ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1022 ถังขยะ
ณ โรงพยาบาลเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ทางเข้าวอร์ด
ชายชราร่างผอมนั่งปิดหน้าในขณะที่สะอื้นอย่างเงียบๆ
“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่น่าโหวตเลย ถ้ามันไม่ใช่เหรียญฟิลด์…ถ้ามันไม่ใช่เหรียญฟิลด์…เราคงไม่สูญเสียเวร่าผู้สวยงาม ใจดี และชาญฉลาด”
“ใจเย็นก่อนครับ” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนตบไหล่ชายชราและถอนหายใจ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดแต่เขาพูดว่า “คิดเรื่องนี้จากอีกมุมนะ ถ้าเราไม่ได้ให้รางวัลนี้กับเธอ เราอาจจะไม่มีโอกาสให้เกียรติยศนี้กับเธออีก คุณน่าจะดีใจที่คุณโหวตให้เธอ”
“ผมคิดว่าคุณพูดถูก…”
บรรยากาศข้างนอกวอร์ดเต็มไปด้วยความเศร้าซึม
บรรยากาศข้างในวอร์ดก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ลู่โจวนั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียงที่เวร่านอนหมดสติอยู่ เขานิ่งเงียบเป็นเวลานาน
ผ่านไปสักพัก หมอพูดทำลายความเงียบ
“คุณครับ หมดเวลาเยี่ยมคนไข้แล้ว”
ลู่โจวหันไปมองหมอและพูดด้วยเสียงนิ่งเฉย
“บอกผมได้ไหมว่ามีอะไรผิดปกติกับเธอ?”
หมอถาม “คุณคือญาติของเธอเหรอ?”
ลู่โจวส่ายหัว
หมอพูดต่อ “งั้นผมเกรงว่าผมไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลคนไข้กับคุณ ทางเราได้ติดต่อครอบครัวของเธอแล้ว พวกเขาจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า”
ลู่โจวพยักหน้า
เขามองดูใบหน้าซีดของเวร่าเป็นครั้งสุดท้ายและพูดว่า
“ผมจะดูแลคุณ
เชื่อผมนะ
ผมไม่รู้ว่าคุณได้ยินหรือเปล่า…แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ”
ลู่โจวพูดภาษาจีน หมอจึงไม่เข้าใจที่เขาพูด หมอพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณครับ?”
“… ไม่มีอะไรครับ”
ลู่โจวลุกขึ้นจากเก้าอี้และออกจากวอร์ดไป
มันไม่สำคัญว่าหมอจะปฏิเสธที่จะบอกอาการของเวร่าหรือไม่ แต่เขาก็มีวิธีหาคำตอบด้วยตัวเอง
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
สำหรับค่ารักษาพยาบาล เขามีเงินมากจนเขาไม่รู้ว่าจะใช้ทำอะไร เขายินดีที่จะใช้เงินเท่าที่เขาใช้ได้
สำหรับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลการรักษา…
มันเป็นสิทธิ์ที่คนมีสติเท่านั้นที่มี
ถ้าเธอใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้จริงๆ ลู่โจวค่อยขอโทษตอนที่เธอฟื้นแล้วก็ได้
…
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเห็นลู่โจวเดินออกมาจากวอร์ด เขาลุกขึ้นยืนทันทีและถามว่า “คุณพุลยุยเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่โจวตอบ “เธอยังอยู่ในโคม่า…อาการไม่ดีเท่าไหร่ครับ”
“โอ้ นี่มัน…” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนถอนหายใจ เขาถอดแว่นตาออกมาเช็ดทำความสะอาด เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ศาสตราจารย์สูงวัยที่นั่งอยู่ข้างเขาลุกขึ้นยืนโดยกะทันหันและจับมือของลู่โจว
“ได้โปรดบอกให้หมอช่วยรักษาเธอ ไม่ว่าเธอจะมีโรคอะไร! ถ้ามันเป็นเรื่องเงิน…ผมสามารถใช้เงินบำนาญได้นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต่อโลกคณิตศาสตร์…ได้โปรด!”
