ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 564 ขอบคุณจริงๆ!
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 564 ขอบคุณจริงๆ!
ตอนที่ 564 ขอบคุณจริงๆ!
“คุณร้องไห้ทำไมน่ะ?”
ลู่โจวมองเหยียนเหยียนที่ตาบวมแดง หลังจากเสียเวลาพักหนึ่ง เขาก็สามารถดึงเครื่องช่วยหายใจออกมาได้
แล้วเขาก็นิ่งไปชั่วครู่
เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองยังก่งก๊งอยู่ เขาจำไม่ได้ว่าเขาไปทำอะไรให้เธอต้องเสียใจนะ
ลู่โจวไม่รู้ว่าเหยียนเหยียนตื่นเต้นหรือกำลังเศร้าโศกกันแน่ เพราะตาของเธอแดงขึ้นเรื่อยๆ
เหยียนเหยียนใช้แขนตัวเองปาดน้ำตา บุคลิกจริงจังของเธอก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ หยดน้ำตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วไหลลงที่ขอบตาของเธอ
“ฉันคิดว่า…ฉันคิดว่าคุณจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”
ในระหว่างช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เธอถูกตำหนิอย่างรุนแรงหลายครั้ง ทำให้เธอรู้สึกทุกข์ทรมานมาก
แม้แต่…
แม้แต่พ่อของเธอก็ไม่อยากจะเห็นหน้าเธอเลย
ลู่โจว “…”
ถึงแม้ลู่โจวจะเข้าใจว่าเธอห่วงเขามากแค่ไหนก็ตาม เขาก็รู้สึกว่าถ้ามีคนเข้ามาในห้องตอนนี้ มันคงจะเกิดการเข้าใจผิดแปลกๆ แน่นอน
ลู่โจวไม่แน่ใจว่าควรจะปลอบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจว่าจะไม่ทำ
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว เธอคงจะไม่ต้องการให้เขาปลอบหรอก
ดังนั้น เขาจึงกระแอมแล้วขอร้องเธออีกครั้งหนึ่ง “ช่วยเอาโทรศัพท์มาให้ผมหน่อยสิ?”
“โทรศัพท์ โทรศัพท์เหรอ?”
“โทรศัพท์ผมน่ะ อย่าบอกนะว่าแบตหมดแล้ว” ลู่โจวพยายามจะยกแขนตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่มีแรงเลย
เหมือนกับเขานอนหลับไปนานมาก จนกล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาอ่อนแรงไปหมด
ถึงจะมีคนที่คอยนวดเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการกล้ามเนื้อฝ่อ แต่ร่างกายของเขาก็ยังเหนื่อยล้าพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถในการเผาผลาญของร่างกายเขา ทำให้ร่างกายเขาใช้เวลาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์เพียงแค่สองถึงสามวันเท่านั้น
บางทีมันอาจจะไม่ถึงหนึ่งวันเสียด้วยซ้ำ สักสองสามชั่วโมงก็น่าจะพอแล้ว
ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาอยากเก็บเรื่องความสามารถของร่างกายนี้ไว้เงียบๆ
ลู่โจวมองสถานการณ์ในแง่ดีมาก
เพราะสุดท้าย การทดลองก็เสร็จสิ้นแล้ว และปัญหาเรื่องร่างกายของเขาก็หมดเสียที การพักอยู่ที่โรงพยาบาลชั้นนำแห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะเขาก็หาเวลาพักได้สักหน่อยอยู่แล้ว
“เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้”
หลังจากที่เหยียนเหยียนได้ยินคำขอของลู่โจว เธอก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ตู้เก็บของทันที
ของส่วนตัวของลู่โจวถูกเก็บไว้ในตู้เก็บของ ทั้งโทรศัพท์และสมุดจดของเขาที่มีไว้จดไอเดียแรงบันดาลใจต่างๆ ไม่มีใครกล้าแตะต้องของของเขาเลย
ในขณะที่เดินไปหยิบโทรศัพท์ของลู่โจว เหยียนเหยียนก็ใช้โทรศัพท์ของตัวเองรายงานให้เบื้องบนรู้ถึงอาการของชายหนุ่ม เธอยืนโทรศัพท์ของลู่โจวให้ตัวเขาเอง
“อะนี่”
“ขอบใจนะ”
ลู่โจวไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขารีบปลดล็อกโทรศัพท์ตัวเองทันที เมื่อเขาเห็นว่าโทรศัพท์ยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ 21% เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่เมื่อเขามองเห็นวันที่ ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้า
อะไรวะเนี่ย?
เขานอนหลับไปเกือบหนึ่งเดือนเลยเหรอ?!
