ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 544
ตอนที่ 544 การร่วมมืออย่างเต็มที่
Ink Stone_Fantasy
ทันทีที่ลู่โจวปิดคอมพิวเตอร์ เขาก็เหมือนจะรู้สึกหิวนิดหน่อย
นี่ก็เที่ยงแล้ว เขาได้ส่งข้อความถึงหวังเผิง จากนั้นก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงไปชั้นล่าง ลู่โจวเดินไปขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางไปยังโรงอาหารของฐานการก่อสร้าง
โรงอาหารนี้ตั้งอยู่ด้านในของไซต์งานก่อสร้าง เดิมทีที่นี่ถูกสงวนไว้สำหรับโครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้านิวเคลียร์ระยะที่สาม ถึงอย่างไร ตอนนี้มันก็กลายมาเป็นโรงอาหารไปเสียแล้ว
เช่นเดียวกับนักวิจัยคนอื่น ลู่โจวเองก็เพิ่งมาอยู่ที่เมืองไห่โจวได้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรเลยด้วยซ้ำ
แม้ว่าลู่โจวจะคุ้นเคยกับการทำอาหารด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จู้จี้จุกจิกขนาดนั้น ทุกวันนี้เขาก็เหมือนกับนักวิจัยคนอื่นๆ ซึ่งก็คือต้องมาทานอาหารสามมื้อที่นี่อยู่ตลอด
ความจริงแล้ว อาหารที่นี่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด หัวหน้าพ่อครัวที่ดูแลที่นี่ก็ย้ายมาจากกองกำลังทหาร
ว่ากันว่าเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความอร่อยของอาหารให้กับเหล่านักวิจัยวิทยาศาสตร์ที่มีมากกว่าสองพันคน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็ได้ไปฝึกทักษะในการทำอาหารเพิ่มมาเพื่อการนี้
หวังเผิงเป็นคนเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ลู่โจวฟังมาโดยตลอด
อาหารในโรงอาหารแห่งนี้มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัด ปลาทอด ขาหมูตุ๋นและผักหรือผลไม้ตามฤดูกาล
ลู่โจวพลันขอให้หวังเผิงเดินกลับไปซื้อซุปเห็ดกลับมาให้ ในตอนนั้นเอง เขาก็กลับไปที่โรงอาหารอีกครั้งเพื่อนั่งทานอาหารเย็น
ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไป ลู่โจวก็พันครุ่นคิดถึงเรื่องภาพวาดที่ได้มาจากระบบ ในตอนนั้นเอง หวังเผิงก็พูดขึ้นมา
“อ่า มีบางอย่างที่ฉันต้องบอกนาย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็พลันคิดว่าเขาจะต้องพูดถึงเรื่องธุรกิจแน่
“มีอะไรล่ะ?”
“ฉันคิดว่าจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับนายสักหน่อย”
“ความปลอดภัย?” ลู่โจวพลันขมวดคิ้ว “ทำไมกัน?”
หวังเผิงส่ายหัว “ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เผื่อเอาไว้”
“ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น ฉันช่วยเหลือตัวเองได้น่า”
“อ่า ก็เข้าใจ” หวังเผิงกล่าว “ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำให้นายอึดอัดแล้วก็สร้างปัญหาให้นายมากนักหรอก”
ลู่โจวเผยยิ้มและหยิบตะเกียบขึ้นมา “พูดก็พูดเถอะ เรื่องนี้ฉันไม่เคยถามนายเลย… ว่าแต่ หน่วยที่เหนือกว่านายคือหน่วยไหนกัน?”
“นายไม่รู้หรือไงกัน?”
ลู่โจวพลันส่ายหัว “ฉันไม่รู้หรอก เพราะตอนแรกก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้น แต่ก็อยากจะมาถามนายวันนี้เหมือนกัน แต่ถ้าลำบากใจ ไม่ต้องบอกก็ได้นะ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว”
“พูดเป็นเล่นไป นายไม่ใช่คนนอกสักหน่อย” หวังเผิงมองไปยังลู่โจวและพูดขึ้น “ความมั่นคงแห่งชาติ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็มองไปยังหวังเผิงด้วยความสงสัย
“แน่ใจนะ?”
“แล้วฉันจะไปโกหกนายทำไมกัน” หวังเผิงพลันหัวเราะออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่คิดว่า…”
“คิดว่าไม่ใช่หน่วยนี้งั้นเหรอ?”
