ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1040 การคาดคะเนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1040 การคาดคะเนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์
ลู่โจวไม่ได้รู้มาก่อน แต่การกระทำของเพื่อนเขาอาจจะทำให้เขามีปัญหาอย่างมาก
แต่ถึงลู่โจวรู้ เขาก็จะไม่โทษเพื่อนของเขา
สุดท้ายแล้วเขาก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน
ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนคิดค้นเทคโนโลยีนี้ ในอนาคต อาจจะอีกสิบปีหรือยี่สิบปีข้างหน้า คนอื่นก็เขาจะนำเทคโนโลยีนี้มาสู่โลกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันด้านอวกาศ เทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็งมีบทบาทสำคัญในโปรเจกต์อวกาศของสองสุดยอดประเทศนี้
ในอีกแง่มุมหนึ่งถ้าเกิดศาสตราจารย์ครุกแมนไม่ได้เขียนธีสิสขึ้นมา จะมีคนอื่นเขียนธีสิสที่คล้ายคลึงขึ้นมา
ลู่โจวรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น หลังจากการบรรยายที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์มหาวิทยาลัยเสร็จสิ้น เขานั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงกลับบ้านเกิดตัวเอง
ทันทีที่เขากลับมาถึงบ้านเกิด โรงพยาบาล 301 และสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ได้เผยแพร่ข่าวว่าผู้ได้รับรางวัลเหรียญฟิลด์ได้รับการรักษาแบบพักตัวแช่แข็ง
พาดหัวข่าวเต็มไปด้วยชื่อของศาสตราจารย์ลู่อีกครั้ง…
…
พรินซ์ตัน
คาเฟ่ในสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และเพื่อนเก่าของเขา ศาสตราจารย์แองกัส ดีตัน นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เฟฟเฟอร์แมนถอนหายใจและพูดว่า
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้”
การพักตัวแช่แข็ง
ทุกคนในพรินซ์ตันกำลังพูดถึงเรื่องนี้
ถึงเขารู้อยู่แก่ใจว่านี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมสำหรับสิ่งนี้ โดยเฉพาะลูกศิษย์ของเวร่า พุลยุย ข่าวที่ศาสตราจารย์ที่รักและเคารพถูกตรวจว่าเป็นมะเร็งปอดร้ายแรงและข้อเท็จจริงที่ว่าเธอถูก ‘แช่แข็ง’ ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
แต่ลู่โจวเองดูเหมือนว่าใจเย็นเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาหายไปจากโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น arXiv หรือแมทโอเวอร์โฟลว์ เขาไม่ได้แอคทีฟที่ไหนเลย เฟฟเฟอร์แมนถึงกับไปดูที่เว่ยป๋อซึ่งใช้กันแพร่หลายมากกว่าในจีน เขาไม่สามารถหาร่องรอยของลู่โจวเจอเลย
“จริงๆ แล้ว…ผมคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น”
ศาสตราจารย์แองกัส ดีตัน ใช้ช้อนคนกาแฟในแก้ว เขามองดูโฟมนมที่หมุนอยู่ในแก้วและพูดว่า
“ผมเคยพูดโน้มน้าวให้เขาระหว่างเรื่องการพักตัวแช่แข็ง แต่เมื่อผมคิดถึงมัน มันไม่จำเป็นเสียเลย เพราะว่ามันคงไม่เปลี่ยนความคิดของเรา ถึงผมจะโน้มน้าวเขาได้ แต่เทคโนโลยีนี้ก็คงจะมาในอีกไม่ช้า การไล่ตามความอยู่รอดมีอยู่ในทุกสิ่งมีชีวิต ทุกการตัดสินใจที่เราทำก็เพื่อให้เรามีชีวิตยืนยาวขึ้น”
เฟฟเฟอร์แมนมองดูเขาและพูดว่า “นี่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐศาสตร์เหรอ?”
