจีนและชูลทซ์จากประเทศเยอรมันคว้าเหรียญทองด้วยคะแนนเต็ม แต่ตอนนี้คนหนึ่งได้เป็นนักวิชาการผู้ชนะรางวัลเหรียญฟิลด์ และเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่เกือบจะเหนือกว่าฟาลติ้งส์ ส่วนอีกคนก็จมอยู่กับศาสนาพุทธ และไม่มีใครพบเห็นอีกเลย
ทุกครั้งที่เซี่ยงหัวหนานคิดถึงเรื่องนั้น เขาก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
เซี่ยงหัวหนานเคยเจอเด็กคนนี้มาแล้ว เขายังเคยเถียงกับหวังซื่อเฉิงเรื่องเด็กคนนี้เลย เรื่องที่มหาวิทยาลัยเหยียนทำลายคนเก่งๆ
ขณะที่ชายทั้งสองกำลังคิดกันคนละเครื่อง ในที่สุดก็ได้เวลาอาหารเที่ยง
หวังซื่อเฉิงเปิดข่าวขณะกำลังทานข้าวเป็นปกติ
ข่าวต่างประเทศฉายเวลาเที่ยงตรง
ผู้ประกาศข่าวนั่งอยู่ในสตูดิโอและเริ่มกล่าวเปิด หลังจากนั้นผู้ประกาศข่าวก็พูดถึงข่าวต่างประเทศข่าวแรกของวัน
และข่าวนี้เกี่ยวกับการอบรมการฝึกทหารต่อต้านการก่อการร้าย
หวังซื่อเฉิงที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว มองไปที่หน้าจอทีวีกำลังดูแคปซูลร่วงลงมาจากฟ้า สายตาของเขาดูสบายใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความเศร้า
“ผมตามเวลาในปัจจุบันไม่ทันแล้ว เวลาที่ได้ยินเกี่ยวกับกองทัพการบินและอวกาศในโทรทัศน์ ผมไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้ในเวลาไม่ถึงสองปีพวกเขาสามารถทำการอบรมจริงๆ บนอวกาศได้แล้ว”
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณแก่ขึ้น” เซี่ยงหัวหนานพูด เขามองไปที่โทรทัศน์และอยู่ๆ ก็นึกอะไรออก เขาพูด “ผมได้ยินข่าวลือที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน”
หวังซื่อเฉิง “ข่าวลืออะไร”
เซี่ยงหัวหนาน “เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนครั้งนี้สำหรับนักวิชาการลู่ที่กำลังเดินทางไปการประชุม ICM ที่รัสเซีย…แต่ผมคิดว่าข่าวลือนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เฉียนเสวี่ยเซินก็เดินทางกลับมาในวันนั้นเหมือนกัน และความตึงเครียดระหว่างประเทศตอนนั้นก็แย่กว่านี้มาก เขาไม่เห็นได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเท่าไหร่”
นักวิชาการลู่อีกแล้วเหรอ…
วันนี้หวังซื่อเฉิงได้ยินชื่อน่ารำคาญนี่เป็นครั้งที่สามแล้ว
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไร เขาไม่ได้ตอบอะไรเลยด้วยซ้ำ
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ ชายสูงวัยพูดขึ้น
“ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่ได้รับการปฏิบัติแบบนั้น…”
ยังไม่รวมถึงที่ลู่โจวไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เขาคือนักคณิตศาสตร์
แม้ว่าหวังซื่อเฉิงจะเกลียดคนคนนี้ เขาก็ยอมรับว่าลู่โจวสมควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้จริงๆ
“มันก็เป็นแค่ข่าวลือ อย่าไปสนใจอะไรนักเลย แต่เด็กคนนี้ก็บ้าอยู่นะ น่าเสียดายจะตายที่เขาไม่ได้อยู่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน” เซี่ยงหัวหนานพูดขณะที่มองไปที่หวังซื่อเฉิง “ผมมั่นใจว่าคุณเองก็ถูกเชิญไปการประชุม ICM ปีนี้ คุณไม่ได้ไปงานประชุมที่บราซิล ครั้งนี้คุณจะไปไหม”
คงน่าเสียดายน่าดูถ้ามีใครพลาดโอกาสที่ในการเข้าร่วม ICM
งานนี้จัดแค่สี่ปีครั้งเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนี้จะได้มีโอกาสแบบนี้อีกกี่ครั้ง
แต่ถ้าฉันไป ฉันก็ต้องเจอหน้าคนจองหองนั่น…
หวังซื่อเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดกรามและพยักหน้า
“ผมจะไป ผมได้รับเชิญ ทำไมจะไม่ไปล่ะ”
แม้ว่าเขาจะรังเกียจลู่โจวขนาดไหน แต่โอกาสที่จะเป็นพยานที่ได้เห็นวงการคณิตศาสตร์จีนเติบโตในเวทีนานาชาติ… ก็ทำให้ฉันยิ้มได้
………………………