ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1070 เศษเสี้ยวของโลก
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1070 เศษเสี้ยวของโลก
กระจายการคำนวณ?
เมื่อลู่โจวได้ยินคำนี้ เขาขมวดคิ้ว
เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคอนเซ็ปต์นี้ และเขามีไอเดียในหัวอยู่แล้วบ้าง
คุณขยายความได้ไหม?
ได้ครับ…
มันไม่มีเหตุผลที่ลูเมียร์ต้องปกปิดความคิดของตัวเอง มันเป็นเรื่องดีกว่าในการเผยไอเดียของเขา เนื่องจากว่ามันจะเพิ่มโอกาสให้เขาทำงานกับลู่โจว
ลู่โจวลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะพูดอธิบายไอเดีย
โดยพื้นฐาน เขาใส่เอาท์พุทสัญญาณไฟฟ้าเดียวกันผ่านดีโมดูเลเตอร์เส้นประสาท เมื่อสมองได้รับข้อมูล ผู้คนอาจจะตีความข้อมูลแตกต่างกันไป มันคล้ายกับปริศนาสองชุดที่มีรูปทรงและชิ้นส่วนเหมือนกัน ถ้าภาพบนชิ้นส่วนต่างกัน ปริศนาสุดท้ายจะแตกต่างกัน…ผมพูดถูกไหม?
ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า
พูดโดยประมาณ
งั้น ปัญหานี้ก็น่าจะแก้ไขง่าย ศาสตราจารย์ลูเมียร์ดีดนิ้วและพูดต่อ สมองเป็นกล่องดำ และพวกเราแทบไม่รู้เลยว่ามันแปลงสภาพข้อมูลอย่างไร แต่เราสามารถสร้างโมเดลสถิติโดยการบันทึกอินพุทและเอาท์พุทที่ไปยังสมอง
ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องฟิสิกส์? มันน่าจะมีชื่อว่าการสังเกตทางอ้อม? บางอย่างประมาณนั้น โดยทั่วไปจากการใช้โมเดลสถิตินี้เราสามารถหาความแตกต่างระหว่างชิ้นส่วนปริศนา และสร้างโมเดลตอบรับหนึ่งต่อหนึ่งระหว่างสัญญาณไฟฟ้ากับสัญญาณสมอง
ถ้ามันมีภาพเลือนรางที่ดูคล้ายวัว แกะ และม้า ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็จะเห็นภาพต่างกันแน่นอน แต่ถ้าเริ่มกันที่แม่สีสามสี จากนั้นก็เสียงพื้นฐาน 44 เสียง และค่อยๆ ใช้ชิ้นส่วนปริศนาเพื่อสร้างรูปภาพขึ้นมา…
นอกจากคนที่ตาบอดสีหรือหูหนวก เราสามารถสร้างโลกที่ตอบสนองให้ทุกคนได้
หลังจากได้ยินที่ศาสตราจารย์ลูเมียร์พูด ลู่โจวดูมีท่าทีสนใจ
แต่เขาไม่ได้ให้คำตอบในทันที หลังจากที่เขาพิจารณาข้อดีและข้อเสีย เขาพูดว่า
ไอเดียน่าสนใจ…หาชุดคำสั่งที่สามารถตีความโดยสมองได้ถูกต้องผ่านโมเดลสถิติ สร้างการตอบสนองหนึ่งต่อหนึ่งกับโมดูเลเตอร์เส้นประสาท มันเป็นไอเดียดี แต่ในทางฟิสิกส์ มันมีไอเดียที่เรียกว่า ‘มากคือน้อย’ เราทำเหมือนว่าสมองเป็นกล่องดำ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันตอนนี้ เราไม่สามารถเข้าใจวิธีการประมวลผลข้อมูลของมันจนกว่าเราสามารถดาวน์โหลดสำเนาของการแต่งเส้นประสาทของผู้ใช้แต่ละคน แต่นั่นแทบเป็นไปไม่ได้จริง
ลูเมียร์พูดทันทีว่า ใช่ สมองเป็นกล่องดำ ผมบอกตั้งแต่แรกแล้ว ทุกคนมีความสามารถที่จะคิดอย่างเป็นอิสระ ทุกคนมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง แต่เราสามารถสหสัมพันธ์ได้
ผมเลยคิดว่าการกระจายการคำนวณสามารถแก้ปัญหานี้ได้!
พวกเราแค่ต้องการขนาดตัวอย่างที่มากเพียงพอ!
ถ้าคนหนึ่งพันคนเห็นปริศนาเหมือนกัน เราสามารถใช้ปริศนานี้เพื่อสร้างส่วนหนึ่งของโลกขึ้นมา! ยิ่งเรามีปริศนามากเท่าไหร่ โลกก็จะยิ่งมีรายละเอียดมากขึ้น!