แองกัสพูดว่า “มันไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ มันเป็นชีววิทยาวิวัฒนาการ…มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์”
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ทางเดินนอกคาเฟ่
ผ่านไปไม่นาน ชายชราในเสื้อเชิ้ตธรรมดาเดินเข้ามา
“ขอโทษครับ ผมมาสายไปหน่อย…เฟฟเฟอร์แมน? คุณอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
ครุกแมนมองดูเฟฟเฟอร์แมนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามแองกัส ครุกแมนไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเฟฟเฟอร์แมนที่นี่
“ถ้าผมไม่ยุ่ง ผมมาที่นี่เกือบทุกบ่าย…แต่บางครั้งก็มีข้อยกเว้น” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนยิ้มอย่างมีท่าทีและพูดต่อ “ศาสตราจารย์แองกัสเชิญผมมา”
ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดว่า “โอเคครับ…ผมเองก็เหมือนกัน”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดตอบ “ผมจะเชิญมากี่คนก็ไม่มีผลอะไร ผมสนใจในวิจัยของคุณมากกว่า…ผมสังเกตว่าคุณเพิ่งเผยแพร่งานวิจัยมาไม่นานนี้ใช่ไหม? เรื่องผลกระทบของเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็งกับเศรษฐศาสตร์ระดับมาโคร”
เมื่อครุกแมนได้ยินว่าศาสตราจารย์ชราพูดถึงงานวิจัยที่ผ่านมาของเขา เขารู้สึกกระตือรือร้นในทันที เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างสองคนนี้
“ใช่ครับ ผมเขียนงานวิจัยชิ้นนั้น ผมไม่คิดว่าคุณจะอ่านมัน…ผมขอมอคค่าครับ ขอบคุณ”
บริกรพยักหน้าและเดินจากไป
หลังจากที่เขากระแอม ครุกแมนพูดต่อ
“คุณคงคาดไม่ถึงว่าเทคโนโลยีนี้จะนำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอะไรมาบ้าง เอาจริงแล้วผมเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้ระหว่างที่นั่งเครื่องบินมา มันอาจฟังดูเพี้ยนเล็กน้อยแต่มันไม่มีผลอะไรเลย ผมสามารถอธิบายให้ฟังได้”
หลังจากนั้นครุกแมนใช้เวลาสิบนาทีในการคุยเกี่ยวกับการวิจัยของเขา เขาใช้เวลานานเพื่อเล่าว่าสังคมมนุษย์ได้สูญเสียความเท่าเทียมที่มีมานานจะแตกหักจากการคิดค้นเทคโนโลยีนี้ และสิ่งนี้จะคล้ายกับการปฏิวัติฝรั่งเศสอย่างไรบ้าง
ศาสตราจารย์แองกัสฟังเพื่อนเก่าเล่าอย่างใจเย็น ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดจนเขาคอแห้ง จากนั้นเขายกกาแฟขึ้นมาดื่ม ศาสตราจารย์แองกัสยิ้มให้และพูดว่า
“ผมพกต้นฉบับที่ยังไม่เผยแพร่มาด้วย…คุณสนใจไหม?”
ศาสตราจารย์ครุกแมนที่ยังถือแก้วกาแฟในมือนิ่งชะงักไปสักพักและถามว่า “คุณแน่ใจนะว่ามันโอเค?”
พูดโดยทั่วไปแล้วนักวิชาการในด้านเดียวกันมักพยายามหลีกเลี่ยงการแบ่งปันผลวิจัยที่ยังไม่ได้รับการเผยแพร่ แต่แองกัสมีท่าทีว่าเขาไม่สนใจ แองกัสพูดอย่างไม่ระมัดระวัง
“มันไม่มีอะไรเสียหาย เรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ผมไว้ใจคุณ ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนก็อ่านมันแล้ว”
เฟฟเฟอร์แมนยิ้มให้และพูดว่า “มันเป็นงานวิจัยที่น่าสนใจ แต่ผมต้องใช้เวลาสักพักในการทำความเข้าใจ”
“…ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น ผมยินดีที่จะอ่านมัน”
“ไม่มีปัญหา นี่ครับ”
หลังจากที่รับต้นฉบับมาจากศาสตราจารย์แองกัส ครุกแมนอ่านชื่อธีสิส เขารู้สึกอึ้ง และหน้าของเขาเต็มไปด้วยความช็อกและความเหลือเชื่อ
สังคมวิทยาแห่งอนาคต!