ลู่โจวพยักหน้าให้ศาสตราจารย์สูงวัยและมองเขาอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ
ผมรู้ว่าต้องทำอะไร”
ลู่โจวและหวังเผิงเดินตรงไปทางบันได
เมื่อเขาเดินถึงบันได เขาได้ยินเสียงตะโกนของใครบางคน
มันดูเหมือนว่าศาสตราจารย์สูงวัยชิเงะฟุมิ โมริ กำลังถกเถียงกับใครบางคน
“คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ชีวิตไม่ได้เป็นของเธอ ความรู้ของเธอ…
ผมไม่สนว่ามันเป็นเหรียญฟิลด์หรือรางวัลโนเบล ถ้าเธอสำคัญสำหรับพวกคุณมาก ทำไมคุณถึงไม่จ่ายค่ารักษาล่ะ!”
ชายวัยกลางคนสูงประมาณหกฟุตสองนิ้วยืนอยู่ตรงข้ามชิเงะฟุมิ โมริ
เขามีพุงเบียร์และเครายุ่งเหยิงซึ่งบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ยากจน เสื้อแจ็คเกตหนังสีน้ำตาลและกางเกงยีนมีรอยเปื้อนทำให้เขาดูเหมือนเพิ่งลงมาจากมอเตอร์ไซค์
ชิเงะฟุมิ โมริ ดูตัวเล็กลงไปเมื่อยืนอยู่กับชายร่างใหญ่คนนี้
เขาพยายามจะพูดโน้มน้าวชายอารมณ์บูด
“พวกเราจะช่วยอย่างแน่นอน—”
ชายร่างสูงพูดขัดขึ้นว่า “ยอมรับความจริงเสียเถอะ คุณอ่านผลการตรวจแล้ว เราช่วยเธอไม่ได้!”
ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“ใครบอกอย่างนั้นล่ะ?”
ชายร่างกำยำหันหน้าไปมองและเหล่มองชายอายุน้อย
“คุณเป็นใคร? สนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะ”
ลู่โจวเดินเข้าไปมองดูเอกสารบนโต๊ะ
อีริค…พุลยุย
น่าจะเป็นชื่อของชายคนนั้น
เมื่อดูจากชื่อแล้วเขาเป็นญาติของเวร่า แต่ร่างสูงใหญ่ของเขาตรงข้ามกับหุ่นบอบบางของเวร่าโดยสิ้นเชิง
ลู่โจวเริ่มอ่านข้อความบรรทัดแรกๆ ของเอกสารฉบับนี้
[ใบยินยอมหยุดการรักษา…]
ลู่โจวขมวดคิ้วและมองดูชายที่ยืนค้ำเขาอยู่
“คุณวางแผนที่จะเลิกการรักษา? คุณมีสิทธิ์มาทำอะไรแบบนั้น?”
“ผมเป็นพ่อของเธอ ผมทำให้เธอเกิดขึ้นมา ผมก็ต้องมีสิทธิ์สิ!” อีริคกระดกหน้าขึ้นและพูดต่อ “ผมจะไม่ปล่อยให้เธอทรมาน ผมอยากให้เธอหยุดทรมาน”
ชิเงะฟุมิ โมริ พูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเลย คุณพุลยุยเธอมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่ง รางวัลเหรียญฟิลด์ก็มีเงินรางวัลหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์แคนาดา ซึ่งสามารถใช้เป็นค่ารักษาของเธอได้ พวกเราก็สามารถทำการระดมเงิน—”
ทันใดนั้น เขาหรี่ตา
เขามีสายตาประกายความโลภออกมา
”เธอมีเงินเก็บด้วยเหรอ?
ธนาคารไหนล่ะ?”
ลู่โจวเห็นความโลภในสายตาชายผู้นี้ และเขารู้ในทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเวร่าถึงมีปัญหาทางการเงินตอนที่เธอเรียนที่พรินซ์ตัน ถึงแม้ว่าเงินเดือนของเธอจะดี
เขาค้นพบในที่สุดว่าทำไมเธอไม่เคยพูดถึงครอบครัว ไม่เคยแม้แต่จะพูดถึงชื่อกลางของตัวเธอเอง…
แม้ลู่โจวรู้ดีว่าความโกรธจะมีแต่ทำให้สถานการณ์แย่ลง เขาก็อดไม่ได้จริงๆ
“ไอ้คนน่าสมเพช…”
ทุกคนหยุดนิ่ง
ชายคนนั้นมองดูเขาด้วยสีหน้าคุกคาม
“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? พูดอีกทีสิ”
“ผมบอกว่าคุณน่าสมเพช” ลู่โจวมองชายคนนี้และพูดว่า “ผมคงจะละอายใจมาก ถ้ามีพ่อเป็นคนแบบคุณ คุณสร้างความอับอายแก่ตระกูลพุลยุย”
หน้าของอีริคกลายเป็นสีแดง เหมือนกับว่าเขากำลังจะระเบิด
เขาดัดมือดัดนิ้วและกำหมัดแน่น เขาเดินก้าวไปหาลู่โจว ในขณะที่มีพยาบาลเข้ามาแทรกและพยายามโน้มน้าวเขา
“แกอยากตายใช่ไหม!
