ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 562
เหยียนเหยียนไม่ใช่คนเดียวที่ถูกตำหนิ
อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ณ ทำเนียบขาว ผู้บังคับการของ CIA ก็กำลังถูกตะโกนใส่เช่นกัน
“ไอ้พวกโง่!
นี่พวกเราต้องให้พวกคนจีนมาบอกพวกเราเองหรือไงว่าพวกนั้นทำอะไรกันอยู่?! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมากี่ครั้งแล้ว หือ?! บอกฉันมา!”
ท่านประธานาธิบดีไม่ได้นอนมา 24 ชั่วโมงแล้ว
ต่อให้พยายามปกปิดด้วยเครื่องสำอางก็ยังไม่สามารถซ่อนถุงใต้ตาขนาดใหญ่นั่นได้
แต่เพราะตอนนี้เขากำลังเปี่ยมไปด้วยความโกรธ มันเลยทำให้เขารู้สึกมีพลังมากขึ้น
ประมาณ 10 ชั่วโมงก่อน พวกเขายังอยู่ในทำเนียบขาว พยายามวางแผนว่าจะหยุดการทดลองฟิวชั่นที่ควบคุมได้ของจีนอย่างไรดี…หรือไม่อย่างน้อยก็หาวิธีที่อเมริกาจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง
แต่เมื่อเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่กงสุลอย่างมั่นใจเพื่อคุยเรื่องนั้น ท่านทูตซุนก็บอกเขาว่าการทดลองมันสิ้นสุดไปแล้ว
แถมการทดลองยังเป็นไปได้ราบรื่นดีด้วย
นี่เป็นข่าวร้ายที่สุดสำหรับเขา
มันส่งผลกระทบต่อการกลับมาของงานอุตสาหกรรมในนโยบายแคมเปญของเขา มีเพียงการทำตามนโยบายที่วางไว้ให้เป็นจริงและทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งได้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้เขามีโอกาสชนะการเลือกตั้งของปี 2020
แต่ตอนนี้ ประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่สามารถจุดประกายของฟิวชั่นที่ควบคุมได้
ไม่เพียงแต่สิ่งนี้จะทำลายแผนนี้ของเขาเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาอยู่ในจุดที่เลวร้ายอีกด้วย
ถ้าเกิดว่าพวกเขาไม่สามารถตามเทคโนโลยีได้ภายในสามปีแล้วล่ะก็ เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีน แล้วถึงตอนนั้นพวกเขาจะสู้อย่างไรล่ะ?
ภาษีทางการค้าเหรอ?
หรือด้วยราคาน้ำมัน?
ถึงตอนนั้นประเทศจีนจะสนใจคำขู่พวกนี้เหรอ?
มันมีความแตกต่างขั้นพื้นฐานอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ของกำลังการผลิตในสังคมกับการพัฒนาการแข่งขันของตลาด มันก็เหมือนกับที่ล้อที่พัฒนาแล้วสามารถทำให้รถม้าเคลื่อนที่ได้ไวกว่าและมั่นคงกว่านั่นแหละ แต่รถม้านั่นจะไม่มีทางตามรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทันเลย
จีน่าที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะออฟฟิศก็เริ่มอธิบายอย่างใจเย็น “ดิฉันยอมรับค่ะว่าสิ่งนี้เป็นความผิดของหน่วยงานเรา แต่ความผิดไม่ได้อยู่กับตัวเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทั้งหมดนะคะ…ทั้งเมืองไห่โจวมีกองกำลังอยู่ค่ะ ชาวต่างชาติคนไหนก็ตามที่เข้าไปจะถูกตามรอย ข่าวเรื่องฟิวชั่นอิกนิชั่นที่พันธมิตรของพวกเราในเอเชียให้มานั้นมีความเสี่ยงสูง…แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะวางแผนทดสอบการทดลองวันสิ้นปี แทนที่จะเป็นวันปีใหม่เลยค่ะ”
สิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก
ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายหน่วยข่าวกรองแบบไหนก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาและก่อร่างสร้างตัวทั้งนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเตรียมตัวป้องกันหน่วยข่าวกรองเอาไว้ล่วงหน้าอย่างตั้งใจ ทำให้การจะได้ข้อมูลมาเป็นสิ่งที่ยากมาก
โปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตเพิ่งดำเนินมาในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเต็มเลยด้วยซ้ำ
ไม่มีใครคิดว่าประเทศจีนจะประสบความสำเร็จด้วยความเร็วในระดับนั้น
ยิ่งเมื่อลองคิดว่ากลุ่ม ITER ก็ทำโปรเจกต์นี้มามากกว่า 20 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่ทำเนียบขาวที่คิดว่าประเทศจีนไม่สามารถทำโปรเจกต์นี้ให้สำเร็จในเวลาเร็วได้ นักวิชาการและห้องปฏิบัติการประจำแต่ละประเทศจากกระทรวงพลังงานก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
ตั้งแต่ที่ประเทศจีนออกจากกลุ่ม ITER คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าพวกเขาสูญเสียโอกาสเดียวของเขาไปแล้ว
แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม
พวกเขาไม่ใช่ประเทศที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในวงการฟิวชั่น
แต่พวกเขาเป็นฝ่ายที่ทิ้งทั้งโลกไว้เบื้องหลัง…
อย่างไรก็ตาม ท่านประธานาธิบดีไม่อยากได้ยินคำอธิบายข้อนี้ “จะไปตายที่ไหนก็ไป”
ใบหน้าของจีน่าซีดเผือด เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากประตูออฟฟิศ
เฮล์มปรากฏตัวขึ้นที่ประตู เช่นเดียวกันกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาอย่าง ไมค์ พอมเพโอ
ทั้งจีน่าและท่านประธานาธิบดีก็หันไปมองเขา
จีน่าหรี่ตาและจ้องไปที่เฮล์ม
เหมือนกับเธอกำลังจะถามว่า…
“นายยังกล้าโผล่หน้ามาที่นี่อีกเหรอเนี่ย?”
เฮล์มสะดุ้งอย่างไม่ตั้งใจ เขาเตรียมตัวมาอธิบายแล้ว แต่ไมค์ก็แตะบ่าเขา
จากนั้นไมค์ก็หันไปมองท่านประธานาธิบดีแล้วยิ้มพร้อมกับอ้าแขน
“สถานการณ์ไม่ได้แย่เหมือนที่พวกเราคิดไว้นะครับ มันก็ยังมีข่าวดีอยู่”
ท่านประธานาธิบดีสูดจมูก
“อ้อเหรอ? ฉันนึกอะไรที่เรียกว่าเป็นข่าวดีไม่ออกแล้วล่ะ”
“มันเป็นข่าวดีแน่นอนครับ” ไมค์ยิ้มแล้วหันไปมองที่เฮล์ม จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เฮล์มได้หาทางชดเชยให้กับความผิดพลาดของเขาแล้วครับ เฮล์ม บอกข่าวดีกับท่านประธานาธิบดีสิ”
เฮล์มมองไปที่จีน่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า
“เมื่อสองชั่วโมงก่อน ตามที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองในประเทศจีนบอกมานะครับ…ลู่โจว หัวหน้าหนักออกแบบโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิต อยู่ในภาวะโคม่าครับ ตอนนี้เขาอยู่ห้อง ICU ที่โรงพยาบาล 301 ถึงพวกเราจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าอาการเขาเป็นอย่างไร และก็ยังไม่ทราบสาเหตุของการโคม่าครั้งนี้ แต่เขาก็อาจจะตกอยู่ในสภาพผักเรื้อรัง[1]ได้ครับ…”
ท่านประธานาธิบดีตกตะลึง
หัวหน้า CIA อย่างจีน่าก็ตกตะลึงเช่นกัน
ลู่โจว…ล้มป่วยอย่างนั้นเหรอ? อยู่ในภาวะโคม่า?
เขาอาจจะตกอยู่ในสภาพผักเรื้อรังได้เหรอ?
ท่านประธานาธิบดีลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นในทันที เขาทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ทำได้ดีมาก เหมือนกับพระเจ้ายังอยู่ข้างเรานะ!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยีเทคโนโลยีที่ควบคุมได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ลู่โจวก็ไม่ได้เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญอีกต่อไป
แต่ท่านประธานาธิบดีก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
เจ้าผู้ชายน่ารำคาญคนนั้นหายไปเสียที
ฉันหวังว่าลู่โจวจะไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลยนะ!
