ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1041 บทสนทนาริมแม่น้ำ
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1041 บทสนทนาริมแม่น้ำ
ในช่วงไม่กี่วันนี้ ลู่โจวอยู่บ้านเกือบทั้งวัน
เขาคิดถึงวิถีชีวิตแบบนี้
ผู้คนจำได้แต่ช่วงเวลาดีๆ เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกชีวิตหนักหน่วง คนเรามักหวนคิดถึงอดีตหอมหวาน
แน่นอนว่าสิ่งที่ลู่โจวคิดถึงไม่ใช่ชีวิตวัยเด็ก
แต่มันคือฝีมือทำอาหารของแม่
เขาได้ไปร้านอาหารหรูหราทุกรูปแบบมาทั่วโลก แต่อาหารโปรดของเขายังคนเป็นอาหารฝีมือแม่ ปลาหนึ่ง ซี่โครงหมู ผักดอง…เขายังกินข้าวสามถ้วยในทุกมื้ออาหาร
แม้ว่าลู่โจวเอาแต่กิน น้ำหนักเขาไม่เพิ่มขึ้นเลย ท้ายที่สุดแล้วเขามีการเผาผลาญเร็ว เพราะว่าเขาออกกำลังกาย เขาเลยแข็งแรงขึ้นเยอะ
เปอร์เซ็นต์ไขมันของเขาก็ลดลง
ช่วงนี้ลู่โจวจงใจพักงานของตัวเองไว้ เมื่อมีหลายเรื่องเกิดขึ้นตอนนี้ เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัว
เขายังปล่อยบัตรภารกิจทองคำระดับตำนานไว้ในพื้นที่ระบบ เพราะเขารู้ว่าเมื่อเขาใช้งานบัตรภารกิจ เขาจะไม่สามารถหยุดทำงานได้
ถึงแม้ว่าเขาปลีกตัวเองออกจากโซเชียลมีเดีย แต่เขายังคงมีหนึ่งช่องทางการสื่อสารกับโลกภายนอก
เมื่อเขาคุยโทรศัพท์กับเฉินยู่ซาน เขาได้ยินว่างหลังจากเทคโนโลยีพักตัวแช่แข็งถูกเผยแพร่ออกไปแล้วโลกอินเทอร์เน็ตก็เสียสติกันไปหมด
แต่ว่าลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรมาก
ไม่ว่าชุมชนนานาชาติจะคิดอย่างไร มันก็จะไม่ส่งผลต่อเขาโดยตรง คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนโลกได้โดยการเปลี่ยนคนอื่น แต่ชีวิตของตัวเองยังเละเทะอยู่
การตัดขาดจากโลกภายนอกนั้นสงบดี
บางครั้งเขาคิดว่า เขาอาจจะอุทิศตัวเองให้โลกมากพอแล้ว ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องด้วยตัวมันเอง เขาควรใช้เวลาเพื่อตัวเองบ้าง
ลู่โจวรู้ดีว่าเขาเป็นคนบ้างาน
สุดท้ายแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอยากพักผ่อน
ในอีกแง่หนึ่ง ชุมชนจีนเริ่มมีปฏิกิริยากับเทคโนโลยีการพักตัวแช่แข็ง
ในความเป็นจริงทั้งนักวิชาการจ้าวจงจี้และศาสตราจารย์หลิวจัวปิงได้ประเมินท่าทีของมวลชนต่อเหตุการณ์นี้มากเกินไป
มันแทบไม่มีรีแอคชั่นจากชุมชนจีนในเรื่องนี้เลย มันแทบไม่ได้รับความสนใจเลย
เหตุผลแรกคือสื่อกระแสหลักไม่ค่อยรายงานข่าวด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจข่าวพวกนี้
เหตุผลที่สองเป็นเพราะว่า…
ความสนใจทั้งหมดพุ่งไปที่คู่รักชื่อดังซึ่งหย่าร้างกันมาไม่นาน
นักวิชาการมักเป็นแบบนี้กัน คนพวกนี้มักชอบคิดมากในเรื่องต่างๆ
เที่ยง
ครอบครัวลู่นั่งรับประทานอาหารกลางวันที่โต๊ะ ลู่ปังกั๋วที่กำลังถือตะเกียบพูดโพล่งขึ้นมาว่า
“จะว่าไปแล้วลูกกินปลาตุ๋นที่แม่แกทำเยอะมาก แต่ลูกรู้ไหมว่าปลามันมาจากไหน?”