“ก็ใช่” ลู่โจวพยักหน้า
ถ้าหวังเผิงไม่ได้ใส่แว่นกันแดด ก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย
ลู่โจวพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แต่แน่นอน เขาอาจจะไม่รู้เรื่องนั้นมากก็ได้
ท้ายที่สุดแล้ว ในส่วนของหวังเผิงเอง เขาก็ไม่เข้าใจในแง่ของวิชาการมากนัก
ไม่ช้า หวังเผิงก็กล่าวคำพูดขึ้นอีก “เราไม่เหมือนกับบอดี้การ์ดในหนังสักหน่อย งานที่ได้รับมอบหมายมันคนละอย่างกัน”
หลังจากเหล่มองพ่อครัวที่กำลังสับผักอยู่ ลู่โจวก็เผยยิ้มและพูดติดตลกออกมา “งั้นลองหันไปดูพ่อครัวที่กำลังถือมีดหั่นผักอยู่นั่นสิ ดูมีดในมือเขาสิ ใช่แบบนั้นไหมล่ะ?”
“ไม่ต้องมาล้อกันเล่นกัน” หวังเผิงกระแอม “ฉันอยู่ในกองพลพิเศษต่างหาก แถมทำอาหารให้นายกินไม่ได้ด้วยซ้ำ”
…
หลังจากกลับจากยุโรป ปกติแล้ว โจวเฉิงฟู่ก็จะไปลงที่ปักกิ่งเพื่อไปสะสางเรื่องราวและปัญหาทั้งหลายที่ศูนย์บริหารพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมระหว่างประเทศ
ในขณะที่จีนถอนตัวออกมาจากองค์กร ITER แล้ว เหล่าสมาชิกจากศูนย์บริหารพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมระหว่างประเทศก็พลันรู้สึกอึดอัดใจ
โครงการวิจัยทุกประเภทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กร ITER ก็จะถูกปิดตัวลงอย่างสิ้นเชิง อีกทั้ง เงินทุนก็หักออกไปจากโครงการเครื่องปฏิกรณ์สตาร์เชิงสาธิตรุ่นที่สองด้วย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว มันไม่แตกต่างอะไรกับการถูกยุบโครงการเสียเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น โจวเฉิงฟู่เองก็ยังคงรู้สึกยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้มากเท่าไหร่นัก ทางเบื้องบนเองก็มีเพียงคำสั่งเดียวให้กับพวกเขา นั่นคือการร่วมมืออย่างเต็มที่กับลู่โจวและเข้าร่วมในโครงการเครื่องปฏิกรณ์สตาร์เชิงสาธิตรุ่นสอง
มันคือ”การร่วมมืออย่างเต็มที่”
ทันทีที่ตระหนักถึงประโยคนี้ โจวเฉิงฟู่ก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมา
มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่รู้ว่าจะระบายออกไปที่ไหน
หลังจากที่เขาจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ไม่นาน ก็มีสายเข้ามาระหว่างที่เขากำลังเตรียมทานอาหาร
มันคือสายของนักวิชาการผาน ทันทีที่เห็นชื่อนั้น ปากของโจวเฉิงฟู่ก็กระตุกเล็กน้อย จากนั้น เขาก็กดปุ่มรับสาย
“ว่าไง?”
“เป็นยังไงบ้าง?”
โจวเฉิงฟู่เผยยิ้มอย่างเย็นชา “กำลังรอฟังเรื่องตลกของฉันอยู่หรือไง?”
“เคยคิดก่อนที่จะพูดบ้างไหมเนี่ย?” นักวิชาการผานตอบกลับ
โจวเฉิงฟู่พลันตกใจทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออกไป
จากนั้น นักวิชาการผานก็พลันพูดต่อ
“เราต่างก็เป็นเพื่อนเก่ากัน ถึงแม้ว่านายจะไม่อยากเจอฉันก็เถอะ ส่วนฉันเอง ก็คิดถึงนายแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้นแหละ ยังไงก็เถอะ ฉันมีเหล้าเหมาไถอยู่กับตัวด้วย จะมาไหมล่ะ?”