เมื่อเห็นท่านประธานาธิบดีอารมณ์ดี เฮล์มก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น เขาพูดต่อว่า “ผมยังคิดว่าพวกเราละเลยบุคคลที่สำคัญที่สุดของประเทศจีนในวงการนิวเคลียร์ฟิวชั่นนะครับ พวกเรายังไม่ใส่ใจกับเขามากพอ
“ถ้าตามที่ผมหาข้อมูลมา ศาสตราจารย์ลู่เป็นคนสำคัญของโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ทั้งโปรเจกต์ครับ เขานำกลุ่มวิจัยหลายสิบกลุ่มมาอยู่ด้วยกันได้ ไม่ใช่แค่เพราะรัฐบาลช่วยเขาอย่างเดียว แต่ยังเป็นออร่านักวิชาการที่เขามีส่วนตัวด้วยครับ เขามีไอเดียที่แจ่มชัดมากว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้ได้อย่างไร
ถ้าเขามีปัญหาสุขภาพแล้วล่ะก็ อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ของประเทศจีนก็จะต้องหยุดนิ่งอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ครับ ถ้าตามที่หัวหน้าของห้องปฏิบัติการแห่งชาติลิเวอร์มอร์ลอว์เรนซ์พูดมา ถึงแม้ประเทศจีนตอนนี้จะนำหน้าในเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้นำพวกเราไปไกลนัก นอกจากนั้นแล้ว พันธมิตรในยุโรปของพวกเราก็ยังมีความต้องการพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชั่นอยู่เช่นกันครับ พวกเขาถูกรัสเซียกดดันมานานเกินไปแล้ว ตราบใดที่พวกเราร่วมมือกัน พวกเราก็มีโอกาสที่จะตามทันครับ”
พวกเขาต้องการแค่เวลาเพิ่มอีกนิดเท่านั้น
ทุกคนดูมีความสุขขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเฮล์ม
รัฐมนตรีต่างประเทศยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมรู้ว่ามันยังมีความหวังอยู่ในเรื่องทั้งหมดนี้ ผมมีความคิดดีๆ แล้ว ในเมื่อข่าวเรื่องภาวะโคม่าของลู่โจวยังเป็นความลับอยู่ พวกเราสามารถเป็นกลุ่มแรกที่ปล่อยข่าวนี้ในพื้นที่เล็กๆ ของหนังสือพิมพ์ได้ แล้วตรวจเช็กปฏิกิริยาของจีนครับ”
ท่านประธานาธิบดีพูดว่า “แล้วอย่างไรต่อล่ะ?”
ไมค์ยิ้มแล้วพูดต่อ “จากนั้นเราก็ใช้เรื่องสุขภาพของลู่โจวเป็นข้ออ้างในการกดดันพวกเขาเล็กน้อย ต่อมาก็…”
มันไม่สิ่งที่เรียกว่ากำแพงที่ทลายไม่ได้หรอก
ในยุคสมัยของเทคโนโลยีข่าวสาร ไม่มีอะไรที่จะถูกเก็บไว้เป็นความลับได้ตลอดไป
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีก็ตาม
ไม่ช้าก็เร็ว ทุกอย่างจะต้องออกมาสู่สาธารณะ
วันต่อมา บนหน้าที่สี่ของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันสตาร์ ก็มีหัวข้อข่าวที่แปลกประหลาดอยู่หัวข้อหนึ่ง
ว่าด้วยการที่ลู่โจว อดีตศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและผู้ได้รางวัลโนเบล ชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ของประเทศจีนคนนั้น เขาล้มป่วยลงเนื่องจากทำงานมากเกินไป
ข่าวชิ้นนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อะไรในอเมริกา อันที่จริงแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่สังเกตเห็นข่าวนี้ด้วยซ้ำ
จนกระทั่งข่าวเล็กๆ นี้ถูกส่งต่อเข้าทวิตเตอร์และเผยแพร่ข้ามมหาสมุทรไป
ในที่สุด ข่าวภาวะโคม่าของลู่โจวก็ถูกเปิดเผยต่อประชาชนชาวจีนในประเทศ…
…………………………
[1] ภาวะที่ผู้ป่วยซึ่งได้รับความเสียหายรุนแรงที่สมองซึ่งเคยอยู่ในภาวะโคม่าได้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะตื่นโดยไม่มีสติรู้ตัว ผู้ป่วยที่อยู่ใน สภาพผัก เป็นเวลา 4 สัปดาห์จะจัดกลุ่มเป็นสภาพผักเรื้อรัง และหากยังคงอยู่สภาพผักเรื้อรังอีก 1 ปีจะถือเป็น สภาพผักถาวร