ครุกแมนพลิกดูหน้าธีสิสประมาณสิบนาที เขาคืนต้นฉบับให้แองกัสและพูดว่า “…คุณเขียนมันเสร็จแล้วเหรอ? คุณ…เขียนมันตอนไหน? อย่าบอกนะว่าคุณเขียนทั้งหมดนี้เสร็จในไม่กี่วัน”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดว่า “ประมาณครึ่งปีก่อนผมเผยแพร่งานวิจัยชิ้นแรก ซึ่งมันเป็นส่วนที่คุณอ่านตอนแรกเกี่ยวกับว่าอนาคตเป็นประเด็นที่มีความหวังสำหรับสังคมวิทยา ผมเผยแพร่งานวิจัยอีกไม่กี่ชิ้น และต้นฉบับนี้เป็นบทสรุปโดยง่ายของงานทั้งหมดของผมในประเด็นนี้”
หลังจากที่หยุดนิ่งไปสักพัก ศาสตราจารย์แองกัสพูดต่อ “นานมาแล้ว…สองสามปีก่อน มันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องพูดคุยกัน ไม่ว่าสังคมทำอะไร มันไม่มีวิธีที่จะก่อกวนกับอนาคตโดยตรง ไม่มีใครวางแผนสำหรับหนึ่งร้อยปีในอนาคต เมื่อคนพวกนั้นจะไม่อยู่อีกแล้ว ไม่ว่าเราอยากยอมรับหรือไม่ พวกเราตัดสินใจโดยอ้างอิงจากปัจจุบัน
แต่ตอนนี้สิ่งนั้นไม่ใช่ความจริงอีกต่อไป เมื่อคนเริ่มคิดถึงการที่จะกรุยทางสู่อนาคต เรื่องต่างๆ ก็มักกลายเป็นปัญหา บางทีในอีกหลายปีข้างหน้าถั่วและข้าวโพดจะไม่ใช่แค่สินค้าไม่กี่อย่างที่แลกเปลี่ยนโดยหุ้นฟิวเจอร์ส บางทีทั้งตลาดหลักทรัพย์จะเต็มไปด้วยหุ้นฟิวเจอร์ส”
“งานของเราอาจจะไม่สำคัญ แต่การวิจัยเชิงทฤษฎีต้องมีใครบางคนทำมัน อย่างน้อยที่สุดเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เราสามารถให้บรรณานุกรมสำหรับผู้ตัดสินใจ”
ครุกแมนอ้าปากพูดขึ้นมาว่า
“…ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณทำมันไปแล้ว ผมคิดว่าผมจะเป็นคนแรกที่ทำงานในด้านนี้”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่คุณเพิ่งรู้เกี่ยวกับการพักตัวไม่นานมานี้ ผมคิดว่าคนอย่างคุณจะสนใจในแนวคิดพวกนี้มากกว่า อย่างไรเสียผมคงจะไม่เขียนอะไรอย่างทฤษฎีการค้าขายข้ามอวกาศ…มันฟังดูเหมือนสิ่งที่ออกมาจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด”
ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดว่า “ถ้าคุณได้อ่านงานวิจัยของผมจริงๆ คุณจะรู้ว่ามันไม่ใช่นิยายไซไฟ”
ศาสตราจารย์แองกัสพูดตอบ “ผมอ่านงานวิจัยของคุณแล้ว แล้วผมก็ยังตามการวิจัยของคุณมาแล้วสักพัก ท้ายที่สุดแล้วมีนักเศรษฐศาสตร์ไม่กี่คนที่สนใจในอนาคตอันไกล และพวกเรามักพูดกันว่าอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้”
ครุกแมนพูดตอบ “…อะไรกัน? ผมไม่รู้เลยว่าศาสตราจารย์แองกัสสนใจงานวิจัยของผม”
“เรื่องนั้นไม่มีอะไรที่ไม่น่าเหลือเชื่อเลย โปรเจกต์วิจัยที่คุณกำลังทำอยู่คล้ายกับของผม เรามีความสนใจร่วมกัน”
“…ซึ่งคือสังคมวิทยาแห่งอนาคต?”
“ใช่แล้ว” ศาสตราจารย์แองกัสพยักหน้าให้ เขาพูดว่า “การคาดการณ์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ? อยากร่วมงานกันไหม?”
ศาสตราจารย์ครุกแมนได้รับข้อเสนอที่คาดไม่ถึง เขานิ่งอยู่ชั่วครู่และกะพริบตา
เขาต้องยอมรับว่ามันเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก
เอาจริงแล้วเขารู้สึกฉงนใจมาก
“…ผมไม่สามารถให้คำตอบกับคุณได้เลย ผมต้องปรึกษากับพาร์ทเนอร์ก่อน ผมคิดว่าเขาน่าจะเห็นด้วย เรามักมีความเห็นตรงกันในวิธีการดำเนินโปรเจกต์”
“ไม่เป็นไรครับ โปรเจกต์นี้เองก็ไม่ใช่ว่าจะเสร็จในวันสองวันนี้ ผมรอได้…ตราบใดที่มันไม่นานเกินไป”
ผ่านไปสักพักศาสตราจารย์แองกัสมองดูเฟฟเฟอร์แมนและพูดว่า “งั้น ผมอยากได้ยินความเห็นว่าศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนคิดกับบทวิจัยผมอย่างไรบ้าง”
เฟฟเฟอร์แมนไม่คิดว่าเขาจะถูกส่งลูกบอลมาให้ เขาพูดว่า “ผมเหรอ? มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ?”