เดิมทีโจวเฉิงฟู่ตั้งใจจะปฏิเสธ
แต่ท้ายที่สุด เขาก็ตอบตกลง
จากนั้น โจวเฉิงฟู่ก็เดินทางมายังร้านอาหารที่นักวิชาการบอกเอาไว้ในโทรศัพท์ หลังจากรออยู่สักพัก เขาก็เห็นคนที่คุ้นเคยและพนักงานเดินเข้ามา
“ขอของทอดสองจาน”
“ได้เลย”
พนักงานที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ก็เดินไปที่ห้องครัว
นักวิชาการผานเผยยิ้มและมองไปยังโจวเฉิงฟู่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“รถติดนิดหน่อยระหว่างทาง ไม่คิดว่านายจะมาเร็วขนาดนี้”
“ยังไงก็ได้”
นักวิชาการผานกล่าว “ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็เป็นคนชวนนายมาดื่มเหล้าด้วยกันอยู่แล้ว”
โจวเฉิงฟู่พลันขมวดคิ้วทันใด
นักวิชาการผานก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่หยิบแก้วขึ้นมาสองแก้วแล้วรินเหล้าให้โจวเฉิงฟู่
“ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็คิดเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้วนะ ฉันเองก็ยังอยากเข้าใจอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่มันก็ยังมีบางสิ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจดีเลย”
โจวเฉิงฟู่เผยยิ้ม
“ทำไมกัน?”
“ก็อย่างที่บอกนั้นแหละ”
โจวเฉิงฟู่ขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร นักวิชาการผานก็พูดต่อ
“ถ้าจะพูดคุยเรื่องเงิน นายก็คงเบื่อแล้วสินะ ไม่ว่ายังไง นายก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว คงจะไม่เกินไปหรอกนะที่จะพูดว่าที่นี่ก็แผ่นดินของจีน สำหรับนาย คิดว่าจะมีใครบ้างล่ะที่รู้จักชื่อของนักวิชาการโจวอย่างนายในยุคนี้?
จากนั้น โจวเฉิงฟู่ก็กระแอมและกัดฟัน
“ที่ชวนฉันมาดื่ม ก็เพราะจะมาพูดเรื่องนี้งั้นเหรอ?”
นักวิชาการพลันหัวเราะออกมา
“ก็แค่พูดกวนเล่นเอง นายไม่ต้องมาพูดขนาดนั้นก็ได้ สับสนอะไรหรือเปล่า?”
โจวเฉิงฟู่มองไปยังนักวิชาการผานด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“ถ้ามีอะไรจะพูด ก็อย่ามาอ้อมค้อม”
นักวิชาการผานพลันถอนหายใจและจ้องมองไปยังใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของโจวเฉิงฟู่อยู่สักพัก
“นายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
โจวเฉิงฟู่ขมวดคิ้ว
นักวิชาการผานพลันจิบไวน์ขาว ทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องอดีต
“สิบปีผ่านมาแล้วนะ อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป หลายอย่างคงไม่เหมือนเดิมแล้ว ยังไงก็เถอะ เฉียวกงเคยบอกฉันว่าชาวอเมริกันจะเลียนแบบอุปกรณ์ดาวเทียมแล้วก็ต้องการที่จะไล่ตามพวกเราให้ทัน เพราะแบบนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือไปที่เมืองหลิงหยุน”
“แต่หลังจากที่ชาวอเมริกันทำแบบนั้นไม่ได้ พวกเขาก็เริ่มไปติดตามพวกโซเวียตเพื่อสร้างเครื่องโทคาแมก แต่เมืองหลิงหยุนก็ไม่ใช่สถานที่ที่เดินทางไปง่ายขนาดนั้น ยังไงก็เถอะ สำหรับผลงานที่จีนสร้างขึ้น ทั้งหมดนั้นทำให้พวกอเมริกันอิจฉาพวกเราเป็นอย่างมาก แต่ยังไงก็เถอะ ข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องโทคาแมกก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่”
“แต่ยังไง ฉันเองก็คงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ฉันก็แค่ทำตามการทดลองและงานวิจัยของคนอื่น ตอนที่ทำงาน ฉันแทบจะออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเลย ยังไงก็เถอะ ฉันเองก็ยังเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าเราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีของเราเองได้ตราบใดที่เรายังมีส่วนร่วมในการวิจัยที่ล้ำสมัย เราต้องหันมาสนใจองค์กร ITER แล้วคิดหาทางออก ฉันเองก็เขียนจดหมายส่งไปถึงคณะกรรมการกลางที่ยุโรปเพื่อการเจรจาแล้ว แต่ยังไงมันก็ยังคงต้องใช้เวลาอยู่ แต่นายเตรียมตัวรอดูผลลัพธ์ได้เลย”
……………………………….