ลูเมียร์อธิบายไอเดียของเขาอย่างละเอียด
โดยทั่วไปแล้ว เขาอยากหาอินพุทที่สร้างโดยสัญญาณประสาทบางตัวในสมองมนุษย์และสร้างการติดต่อกันระหว่างสัญญาณเส้นประสาทและภาษาเครื่องจักรโดยใช้การทำโปรแกรมเพื่อสร้างโลกทั้งใบขึ้นมา
ยกตัวอย่างเช่น สีแดงอาจจะเป็น 01 สีน้ำเงินเป็น 10 และสีเหลืองเป็น 00 จากการผสมสี โค้ดตัวอักษรพวกนี้สามารถสร้างสีใหม่ขึ้นมาได้ทั้งหมดในสมองของมนุษย์
มันเป็นเพราะว่าทุกคนรู้ว่าสีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลืองเป็นอย่างไร
สิ่งนี้เป็นเพียงแค่พื้นฐาน มันอาจเกิดขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่วิธีการกระจายการคำนวณ ในความเป็นจริง มันคือวิธีการที่ลู่โจวสร้างโลกที่เต็มไปด้วยหญ้าสีน้ำเงินที่เฉินยู่ซานเห็น
เป้าหมายสูงสุดของวิธีการวิจัยแบบการกระจายการคำนวณกับระบบความจริงเสมือนคือการสกัดองค์ประกอบที่สมองตีความว่าเป็นผลเฉลยของชุดข้อมูลคล้ายกับแม่สีทั้งสาม ด้วยวิธีนี้สมองของทุกคนสามารถไปถึงฉันทามติโดยไม่ขัดแย้งกันในโลกวีอาร์
ลู่โจวครุ่นคิดอยู่สักพักและลูบคางอย่างตื่นเต้น
…วิธีการสร้างระบบผ่านวิธีการคำนวณแบบกระจายค่อนข้างน่าสนใจ ผมจะทำการวิจัยเรื่องนี้
เมื่อเห็นว่าลู่โจวไม่มีแผนจะร่วมงานด้วย เขาเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย เขารีบพูดว่า
รอเดี๋ยว คุณไม่ได้มีแผนจะเพิ่มผมเข้าโปรเจกต์ใช่ไหม? คุณวางแผนว่าจะทำโปรเจกต์ใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวเองจริงๆ เหรอ? มันเป็นไปไม่ได้…ถึงแม้ว่าคุณลองทำ มันคงใช้เวลาสิบชาติ ถ้าคุณสามารถจัดหาทุนวิจัยได้หมด ผมยินดีจะมอบสิทธิบัตรทั้งหมดให้กับคุณ ได้โปรด ให้ผมร่วมงานกับคุณด้วย! ผมสัญญาว่าผมจะทำตัวมีประโยชน์
ลูเมียร์ยินดีที่จะเสียสละทุกอย่าง
ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องสิทธิบัตร
นักวิชาการที่ช่วยบริษัททำการวิจัยต้องเซ็นสัญญาว่าจะต้องเสียการครอบครองสิทธิบัตรที่เกิดขึ้นมา มีเพียงนักวิชาการเบอร์ใหญ่ที่จะสามารถเจรจาต่อรองกับอุตสาหกรรมได้ ศาสตราจารย์ทั่วไปโชคดีแล้วที่ได้รับเงินทุน
ในความเป็นจริงลูเมียร์ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ชอบเงิน แต่เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าคุณสมบัติที่สำคัญของนักวิชาการคือชื่อเสียง
ชื่อเสียงของนักวิชาการเป็นการแสดงคุณสมบัติด้านวิชาการ
ถ้าเขามีชื่อเสียงเพียงพอและถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับท็อปโดยชุมชนวิชาการ เราจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ถ้าเขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งระบบความจริงเสมือน ผู้คนจะร้องขอเพื่อว่าจ้างเขา
เมื่อลู่โจวได้ยินน้ำเสียงเว้าวอนและร้อนรนของศาสตราจารย์ลูเมียร์ เขายิ้มให้และส่ายหน้า
ไร้เดียงสาเสียจริง
แต่เขาค่อนข้างจริงใจ
ถึงลู่โจวไม่ค่อยชอบนิสัยของศาสตราจารย์ลูเมียร์ มันมีสิ่งหนึ่งที่สะท้อนใจเขา
ถ้าเกิดนักวิชาการด้านเครือข่ายเส้นประสาทชีววิทยาร่วมการวิจัยกับเขา มันจะทำให้เรื่องหลายอย่างง่ายขึ้นเยอะ
ท้ายที่สุดแล้วลูเมียร์เป็นคนคิดไอเดียการคำนวณแบบกระจายขึ้นมา เขาจึงน่าจะรู้การใช้งานอัลกอริทึม
ผ่านไปสักพัก ลู่โจวพูดขึ้น
มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจริงใจแค่ไหน
ลูเมียร์นั่งไปชั่วครู่
เขาไม่รู้ว่าดอกเตอร์ซีหมายความว่าอย่างไร
เขาขมวดคิ้วในขณะที่พูดอย่างประหม่า
คุณต้องการอะไร? เงินเหรอ? ผมไม่ได้รวยเลยนะ—
ลู่โจวพูดขัดขึ้นมาว่า วันที่ 20 เดือนนี้ มีงานซัมมิทการประยุกต์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกจัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ ถ้าคุณสามารถมาได้ เราก็จะได้คุยกันต่อหน้าเกี่ยวกับการวิจัย
ลูเมียร์ตอบโดยไม่ลังเล ผมจะหาคุณเจอได้อย่างไรตอนที่ผมถึงเซี่ยงไฮ้? อีเมลไหน?
ลู่โจวยิ้มสบายใจและตอบกลับ คุณไม่ต้องตามหาผม
คุณจะเห็นผมเมื่อคุณมาถึง
…………………………..