แกไม่ต่างอะไรจากแมลงตัวเล็กๆ ฉันสามารถบี้แกให้แหลกได้ด้วยมือเดียว!”
แล้วทันใดนั้นลู่โจวก็พูดขึ้นมาทันทีว่า
“ดูสนุกดีนะ งั้น…มาลองดูสิ?”
อีริคถูกท้าทาย
อีริครู้ว่าเขาโต้เถียงไม่ชนะลู่โจว เขาจึงเหวี่ยงหมัดใส่ลู่โจว
ลู่โจวไม่มีความเกรงกลัวอยู่บนใบหน้าเลย เขาไม่พยายามที่จะหลบหมัดด้วยซ้ำ
หมัดนั้นค่อนข้างรวดเร็ว เขาอาจจะไม่สามารถหลับมันได้
แต่นั่นไม่สามารถต่อกรกับบอดี้การ์ดผู้เชี่ยวชาญของเขาได้…
เมื่ออีริคเห็นว่าหมัดของเขาเข้าใกล้หน้าเหม็นๆ ของลู่โจวมากขึ้น เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ใครมากล้าบอกว่าฉันน่าสมเพช?
ไม่มีคนไหนในเมืองโนโซฟกากล้าจะพูดอะไรแบบนี้กับฉัน
ฉันสาบานว่าจะต่อยไอ้นี่ให้กรามหัก
แต่เมื่อหมัดของเขาเฉียดเข้าใกล้หน้าลู่โจว มีแรงกระแทกหนักหน่วงตีเข้ากับข้อไหล่ของเขา
เขาได้ยินเสียงคลิก จากนั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรชกเข้าที่ท้อง เขาลอยกระเด็นไปตามพื้น
โอ๊ย!
ร่างของเขาล้มชนถังขยะ
หวังเผิงยืดข้อมือและมองดูชายที่นอนอยู่ที่พื้น เขาพูดภาษารัสเซียคล่องแคล่ว
“ไม่จำเป็นต้องชกต่อยกันเลย”
ถึงแม้ว่าลู่โจวเป็นคนเริ่มยั่วโมโหอีริคก่อน…
หวังเผิงไม่ได้สนใจ
อีรีคไม่รู้สึกถึงแขนข้างขวาของตัวเอง เขาลุกขึ้นและตะโกนว่า “แกเสร็จแน่! แกกล้าต่อยฉันได้ยังไง! ฉันจะจัดการแก! โอย—”
ดูเหมือนว่าหวังเผิงรู้สึกเมตตา
ถ้าหวังเผิงโจมตีที่ลำคอหรือหัวเข่าแทนที่จะเตะเข้าท้อง อีรีคคงจะอยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วตอนนี้
ลู่โจวไม่สนใจชายที่แหกปากอยู่ที่พื้น เขาหยิบใบยินยอมการรักษาและฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ
เขากำลังจะโยนมันลงถังขยะ แต่เขาเห็นกระดาษใบหนึ่งหล่นลงพื้น
กระดาษชิ้นนี้น่าจะตกมาจากกระเป๋ากางเกงชายคนนั้น
หน้าตาของมันดูคล้ายกับใบรับรองการแพทย์
พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าล้อมรอบพื้นที่นี้ ผู้คนจากหน่วยความมั่นคงกลางมาถึงที่เช่นกัน และคนพวกนั้นกำลังคุยกับหวังเผิง
ลู่โจวหยิบกระดาษที่อีริคทำตกขึ้นมาดู
เมื่อเขาอ่านกระดาษแผ่นนี้ดู หัวใจของเขาตกไปที่ตาตุ่ม
มะเร็งปอดระยะที่ 4
…………………………………………