ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 1231 ไปหานักวิชาการลู่!
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 1231 ไปหานักวิชาการลู่!
บริษัทที่ครอบครองทรัพยากรหายากจะได้ข้อได้เปรียบในการเจรจาเสมอ เนื่องจากทรัพยากรหายากเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ ต่อให้มันมีราคาแพงขึ้นมานิดหน่อย แต่ฝั่งที่ตกลงทำการค้าด้วยก็มักจะยอมอยู่ดี
ในกรณีนี้ เทคโนโลยีโฮโลแกรมที่ NTT ชำนาญก็นับว่าเป็นทรัพยากรหายากเช่นกัน
ถึงจะมีบริษัทอื่นที่ทำเทคโนโลยีฉายโฮโลแกรมเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีบริษัทไหนที่ชำนาญเท่า ไม่เคยมีบริษัทใดเลยที่มีประสบการณ์ในการสร้างเทคโนโลยีภาพฉายโฮโลแกรมในสถานที่สเกลใหญ่มาก่อน
สุดท้ายแล้ว หลังจากเจรจาต่อรองราคากันอย่างดุเดือดจนดีลเกือบจะล่ม ทั้งสองฝ่ายก็มาถึงจุดกึ่งกลางที่ยอมกันในที่สุด เหมือนที่นากาโอกะ เคย์อิจิคาดไว้
ราคาของ NTT กรุ๊ป ลดลงมาเป็นห้าหมื่นล้านเยนจากเดิมหนึ่งแสนล้านเยน
ผู้อำนวยการโอวค่อนข้างพอใจทีเดียวที่ราคาลดลงมาครึ่งหนึ่ง
ถึงมันจะยังแพงอยู่ดี แต่อย่างน้อยคนที่อยู่เบื้องบนก็น่าจะพอใจเหมือนเขา
แม้ภายนอกแล้วใบหน้าของนากาโอกะ เคย์อิจิจะฉายแววขมขื่น แต่ในใจเขากลับกำลังมีความสุข
ราคาโดยรวมของอุปกรณ์ทั้งหมดมีเพียงหนึ่งหมื่นล้านเยนเท่านั้น ซึ่งแปลงเป็นเงินหยวนจะได้ค่ามากกว่าหกร้อยล้านหยวน ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการสามารถปิดดีลราคาหนึ่งหมื่นล้านเยนในราคาที่ก้าวกระโดดไปถึงห้าหมื่นล้านเยนได้
หลังจากที่เจรจาเรื่องราคากันสำเร็จทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู่การร่วมมือระยะถัดไปอย่างรวดเร็ว
นากาโอกะ เคย์อิจิให้ทีมผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานใหญ่มาทำการตรวจสอบโครงสร้างอาคารรังนกในพื้นที่จริงแบบละเอียด จากนั้นพวกเขาก็ดัดแปลงดีไซน์ตามความต้องการของฝั่งจีน
ในเมื่อประเทศจีนเป็นฝ่ายที่จ่ายเงิน พวกเขาจึงมีสิทธิ์ควบคุมทุกอย่าง
แต่การร่วมมือครั้งนี้ก็ไม่ได้ราบรื่นไปเสียหมด
หลังจากที่วางแผนก่อสร้างสำเร็จ ทั้งสองฝ่ายก็มีข้อขัดแย้งกัน
สามเดือนสั้นเกินไปครับ!
นากาโอกะ เคย์อิจิมองทั้งผู้อำนวยการโอวและผู้อำนวยการหลิวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เขาวางมือทาบโต๊ะแล้วพูดว่า เวลาสามเดือนมีพอแค่ให้เราเตรียมอุปกรณ์ที่คุณต้องการเท่านั้น ต่อให้เราทำทั้งเตรียมของและส่งอุปกรณ์การผลิตในเวลาเดียวกัน เวลาสามเดือนก็ไม่มีทางทำให้มันออกมาในแบบที่คุณต้องการได้หรอก
ผู้อำนวยการโอวแย้งว่า แต่พวกคุณก็มีโกดังเก็บของนี่ครับ? ถ้าเกิดเราย้ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ไปไว้ในโกดังเก็บของก่อน…
โกดังเก็บของที่ว่าเป็นคำสั่งซื้อของคนอื่นครับ! ตามกฎแล้วพวกเราทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว นากาโอกะ เคย์อิจิส่ายหัวแล้วพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าวว่า อีกอย่างเทศกาลของพวกคุณก็จะจัดเดือนตุลาคม แล้วยังจะจัดตอนต้นเดือนด้วย พวกเราจะเอาของมาส่งได้ก็ช่วงกลางเดือนกันยายน เวลาครึ่งเดือนจะมากพอให้พวกคุณเตรียมโชว์เหรอครับ?
