ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1047 การประชุม IEEE
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1047 การประชุม IEEE
ณ กรุงลอสแองเจลิส
งานประชุมสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ถูกจัดขึ้นตามที่กำหนดไว้
จากที่มันเป็นการประชุมระดับท็อปของด้านการออกแบบวงจรรวม ไม่เพียงแต่ว่ามันเป็นการประชุมวิชาการ แต่มันก็ยังเป็นเวทีให้ผู้ผลิตได้แสดงผลิตภัณฑ์ล่าสุด
สำหรับอุตสาหกรรมประยุกต์เช่นนี้ เส้นแบ่งระหว่างวิชาการและอุตสาหกรรมนั้นค่อนข้างเบลอ
นักวิชาการหลายคนเป็นวิศวกรที่บริษัทของตัวเอง และวิศวกรหลายคนเป็นผู้รีวิวธีสิส มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครมีตำแหน่งหัวหน้าพนักงานเทคโนโลยีในระหว่างที่กำลังรีวิวสำหรับนิตยสารวิศวกรรมไฟฟ้า
ศาสตราจารย์ไมเคิล เมย์เบอร์รี่ ผู้ซึ่งยืนอยู่บนเวที เป็นตัวอย่างแบบคลาสสิค
ระหว่างที่เขาเป็นคณบดีของสถาบันวิจัยสารกึ่งตัวนำ Intel เขาก็ยังมีตำแหน่งเป็นซีทีโอที่ Intel
เขากำลังนำเสนอบนเวทีให้กับนักวิชาการ วิศวกร และตัวแทนจากบริษัท การนำเสนอของเขาเป็นชุดของเทคโนโลยี อย่างเช่น ชิปโปรเซสเซอร์ผู้บริโภคล่าสุดของ Intel และการ์ดจอกราฟิกหลักรุ่นต่อไป
จากผลิตภัณฑ์ที่ตื่นตาตื่นใจ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจที่สุดคือ สถาปัตยกรรมไมโคร ‘เงิน’ ที่มีเทคโนโลยีการประมวลผล 7 นาโนเมตร อย่างไม่ต้องสงสัย
สไลด์พาวเวอร์พอยต์ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน!
จากการนำเสนอของ Intel สถาปัตยกรรม ‘เงิน’ จะถูกเปิดตัวในครึ่งปีหลังของ 2022 และจะถูกสร้างบนสถาปัตยกรรม ‘ซันนี่ โคฟ’ ที่ Intel เปิดตัวในปี 2019 สถาปัตยกรรมใหม่จะเพิ่มประสิทธิภาพของชิปไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด! โปรเซสการผลิตและรวบรวมชิปทรานซิสเตอร์จะเปลี่ยนไปทั้งหมด
ไมเคิล เมย์เบอร์รี่ยืนบนเวทีและย้ำความสำคัญด้วยความตื่นเต้นว่ามันเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และ Intel จะสร้างนิยามอนาคตของเทคโนโลยีชิปขึ้นใหม่…แม้ว่าทุกคนมาที่นี่เพื่อโอ้อวด คนส่วนใหญ่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์กับการนำเสนอของเมย์เบอร์รี่
ทุกคนรู้ว่าโปรเซส 7 นาโนเมตร ใกล้กับขีดจำกัดด้านเทคโนโลยีของผู้ผลิตรายใหญ่ แม้ว่าขนาด 5 นาโนเมตร เป็นไปได้ แต่มันไม่ค่อยคุ้มค่า
และขนาด 5 นาโนเมตรอยู่ที่ประมาณระดับของคอขวด นั่นเป็นขั้นที่วัสดุเองมีสภาวะไม่คงที่มากขึ้นเนื่องจากผลกระทบด้านกลศาสตร์ควอนตัม ที่ระดับนี้ การพัฒนาประสิทธิภาพของชิปโดยการลดโปรเซสเป็นเรื่องยาก
เพราะเหตุนี้ผู้ผลิตชิปรายใหญ่กำลังหาวิธีอื่นเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของชิป นอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยีโปรเซส
สถาปัตยกรรม ‘ซันนี่ โคฟ’ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถูกปล่อยในครึ่งหลังปี 2019 เป็นตัวอย่างที่คลาสสิค
สถาปัตยกรรม ‘ซันนี่ โคฟ’ ที่มีฐานจากเทคโนโลยีประมวลผล 10 นาโนเมตร ได้เพื่อประสิทธิภาพโดยตรงของชิปซีรีส์ Xenon และคอร์ของ Intel ถึง 66%!