“แน่นอนสิ มันเกี่ยว” ศาสตราจารย์แองกัสพยักหน้าและพูดว่า “เรามีทุกอย่างที่ต้องการแล้วยกเว้นแต่…นักคณิตศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเปิดปากพูดว่า “ผมคิดว่า…ผมว่าผมต้องคิดเรื่องนี้ แล้วค่อยให้คำตอบคุณวันหลัง จริงๆ แล้ว ศาสตราจารย์ฟาลติ้งส์ชวนผมไปทำงานด้วย ผมไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาทำงานกับคุณไหม”
ครุกแมนพูดอย่างตื่นเต้น “อะไรจะน่าตื่นเต้นกว่าการคาดการณ์อนาคตล่ะ?”
“หลายอย่าง แทนที่จะเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมคิดว่ามันมีประสิทธิภาพกว่าที่จะทำให้ปัจจุบันดีขึ้น” เฟฟเฟอร์แมนมองดูนาฬิกาและดื่มกาแฟหมดแก้ว เขาวางแก้วลงและพูดว่า “ผมต้องไปประชุมแล้วครับ สุภาพบุรุษทั้งหลาย”
จริงๆ แล้ว ถึงแม้ว่าเขาสนใจมากที่สิ่งที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ เขาไม่ได้…ตื่นเต้นมากเท่าจะร่วมงานในโปรเจกต์นี้
กรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับนักคณิตศาสตร์จากพรินซ์ตันหลายคน
เมื่อเป็นเรื่องคณิตศาสตร์ แม้แต่คนถ่อมตนอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอวดรู้เป็นบางครั้ง สิ่งนี้เกิดมาจากข้อเท็จจริงที่ว่านักคณิตศาสตร์เชื่อกันว่านักคณิตศาสตร์ควรที่จะทุ่มเทชีวิตให้กับคณิตศาสตร์เท่านั้น
ระหว่างที่ศาสตราจารย์แองกัสดูศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเดินไป เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เขาคิดว่าจะโน้มน้าวเฟฟเฟอร์แมนได้ แต่เขากลับทำมันล้มเหลว
แต่ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดขึ้นมาว่า “ศาสตราจารย์ลู่บอกว่าหลังจากเขาไขสมมติฐานของรีมันน์ได้ เขาจะคิดเรื่องการร่วมวิจัยกับเรา”
ทริคนี้ได้ผล
จู่ๆ ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนหยุดเดิน
เขานั่งลงและหันไปพูดกับศาสตราจารย์ครุกแมน
“…ลู่โจว? เขาพูดแบบนั้น?”
“สาบานกับพระเจ้าเลย” ศาสตราจารย์ครุกแมนพูดขึ้น “ถ้าผมพูดโกหก ให้ซาตานเอาวิญญาณผมไปเลย”
เฟฟเฟอร์แมนถามขึ้น “…เขาพูดตอนไหนเหรอ?”
ครุกแมนตอบอย่างจริงใจ “วันก่อนการประชุม ICM เราได้ไปเจอกันที่บ้านของเพเรลมานผมเลยได้เชิญชวนเขา…”
ตอนนั้นครุกแมนและอัลเบิร์ทคิดว่าลู่โจวกำลังปฏิเสธพวกเขาอย่างรักษาน้ำใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้ามีใครบอกว่าพวกเขาจะ “ค่อยคิดเรื่องนี้หลังแก้สมมติฐานของรีมันน์…” มันก็เหมือนการตอบปฏิเสธ
แต่อย่างไรก็ตาม…
ไม่มีใครคิดว่าอีกไม่กี่วันต่อมา ลู่โจวจะแก้ปัญหาได้จริงๆ?!
ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุกับเวร่า ครุกแมนคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้กับศาสตราจารย์แองกัส แต่เขาคงกำลังทำโปรเจกต์วิจัยร่วมกับลู่โจว
หลังจากที่นิ่งเงียบเป็นเวลานาน ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนมองหน้าศาสตราจารย์แองกัส
“…ผมเปลี่ยนใจ”
เขายิ้มและพูดว่า
“ผมคิดว่าเรื่องที่พวกคุณคุยกันน่าสนใจมาก
ถ้ามันเป็นไปได้ ผมอยากร่วมด้วย”
……………………..