หลิวเหว่ยเริ่มโมโห เขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้
สองสัปดาห์จะไปพอได้อย่างไรกัน! พวกเราเตรียมโชว์ฉลองวันชาตินะ ไม่ใช่โชว์กระจอกงอกง่อย!
เคย์อิจิ นากาโอกะก็ยืนขึ้นที่โต๊ะประชุมเช่นกัน สี่เดือน เราให้ลิมิตได้แค่นี้ครับ พวกเราจะขนส่งระบบนี้มาให้พวกคุณได้เร็วสุดก็ต้นเดือนกันยายน ถ้านี่ยังไม่ได้ผลแล้วล่ะก็ ผมต้องขออภัยด้วย
ไม่มีทางที่พวกเขาจะเจรจาต่อรองกันเรื่องเวลาได้ มันเป็นเรื่องอยู่ที่ว่าสิ่งนั้นมันเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้
ถึงแม้นากาโอกะ เคย์อิจิจะไม่อยากเสียเวลามาเจรจาต่อรองเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่เขาจะยังทำให้ดีลไม่ล่มได้
ถ้าพูดถึงเรื่องราคาแล้ว เขายังมีแต้มต่อจากราคาสี่หมื่นล้านเยนที่ได้กำไรมาอยู่ แต่เขาไม่สามารถยอมเสียเวลาได้
การเซ็นสัญญาข้อตกลงที่ไม่สามารถทำได้จะหมายความว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าชดเชยราคาแพง
พวกเขาไม่สามารถเสี่ยงกับการต้องจ่ายค่าชดเชยนั้นได้
…
การประชุมจบลง
ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ
เลขาฯ อู๋หยวนหางเป็นคนแรกที่พูดเปิดประเด็นขึ้นมา เขากำหมัดแน่น ปากก็พูดด้วยความโกรธ
คนพวกนั้น…พวกเขารู้ดีว่าทางเราซื้อระบบนี้ได้จากแค่พวกเขาเท่านั้น
ผู้อำนวยการโอวขมวดคิ้วและถอนหายใจ เขาพูดตอบไปว่า บางทีพวกเขาอาจจะมีเหตุผลก็ได้…ผู้กำกับหลิว เวลาหนึ่งเดือนไม่พอจริงๆ เหรอ?
หลิวเหว่ยส่ายหัว
ถึงแม้เขาจะไม่อยากยอมรับเรื่องนี้ แต่มันก็คือความเป็นจริง
ถ้าจะให้ทีมของผมทำความคุ้นเคยกับระบบทั้งระบบอาจจะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน…ถ้านี่ไม่ได้ผลล่ะก็ บางทีคุณอาจจะลองหาผู้กำกับที่เชี่ยวชาญทางเทคนิคมากกว่าผมไหม? เพราะอย่างไรการเฉลิมฉลองวันชาติก็เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
หลิวเหว่ยไม่อยากต้องเป็นคนรับผิดชอบโชว์นี้อีกต่อไปแล้ว
การได้เป็นผู้กำกับในงานเฉลิมฉลองวันชาติอย่างนี้จะส่งผลดีกับอนาคตในหน้าที่การงานของเขาก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะสร้างปัญหาขนาดนี้
แค่ต้องมานั่งเรียนรู้วิธีถ่ายงานในแบบที่เขาไม่เคยทำมาก่อนก็ปวดหัวพอแล้ว แต่นี่พวกเขายังจะได้รับอุปกรณ์ไม่ทันเวลาอีก
เขาเตรียมตัวเพื่อการเฉลิมฉลองนี้มาครึ่งปีแล้ว สภาพจิตใจของเขาได้พังไปเป็นที่เรียบร้อย
ให้ตายก็ไม่มีทางเปลี่ยนคน! ผู้อำนวยการโอวพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางจริงจัง สกิลการกำกับของคุณอยู่ในระดับขั้นเทพแล้ว หน่วยงานของเราก็เห็นด้วยว่าควรจะวางใจมอบหมายงานสำคัญให้คุณ จะเปลี่ยนตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว…เสี่ยวอู๋ ไปถามคนอื่นสิว่ามีบริษัทที่ทำโฮโลแกรมไหนเหมาะกว่านี้ไหม ช่างหัวพวกคนญี่ปุ่น ไปหาบริษัทที่ทำตามที่พวกเราต้องการได้มา!