ไม่มีใครรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ Intel สามารถทำชิป 7 นาโนเมตรได้ แต่การสร้างความก้าวหน้าครั้งใหญ่ให้เหนือสถาปัตยกรรม ‘ซันนี่ โคฟ’ เป็นเรื่องบ้ามาก
Intel กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจที่งานประชุมวิชาการครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หัวหน้าวิศวกรของควอลคอมม์ ดีเรก แวคเกอร์นั่งในกลุ่มผู้ชม เขามองดูการนำเสนอของซีทีโอจาก Intel ด้วยความริษยาในสายตา
“Intel ล้ำไปมาก…ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเมย์เบอร์รี่พูดว่าพวกเขามีการประกาศครั้งใหญ่ที่พวกเขากำลังจะเปลี่ยนสถาปัตยกรรม ผมคิดว่าเขาพูดโอ้อวด ผมไม่คิดว่าพวกเขาสามารถทำได้จริงๆ”
คอคนั่งอยู่ข้างเขา ซึ่งเป็นรองประธานของควอลคอมม์ เขาก็ถูกส่งมาเข้าร่วมการประชุมวิชาการครั้งนี้ คอคมองดูชายบนเวทีและมีท่าทีอิจฉา
“…พรุ่งนี้หุ้นของ Intel จะเพิ่มขึ้นสูงทะลุเพดาน”
ถึงแม้ว่าควอลคอมม์และ Intel ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คอคดีใจที่ได้โหนการแกว่งขึ้นโดยการเกาะตาม Intel
ในอีกแง่หนึ่ง ปากของเมย์เบอร์รี่รู้สึกแห้ง เขาจึงหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
เขาใช้เวลา 20 นาทีพูดกับผู้ที่มีศักยภาพเป็นพาร์ทเนอร์ Intel เกี่ยวกับไลน์อัพสถาปัตยกรรม “เงิน” ของชิปที่น่าทึ่งนี้
ถึงแม้ว่าเขาพูดด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ทุกคนในห้องประชุมเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
พวกเขาทุกคนรู้ว่าเมย์เบอร์รี่เป็นคนประเภทไหน
เขาอาจจะโอ้อวดไปบ้าง แต่เขาไม่เคยโกหก
เมื่อการนำเสนอจบลง ไมเคิล เมย์เบอร์รี่เดินลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ
การประชุมดำเนินไปตามตาราง แต่มันชัดเจนว่าเวทีหลักได้ถูก Intel ดึงความสนใจไปหมด
เมย์เบอร์รี่ลงจากเวทีแล้วฟังการพูดคุยที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทะนงตน
เขาชอบความรู้สึกนี้
มันเป็นเหตุผลที่เขามานำเสนอการพูดคุยด้วยตัวเอง
ไม่เช่นนั้นเขาคงส่งคนอื่นมานำเสนอแทน
ผู้พูดหลายคนได้ขึ้นมาพูดบนเวที ผู้คนจากควอลคอมม์ ซัมซุง แอปเปิล…แต่ไม่มีใครน่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับสถาปัตยกรรม ‘เงิน’ ของ Intel
เมื่อวิศวกรจากควอลคอมม์กำลังพูดถึงอัปเดทสถาปัตยกรรมเซ็ตวิธีใช้ ARM-V9 เขามีสีหน้าพ่ายแพ้
หลังจากผู้นำเสนอควอลคอมม์เดินลงเวที ชายชาวจีนที่ใส่แว่นเดินขึ้นเวที
ชายร่างผอมแห้งใส่ชุดสูทขนาดไม่พอดีตัว เขาดูไม่เหมือนกับศาสตราจารย์หรือวิศวกรที่มีชื่อเสียงเลย แต่เขากลับดูเหมือนผู้ช่วยหรือเด็กฝึกงาน
เมย์เบอร์รี่พูดแซวกับเพื่อนของเขาเรื่องชายบนเวที สายตาของเขามีแววดูถูกเหยียดหยาม
ผู้นำเสนอที่ดูกระวนกระวายและหัวเหว่ย HiSillicon ทำให้เมย์เบอร์รี่รู้สึกว่าการนำเสนอนี้ไม่คู่ควรที่จะรับฟังเลย
ท้ายที่สุด เด็กฝึกงานจะพูดเรื่องอะไรได้ล่ะ?