ลู่โจวรู้ว่าพ่ออยากพูดอวดทักษะการตกปลาของตัวเอง แต่แม่เขาชิงพูดขึ้นก่อน
“…หมายความว่าอย่างไรว่าลูกไม่รู้? มีใครกันบ้างที่ไม่เคยไปซูเปอร์มาร์เก็ต?”
ผู้เฒ่าลู่ไม่คิดว่าจะถูกภรรยาพูดกวน เขาจึงพูดอธิบาย
“มัน…ต่างกัน ปลาที่มาจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาจากไหนล่ะ?”
“พวกนั้นได้มาจากชาวประมง คิดว่าทุกคนใช้เบ็ดเพื่อตกปลาหรือไง?”
“…”
ผู้เฒ่าไม่รู้ว่าจะพูดโต้ตอบอย่างไรดี เขาจึงหันไปมองลูกแล้วพูดว่า
“ลูกว่างใช่ไหม?”
“…ว่างครับ แต่เราจะทำอะไรกันล่ะ?”
“บ่ายนี้ไปตกปลากัน”
ลู่โจว “…”
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ
ทำไมเขาไม่พูดออกมาเลยล่ะ?
ลู่โจวไม่อยากได้ยินพ่อจ้องจับผิดอีก เขาอยากใช้เวลากับพ่อแม่มากกว่านี้ เขาเลยตกลงไปตามที่พ่อชวน
ถึงเขาไม่สนใจที่จะตกปลา เขาก็ดูคลิปสอนตกปลาอยู่บ้าง ทั้งสองไปแม่น้ำที่ห่างจากบ้านไปสองสามกิโลเมตร
แม้ว่ามันเป็นแม่น้ำในทางเทคนิค ลู่โจวรู้สึกว่ามันเป็นหลุมขนาดเล็ก พ่อของเขายืนยันว่าในยุคของตัวเอง…เมื่อประมาณสามสิบปีก่อน มันเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ เด็กๆ ว่ายน้ำในแม่น้ำนี้ทุกฤดูร้อน ซึ่งมันเป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของพ่อในวัยเด็ก
การตกปลาเริ่มขึ้น
ลู่โจวนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมแม่น้ำ เขาคิดว่ามันคงใช้เวลาไม่นานในการจับปลาตัวแรกได้ แต่ปลาไม่ยอมติดเบ็ดสักที
เขาเห็นพ่อจับปลาได้ตัวแล้วตัวเล่า ลู่โจวอดรู้สึกเบื่อไม่ได้
ฉันเดาว่าต้องมีสกิลในเรื่องนี้
ตอนนี้ฉันคงมีไอคิวถึง 300 แล้ว แต่ฉันจับปลาไม่ได้สักตัวเลย
ลู่ปังกั๋วจ้องมองแม่น้ำในขณะที่เขาพูดโพล่งว่า
“ลูกมีเรื่องกำลังคิดมาก”
ลู่โจวถอนหายใจแล้วพูดว่า
“พ่อ นี่เป็นสิ่งที่พ่อเห็นจากในหนังงั้นเหรอ?”
“พ่อพูดจริง พ่อไม่ได้ล้อเล่น” ลู่ปังกั๋วพูดตอบ “คนใจร้อนจับปลาไม่ได้ มีแต่คนอย่างพ่อ คนที่เกษียณโดยไม่มีเรื่องให้กังวลสามารถจับปลาได้…”
ลู่โจวพูดว่า “…ถ้าพ่อรู้ว่าผมจะจับอะไรไม่ได้ ทำไมถึงยังพาผมมาด้วย?”
ผู้เฒ่ายิ้มให้และพูดว่า “ก็มันดีกว่านั่งอยู่บ้านทั้งวันตลอดฤดูร้อนใช่ไหม? การตกปลาไม่ได้เกี่ยวกับปลาเสมอไป ถ้าลูกรู้สึกสงบและผ่อนคลายมันก็คุ้มค่า”
เอาตามตรงสำหรับคนวัยลู่โจว การฟังพ่อพูดเกี่ยวกับชีวิตไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แล้ว
แต่พ่อของเขาพูดถูก ลู่โจวมีเรื่องคิดมากอยู่เยอะ
ถึงแม้ว่าเขาพยายามไม่สนใจมัน บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง
คิดถึงการตัดสินใจในอดีต
ลู่โจวมองดูถังพลาสติกที่เกือบล้นไปด้วยปลา เขานิ่งเงียบไปสักพักแล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
“พ่อ”
“อืม มีอะไร?”
“ถ้าพ่อไปอนาคตได้ พ่อจะไปไหม?”