อู๋หยวนหางมีรอยยิ้มขมขื่นอยู่บนใบหน้า
ได้ครับ! ผมจะไป…
จริงๆ แล้วการเปลี่ยนตัวผู้กำกับก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ผู้กำกับที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีถ่ายภาพโฮโลแกรมก็คือคนกลุ่มเดียวกับที่กำกับงานโอลิมปิกที่โตเกียวนั่นแหละ แต่พวกเขาจะไปเชิญผู้กำกับต่างชาติมาทำงานเฉลิมฉลองวันชาติจีนได้อย่างไรกัน
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องอุปกรณ์แล้ว
ถ้ามีชื่อของผู้กำกับต่างชาติอยู่ในรายชื่อโปรดิวเซอร์ล่ะก็ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม…
ถ้าพวกเขาเปลี่ยนตัวผู้กำกับไม่ได้ บางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนผู้ผลิตอุปกรณ์ได้หรือเปล่า?
อู๋หยวนหางไปปรึกษาคนหลายคนในวงการ แต่คำตอบที่ได้มาก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วกันหมด
ในปัจจุบันบริษัทที่มีเทคโนโลยีภาพฉายโฮโลแกรมก้าวหน้ามีแต่บริษัทของญี่ปุ่นทั้งนั้น และเทคโนโลยีโฮโลแกรมในญี่ปุ่นก็มี NTT เป็นผู้นำ พวกเขาเป็นบริษัทที่ชนะการประมูลการก่อสร้างระบบโฮโลแกรมให้งานโอลิมปิกที่โตเกียว วิศวกรที่ตีพิมพ์งานวิจัยส่วนใหญ่ลง IEEE ในวงการนี้ต่างก็เป็นพนักงานของ NTT กรุ๊ปกันทั้งนั้น
ต่อให้พวกเขาเปลี่ยนผู้ผลิตอุปกรณ์ สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นอยู่ดี
ดังนั้น เมื่อสำนักงานกระทรวงความบันเทิงเริ่มมองหาผู้ผลิตรายอื่น NTT กรุ๊ป จึงไม่ได้ตื่นตกใจแต่อย่างใด พวกเขาแค่อยู่เฉยๆ แล้วก็รอดูสถานการณ์ไปชิลๆ
ผู้อำนวยการโอวรู้สึกอับจนหนทาง สุดท้าย เขาก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการหลี่
พอผู้อำนวยการหลี่ได้ยินเรื่องราวของผู้อำนวยการโอว เขาก็รู้สึกโมโห
ใครแม่*บอกให้คุณไปดีลงานกับพวก NTT ล่ะ!
เขาโกรธเสียจนอดสบถออกมาไม่ได้
โอวไห่เฟิงพูดไม่ออก หลังจากนั้นพักหนึ่งเขาก็พูดขึ้นได้ว่า จะให้พวกเราไปหาใครล่ะคุณ…ก็พวกนั้นเป็นพวกที่เก่งที่สุดในโลกนี่นา
นี่คุณบ๊องเหรอไง? ผู้อำนวยการหลี่บ่น ถ้าคุณมีปัญหาก็ไปหานักวิชาการลู่!