ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1043 ภารกิจระดับตำนาน!
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1043 ภารกิจระดับตำนาน!
อีกฟากหนึ่งของโลก
ลู่โจวอยู่ในพื้นที่ระบบสีขาวบริสุทธิ์ เขาเดินไปที่แถบภารกิจโฮโลแกรมและเลือกบัตรภารกิจทองคำ
ทันทีที่นิ้วแตะบัตร ชิ้นส่วนลำแสงสีทองเริ่มส่องไปทั่วหน้าจอข้อมูล
เอฟเฟคต์ระยิบระยิบทำให้ลู่โจวคิดถึงแคมป์ไฟ ผ่านไปสักพักแถบภารกิจที่อัปเดทปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
เขามองดูแถบภารกิจและพูดว่า
“ฉันรู้…เป็นไปตามที่คาดไว้เลย”
[ภารกิจระดับตำนาน: ก้าวแรกสู่อนาคต]
[คำบรรยาย: ก้าวแรกสู่อนาคตอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว คุณเข้าใกล้อนาคตมากกว่าที่นักคณิตศาสตร์คนอื่นทำได้!]
[เงื่อนไข: รวมพีชคณิตและเรขาคณิต!]
[รางวัล: เลเวลคณิตศาสตร์+1 ความทรงจำวอยด์ บี ตั๋วชิงโชค 5 ใบ และแต้มทั่วไป 10,000 แต้ม]
นี่เป็นภารกิจระดับตำนาน
เหมือนกับที่เขาคิดไว้เลย ‘ยุคอนาคต’ ของระบบไม่ได้หมายความว่าเขาจะเดินทางไปอนาคต แต่เขากลับต้องสร้างเทคโนโลยีและสิ่งอื่นที่อยู่ในอนาคต เขาจะเป็นคนที่สร้างอนาคต และเปิดประตูสู่ยุคใหม่
อย่างแรกคือคณิตศาสตร์
จากนั้นฟิสิกส์ ชีวเคมี วัสดุศาสตร์ และอื่นๆ…
เมื่อทุกศาสตร์ถึงเลเวล 10 เขาจะไม่ต้องการระบบอีกต่อไป เขาจะสามารถเห็นอนาคตได้ในทุกที่ที่เขาไปเยือน…
“ยุคใหม่คืออนาคต
เข้าใจแล้ว…
ภารกิจคณิตศาสตร์เลเวล 10 คือการรวมพีชคณิตและเรขาคณิต เพื่อปฏิวัติการวิจัยคณิตศาสตร์…แล้วภารกิจระดับตำนานสำหรับศาสตร์อื่นคืออะไรล่ะ?”
ลู่โจวหลับตาลงและคิดถึงเรื่องที่น่าสนใจ เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า
“…มันน่าตื่นเต้นนะ”
เขาใกล้ถึงพรมแดนแห่งอนาคตมากแล้ว
นิ้วของเขากวาดไปตามแถบโฮโลแกรม
เขาปิดแถบภารกิจแล้วกลับสู่คอนโซลหลัก
หลังจากนั้นสติของลู่โจวออกจากพื้นที่ระบบสีขาวบริสุทธิ์และกลับสู่ความเป็นจริง…
…
วันเวลาในเดือนสิงหาคมผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันหยุดของเขาจะจบลงในไม่ช้า
ลู่โจวใช้เวลาทั้งเดือนกับครอบครัว เขารู้สึกว่าได้พักผ่อนมากจนเกินพอ เขาเก็บสัมภาระและเดินทางกลับจินหลิง
ถึงแม้ว่าการใช้ชีวิตอย่างสบายๆ เป็นเรื่องที่พึงปรารถนา แต่มันไร้ซึ่งความหมาย
ไม่เช่นแค่นั้น เขายังมีโปรเจกต์วิจัยที่น่าตื่นเต้นมากรออยู่
ก่อนที่เขาจากบ้าน…ลู่โจวบอกพ่อแม่ว่าเขาอยากพาทั้งสองไปจินหลิงกับเขาด้วย สิ่งนี้จะทำให้ครอบครัวของเขาได้อยู่ด้วยกัน
แต่ว่าพ่อของเขาปฏิเสธไอเดียนี้ทันที เหมือนกับแต่ก่อน
“พ่อไม่ไป ที่จินหลิงมีอะไรดีล่ะ?”
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
เอ่อ…
มันสะดวกมากกว่ามั้ง?
ฟางเหมยรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอจึงถามว่า “ถ้าเกิดแม่ไปทำอาหารให้ลูกที่นั่นล่ะ?”
แต่ว่าลู่ปังกั๋วพูดขัดเธอ
“อย่าทำแบบนั้น เมื่อลูกหาเมียได้ เมียมันก็ทำอาหารให้ลูกกินได้”
ลู่โจว “…”
ฉันมีคนทำอาหารให้ได้ ผมไม่ต้องการภรรยา…
เอาจริง ฉันแน่ใจว่าเสี่ยวไอไม่ได้นับว่าเป็นคน
เมื่อได้ยินที่ผู้เฒ่าลู่พูด ฟางเหมยไม่ได้พูดอะไรต่อ
ถึงแม้ว่าเธอชอบถกเถียงกับผู้เฒ่าลู่ แต่ส่วนมากเธอก็เชื่อฟังเขา
ผู้เฒ่าลู่มองลู่โจวและพูดว่า
“ลูกยุ่งกับเรื่องงานก็โฟกัสแค่ตัวเอง ลูกไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่ พวกเราแข็งแรงกันดี ลูกควรออกกำลังกายมากกว่านี้ อย่าอยู่ในออฟฟิศทั้งวัน
ที่เจียงเหลียงก็สะดวกสบายมาก พ่อสามารถออกไปเดินเล่นได้ จะไปเยี่ยมญาติกับเพื่อนก็สะดวกมาก ถ้าพ่อไปจินหลิงละก็ พ่อคงมัวแต่ติดแหงกอยู่ในบ้านนั่งดูทีวีทั้งวัน พ่อกับแม่ก็ไม่น่าจะได้เจอลูกด้วย
ไม่เป็นไรเลย ลูกก็มาเยี่ยมพ่อกับแม่ได้ในช่วงวันหยุด”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาแค่อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพ่อแม่ เมืองจินหลิงมีทรัพยากรทางการแพทย์และสังคมดีกว่า
แต่พ่อของเขาพูดถูก
ไม่ใช่ทุกคนที่อยากอยู่ในเมืองใหญ่ พ่อของเขาอยากอ่านหนังสือพิมพ์และดื่มชากับเพื่อนมากกว่า บางทีก็ไปตกปลาในช่วงสุดสัปดาห์
ดังนั้นลู่โจวไม่ได้พูดเรื่องย้ายพ่อแม่ไปจินหลิงอีก
ฉันจะหาเวลามาเยี่ยมพวกเขามากขึ้น…
เขานั่งรถไฟความเร็วสูงและถึงจินหลิงในเวลาไม่นาน
สิ่งแรกที่ลู่โจวทำคือไปมหาวิทยาลัยจินและยื่นใบสมัครโปรเจกต์วิจัย
เมื่อเขากำลังส่งใบสมัคร พนักงานจากแผนกงานคณิตศาสตร์ตัวนิ่งแข็ง
การรวมพีชคณิตและเรขาคณิต!
นี่เป็นครั้งแรกที่พนักงานคนนี้ได้เห็นใบเสนอธีสิสที่เพี้ยนขนาดนี้
ลู่โจวเห็นสีหน้าของพนักงานคนนี้ แล้วถอนหายใจ
พระเจ้าช่วย
ฉันเป็นคนที่มาที่นี่
ถ้าลู่โจวขอให้หานเมิ่งฉีหรือนักศึกษาสักคนให้ส่งใบเสนอธีสิส พวกนั้นคงโดนหัวเราะไล่หลังให้ออกจากออฟฟิศ…
ลู่โจวกระแอม
พนักงานคนนั้นได้สติกลับมาหลังจากได้ยินเสียงไอของลู่โจว เขากลืนน้ำลายและพูดว่า
“นักวิชาการลู่…คุณแน่ใจใช่ไหมที่อยากจะวิจัยในหัวข้อนี้?”
พูดโดยทั่วไป หลังจากโปรเจกต์วิจัยได้รับการตอบรับ มันจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนได้เป็นเวลานาน
ลู่โจว “มีปัญหาหรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่มีครับ” ทีมงานยิ้มให้และพูดว่า “ผมจะจัดการกับใบสมัครให้เร็วที่สุด!”
ลู่โจวพยักหน้า
“ผมไม่รีบ”
เขาแค่เสนอวิจัยเป็นนิสัยประจำ
ถึงถ้าเขาไม่ทำ มันก็ไม่มีผลอะไร
ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ได้สนใจเงินทุนวิจัยของมหาวิทยาลัยขนาดนั้น…
…………………………….