นอกจากการทำตัวเองขายหน้า
ชายที่นั่งอยู่ข้างเขา บ็อบ สวอน ซีอีโอของ Intel พูดขึ้นมากะทันหันว่า
“ผมได้ยินมาว่าพวกเขาทำงานกับรัฐบาลจีนในด้านการออกแบบวงจรรวม”
“พวกเขา” ที่บ็อบพูดถึงคือ HiSillicon
เมย์เบอร์รี่ยังมีสายตาดูถูก ในขณะที่เขาเลิกคิ้วขึ้น
“อ๋อเหรอ นี่คือบริษัท ‘ไฮเทค’ ของจีน?”
บ็อบ สวอน พูดว่า “อย่าประมาทพวกเขาดีกว่า อย่างไรเสียเราเพิ่งเข้าด้านฟิวชั่นที่ควบคุมได้ แต่พวกเขาได้ให้พลังงานไฟฟ้ากับโรงงานของเราที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
แต่นิวเคลียร์ฟิวชั่นและชิปแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมย์เบอร์รี่เบ้ปากอย่างไม่พอใจ
ผู้นำเสนอที่ดูเหมือนเด็กฝึกงานบนเวทีพูดขึ้นในที่สุด
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาพูดนำเสนอเป็นครั้งแรก เขาสูดหายใจเข้าลึกหลายครั้งเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลง ก่อนที่เขาจะพูดเปิด
คนมีชื่อเสียงนั่งอยู่แถวหน้าส่งสายตาให้กำลังใจชายคนนี้ ซึ่งรวมไปถึงบ็อบ สวอนและเมย์เบอร์รี่
พวกเขาเห็นใจและสนับสนุนคู่แข่งที่ไม่มีพิษมีภัยอย่างชายคนนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ค่อยให้เกียรติเท่าไหร่ แต่โดยผิวเผินพวกเขามีท่าทีสุภาพ
พวกนักธุรกิจเป็นแบบนั้นกัน
ไม่ว่าเด็กน่ารำคาญแค่ไหน ผู้ใหญ่ก็จะอดทนต่อเด็กพวกนั้น
“โปรเจกต์นี้เป็น…โปรเจกต์ร่วมระหว่าง HiSillicon และสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง พวกเราทำงานกับโปรเจกต์นี้มาเกือบสองปี จริงๆ แล้ว ทีมวิจัยของเราควรเป็นคนที่มาอยู่ตรงนี้ในวันนี้ แต่เนื่องจากเหตุผลหลายประการ พวกเขาจึงให้โอกาสนี้กับเราแทน”
การขาดความมั่นใจทำให้ผู้คนสูญเสียความสนใจไปแล้ว
ถึงแม้ว่าชื่อของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงดึงดูดความสนใจของหลายคน พวกเขาจำได้ว่าเด็กฝึกงานเป็นคนนำเสนองาน
ผู้นำเสนอมองดูแถวหน้าและสังเกตเห็นว่ามีคนชื่อดังหลายคนเริ่มพูดคุยกันเอง ผู้นำเสนอเริ่มมีท่าทีกระวนกระวายในขณะที่เขาเริ่มพูด
“ลำดับต่อไปเขาจะแสดงพาวเวอร์พอยต์
มันเป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับชิปฐานคาร์บอน…”
เมื่อเขาพูดไปได้ครึ่งประโยค
ทันใดนั้น เขาพบว่าทั้งห้องประชุมนิ่งเงียบ
มันเงียบจนรู้สึกน่ากลัว
…………………………