ลู่ปังกั๋วเงียบไปสักพัก
“อนาคต? อนาคตอะไร?”
ลู่โจวคิดถึงเรื่องนี้แล้วพูดเปรียบเทียบ
“ถ้าเกิดว่ามีไทม์แมชชีนที่สามารถส่งพ่อไปอนาคตในอีกห้าสิบปีข้างหน้าได้…พ่อจะทำไหม?”
ลู่โจวนึกว่าพ่อเขาจะไตร่ตรองอยู่สักพัก แต่พ่อกลับตอบเขาในทันที
“ไม่”
“ทำไมล่ะ?”
“คนอายุน้อยแบบลูกชอบคิดเพ้อเจ้อ” ผู้เฒ่าลู่ส่ายหน้าและพูดว่า “บอกพ่อหน่อย ในอนาคตมันมีดีอะไร?”
ลู่โจวตอบ “ก็…เทคโนโลยีที่ดีกว่า”
ผู้เฒ่าลู่ถามกลับ “แล้วมันเกี่ยวกับพ่อยังไงล่ะ? บ้านตรงข้ามเรากำลังจะถูกทำลาย มันส่งผลต่อลูกไหม?”
บางครั้งผู้เฒ่าลู่คิดว่าสภาเมืองมีความเคียดแค้นกับเขา บ้านทุกหลังรอบเขาถูกรื้อถอนเพื่อสร้างอพาร์ทเมนท์ใหม่ แต่บ้านของเขายังอยู่ดี
ลู่โจวพูดว่า “…การทำลายหมายความว่าสังคมกำลังขยับขยาย และพ่อได้รับผลกระทบจากมัน”
ผู้เฒ่าลู่ส่ายหน้าอย่างดื้อรั้นและพูดว่า “พ่อจะไม่ไป แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของแกล่ะ? แล้วลูกล่ะ? ถ้าพ่อไม่อยู่ที่นี่ ใครจะรู้ว่าแกจะมีเมียตอนไหน”
“หมายความว่าอย่างไร…” ลู่โจวพูดตอบ “ลูกของพ่อเป็นคนดังมากในมหาวิทยาลัย โอเคนะ ทุกวันวาเลนไทน์…โทรศัพท์ของผมระเบิด”
ผู้เฒ่าลู่เงียบไปชั่วครู่ เขาถอนหายใจและพูดว่า “พ่อเชื่อลูก สมัยก่อน พ่อก็เจ้าชู้ไปทั่ว ไม่งั้น แม่แกคงไม่แต่งงานกับพ่อหรอก แต่ลูกมีมาตรฐานสูงเกินไป”
ลู่โจวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่อยากพูดถึงมัน เขาไอและพยายามเปลี่ยนประเด็นสนทนา
“…แล้วถ้าเกิดพ่อไม่มีครอบครัว? พ่อจะเดินทางไปอนาคตไหม?”
ผู้เฒ่าลู่ถาม “นั่นหมายความว่าอย่างไร?!”
ลู่โจวตอบ “สมมติ! มันไม่เหมือนกับว่ามีเครื่องไทม์แมชชีนจริงๆ”
“อ่อ…ไม่ พ่อไม่ไป!”
“ลู่โจวถาม “…ทำไมล่ะ?”
“ยี่สิบปีก่อน ใครก็ตามที่มีโทรศัพท์รุ่นก้อนอิฐที่บ้าน ก็จะถูกเพื่อนบ้านอิจฉา”
ผู้เฒ่าลู่มีสีหน้าซับซ้อน
“แต่ตอนนี้มีคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และทุกอย่าง ครั้งสุดท้ายที่พ่อเห็นบทความที่ลุงแกส่งมาให้กลุ่มวีแชท มันดูเหมือนว่าเทคโนโลยีอยู่ทุกที่ บนนาฬิกา บนแว่นตา พ่อไม่รู้วิธีใช้อุปกรณ์พวกนี้จริงๆ พ่อกับแม่แกใช้เวลาตั้งนานเพื่อศึกษาวิธีใช้วีแชท…”
ผู้เฒ่าลู่ดูเศร้าเล็กน้อย
“สมัยนั้นพ่อยังตามเรื่องต่างๆ ทันอยู่ พ่อรู้วิธีการซ่อมทีวี ซ่อมวิทยุ แต่ตอนนี้พ่อตามอะไรไม่ทันแล้ว แล้วนี่เพิ่งผ่านมาแค่ยี่สิบปีเอง…
แล้วอีกห้าสิบปี? ฮ่าๆ…ลืมมันไปเถอะ”
…………………………..