ลู่โจวจำได้ว่าตอนที่เขาอัปเกรดโทรศัพท์ของตัวเองนั้น เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ก็มาถึงจุดเปลี่ยนใหม่ด้วยเช่นกัน เวลาผ่านไปครึ่งเดือนก็ยังอยู่ได้ไม่มีปัญหา
ด้วยความที่เขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เขาจะชาร์จแบตโทรศัพท์ทุกวัน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกถึงพลังการอัปเกรดของแบตเตอรี่เลยแม้แต่น้อย
ลู่โจวมองวันที่บนหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย
ถ้าฉันเลเวลอัปเพิ่มอีกสักหมวดหนึ่งล่ะก็ ฉันคงจะนอนหลับเพิ่มไปอีกหลายวันแน่ ถ้าฉันนอนหลับเลยวันตรุษจีนไปล่ะก็ ทุกคนต้องคิดว่าฉันตายแล้วแน่ๆ ต้องมีการเขียนข่าวมรณกรรมกันขึ้นแน่…
อันที่จริง เมื่อมองจากหลายปัจจัยแล้ว ข่าวมรณกรรมของลู่โจวที่อยู่ในสภาพผักเรื้อรังก็ถูกเขียนแล้ว ไม่ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ เขาก็จะไม่ได้อ่านมัน
ทันใดนั้นเอง การแจ้งเตือนของเวยป๋อหลายอันก็โผล่ขึ้นมาบนโทรศัพท์ของเขา
ลู่โจวมองเห็นข้อความเหล่านั้นแล้วก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขากดดูการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ
แล้วเขาก็อึ้งไป
[ทุกคน มาพูดสิ่งที่อยู่ในใจไปพร้อมกับภาวนากันเถอะ]
[ท่านเทพลู่ครับ! อย่าทิ้งพวกเราไปเลย! (ร้องไห้) (ร้องไห้)]
[(เทียน) (เทียน) (เทียน)]
[ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดช่วยลูกด้วย]
ลู่โจว ???
ถึงแม้เขาจะซึ้งใจที่มีคนมากมายเป็นห่วงเขา แต่เขาก็ไม่เข้าใจอีโมจิรูปเทียนนี่เลย
เหยียนเหยียนกลัวว่าลู่โจวจะสลบไปจากเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ เธอจึงรีบอธิบายสถานการณ์นี้ทันที
“ทุกคนเป็นห่วงคุณนะ”
และเหมือนกับว่าเธอรู้สึกว่าคำพูดเธอยังปลอบเขาได้ไม่พอ เธอจึงพูดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค
“นี่เป็นวิธีที่พวกเรา…ใช้ภาวนาให้คุณนะ”
ลู่โจวถามว่า “นี่คุณคิดว่าผมเจอเรื่องแบบนี้บนอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกเหรอ?”
เหยียนเหยียนยิ้มแล้วไม่พูดอะไรต่อ
…
นอกจากแฟนๆ ที่รักยิ่งของเขาแล้ว ก็ยังมีสายที่ไม่ได้รับอีกหลายสาย ข้อความอีกหลายข้อความ และอีเมลอีกหลายฉบับที่ยังไม่ได้อ่าน
เหมือนกับสาวน้อยคนนั้นที่อยู่ห่างไกลออกไปที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
[ศาสตราจารย์ คุณอยู่ที่ไหนคะ?]
[คุณป่วยเหรอ?!]
[ตอนนี้ฉันอยู่ในปักกิ่งแล้ว]
[ฉันหาคุณไม่เจอเลย คุณอยู่ที่ไหนคะ?]
[วีซ่าฉันหมดแล้ว ฉันต้องกลับไปที่พรินซ์ตัน…ถ้าคุณฟื้นขึ้นมาแล้ว คุณช่วยติดต่อฉันได้ไหมคะ?]
เมื่อลู่โจวเห็นข้อความจำนวนมาก เขาก็มีความรู้สึกหลายอย่างผสมกัน
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเขียนข้อความตอบกลับไป
[ผมสบายดี ผมดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องผมนะ]
ลู่โจวกดปุ่ม “ส่ง” แล้วถอนหายใจ เขาโยนโทรศัพท์ลงไปที่โต๊ะข้างเตียง
ไม่มีใครเคยสารภาพรักกับเขามาก่อน
ถ้าพูดตรงๆ แล้ว ถึงแม้มันจะผ่านมานานแล้วตั้งแต่ตอนนั้น แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี
ถ้าเพียงแต่…
ความรู้สึกจะเป็นสิ่งที่ง่ายเหมือนคณิตศาสตร์ก็ดีสิ
เหยียนเหยียนสังเกตเห็นอารมณ์หลายอารมณ์ที่ผสมกันของลู่โจว เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดี
“เป็นอะไรหรือเปล่า? คุณไม่สบายเหรอ?”
ลู่โจวถาม “หมอเหยียน ผมขอถามคำถามส่วนตัวกับคุณได้ไหม?”
เหยียนเหยียนพยักหน้าแล้วตอบว่า “ได้เลย”
ลู่โจวจึงถาม “คุณมีแฟนไหม?”
เมื่อเหยียนเหยียนได้ยินคำถาม แก้มของเธอก็แดงก่ำ
ฟะ…แฟนเหรอ?
ทำไมคุณถึงถามเรื่องอะไรแบบนี้เนี่ย?
ฉันไม่มีหรอก…
บางทีเขาอาจจะกำลังสื่ออะไรสักอย่างอยู่…
เหยียนเหยียนไม่รู้จะพูดอะไรดี แล้วเธอก็แอบมองลู่โจว
เธอไม่เคยคิดว่ามีแฟนเป็นนักวิจัยจะเป็นอย่างไร
แต่พอเห็นมองหน้าเขาใกล้ๆ แล้ว
เขาก็หน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย…
ไม่ เอาจริงๆ แล้ว เขาค่อนข้างหล่อเลยล่ะ
ยิ่งตอนที่เขาตั้งสมาธิกับงานวิจัยของเขาน่ะ มันน่าดึงดูดอย่างน่าประหลาดเลยล่ะ…
เดี๋ยวนะ ฉันไปจำใบหน้าเขาตอนทำวิจัยได้อย่างไรเนี่ย?
เหยียนเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่าง จ้องไปที่หิมะที่กำลังเริงระบำโปรยปราย แก้วของเธอร้อนผ่าว เหมือนกับเธอกำลังเป็นฮีตสโตรก
เธอตอบคำถามอย่างช้าและสงบ เหมือนกับเธอเป็นหุ่นยนต์
“ฉัน น่ะ ไม่ มี หรอก”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ลู่โจวถอนหายใจแล้วรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
“งั้นก็ช่างมันแล้วกัน”
จะถามเธอเรื่องสถานการณ์นี้ไปก็ไร้ประโยชน์
ฉันควรจะไปปรึกษาใครสักคนที่มีประสบการณ์เรื่องความสัมพันธ์มากกว่า
จะไปถามใครดีล่ะ?
พี่เฟยเหรอ? หรือหลัวเหวินเซวียนดี? ฉันรู้สึกว่าพวกเขาน่าจะมีประสบการณ์มาบ้าง แต่พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกับฉัน
เรื่องนี้มันซับซ้อนนะ…
เหยียนเหยียน “???”
เดี๋ยวนะ ที่บอกว่าช่างมันเถอะนี่คืออะไร?
เกิดอะไรขึ้นต่อล่ะ?
ถามให้จบสิยะ!
ในขณะที่เธอกำลังจะถามลู่โจว ประตูก็ถูกผลักเปิดออก
ชายสูงวัยที่ดูใจดี มาพร้อมกับชายในชุดทหาร ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
เมื่อเหยียนเหยียนเห็นทั้งสองคน เธอก็ยืนทำความเคารพทันที
ชายสูงวัยยิ้มแล้วพยักหน้าให้เธอ เป็นการบอกเธอว่าเธอไม่ต้องเครียดมากก็ได้ เขาสัมผัสบรรยากาศได้ด้วยซ้ำ
“นี่ฉันมารบกวนพวกเธอสองคนหรือเปล่า?”
เหยียนเหยียนยังคงหน้าแดงอยู่ และเธอก็รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ค่ะ…ฉันหมายถึง ไม่ค่ะ”
ลู่โจว “…”
ทำไมเธอพูดคำว่า ‘ไม่’ ซ้ำสองรอบล่ะเนี่ย?
ชายสูงวัยยิ้มแล้วส่ายหัวตัวเอง
“คุณผู้หญิง ขอเวลาหน่อยนะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับศาสตราจารย์ลู่”
“ได้ค่ะ”
เหยียนเหยียนพยักหน้าแล้วเดินแข็งๆ ออกไป
ชายสูงวัยมองไปที่ลู่โจวแล้วหยุดแป๊บหนึ่ง เขาจัดท่าทางตัวเองและมีสีหน้าที่จริงจัง
“ศาสตราจารย์ลู่ ฉันดีใจมากนะที่คุณฟื้นขึ้นมา
ตอนนี้ ในฐานะของทั้งประเทศ ของประชาชนทั้ง 1,400 ล้านคน ฉันอยากจะขอพูดว่า…ขอบคุณจริงๆ !
“ขอบคุณสำหรับการอุทิศตนทำงานของคุณจริงๆ!”