ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 569 ผู้สร้างโลก
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 569 ผู้สร้างโลก
ตอนที่ 569 ผู้สร้างโลก
หลังจากนั้น เหอหยิงก็ถามคำถามที่มาจากกลุ่มผู้ชมอีกหลายคำถามกับลู่โจว และชายหนุ่มก็ตอบทีละข้อ
รวมถึงคำถามที่ถามว่าเทคโนโลยีฟิวชั่นที่ควบคุมได้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อคนทั่วไปด้วย
และการพัฒนาพลังงานในครั้งนี้จะมีผลดีอย่างไรกับเศรษฐกิจของประเทศ
รวมไปถึงคำถามที่ถามถึงแผนในอนาคตของตัวลู่โจวเอง
แน่นอนว่าลู่โจวไม่ได้พูดถึงประเด็นเทคโนโลยีที่เซนซิทีฟเลย
เมื่อพวกเขาสัมภาษณ์เสร็จแล้ว จะมีคนตัดต่อเนื้อหาของรายการก่อนที่จะนำไปออกอากาศอย่างเป็นทางการ พวกเขาจะตัดต่อประเด็นที่เซนซิทีฟพวกนั้นออกไป
ซึ่งจริงๆ ในเมื่อประเด็นพวกนั้นมีทีมงานที่เชี่ยวชาญคอยจัดการให้แล้ว ลู่โจวก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
ในช่วงครึ่งหลังของการสัมภาษณ์ ระหว่างที่เปิดให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วมนั้น ก็มีเด็กหญิงวัย 11 ปี คนหนึ่ง เดินขึ้นมาบนเวที เธอยืนอยู่ข้างลู่โจวในขณะที่ถือช่อดอกโคลฟพิงค์ ช่อใหญ่
เธอจ้องมองลู่โจวด้วยดวงตาโตที่ดูสดใส ในขณะที่ยื่นช่อดอกไม้ในมือให้กับเขา
“คุณครูของหนูบอกว่าคุณควรจะเอาดอกไม้ใส่ในแจกันที่อยู่ข้างโต๊ะข้างเตียงค่ะ นี่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น คุณปู่บอกว่าคุณใช้ความรู้ช่วยคนหลายคน เขาอยากให้คุณสุขภาพดีขึ้นค่ะ ส่วนหนูเองก็อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนคุณตอนหนูโตขึ้นค่ะ…”
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยที่จะพูดเรื่องทั้งหมดนี้ออกมา ยิ่งต้องถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่แล้วด้วย
เด็กหญิงสูดลมหายใจเข้าลึก เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด
“ขอบคุณสำหรับดอกโคลฟพิงก์นะจ๊ะ!”
ลู่โจวยิ้มให้และรับดอกไม้จากมือของเธอมา ถึงเขาจะรู้ว่าเหตุการณ์นี้ก็คงจะเป็นสิ่งที่ทีมงานจัดเตรียมมา เขาก็ยังยิ้มและพูดขอบคุณ “ได้ดมกลิ่นดอกไม้ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ หนูอย่าลืมบอกคุณครูด้วยนะ ว่าฉันขอบคุณหนูแล้ว!”
เด็กหญิงตัวน้อยหน้าแดงและพยักหน้า จากนั้นเธอก็หันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปจากเวที
กลุ่มผู้ชมปรบมือกระหึ่ม
ในระหว่างที่ปรบมือนั้น รายการก็ถึงตอนจบลง
ลู่โจวออกจากสตูดิโอและเดินเข้าไปในห้องพักของสตูดิโอ
หลังจากเหอหยิงขอบคุณลู่โจวในฐานะตัวแทนของทีมงานแล้ว เธอก็พูดต่อว่า “ศาสตราจารย์ลู่ หลังจากนี้คุณว่างไหมคะ?”
ลู่โจวถาม “ทำไมเหรอครับ มีอะไรเหรอ?”
เหอหยิงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ฉันแค่อยากชวนคุณไปทานข้าวสักที่น่ะค่ะ”
“เอาไว้ไปทานข้าววันหลังแล้วกันนะครับ ผมเกรงว่าหมอเหยียนจะไม่ยอมให้ผมกินอะไรก่อนผมออกจากโรงพยาบาลแน่” ลู่โจวบอกด้วยรอยยิ้ม
เหยียนเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถควบคุมการกระทำของลู่โจวได้ แต่ในฐานะที่เป็นหมอประจำตัวของเขา เธอก็ยังต้องรับผิดชอบในเรื่องการดูแลสุขภาพทั้งหมดของเขาอยู่ดี
แม้เหอหยิงจะผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ยังยิ้มออกมา “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันอื่นก็ได้ค่ะ”
หลังจากลู่โจวออกจากสตูดิโอทีวี เขาก็กลับขึ้นรถตัวเอง เขาประหลาดใจเมื่อพบว่ารปภ. ของโรงพยาบาล 301 ที่ตามเขามาได้หายไปแล้ว แต่กลับมีหวังเผิงที่เขาไม่ได้เจอมาสามวัน นั่งอยู่แทน
ลู่โจวนั่งลงที่เบาะหลัง เขามองใบหน้าที่คุ้นเคยผ่านกระจกมองหลังแล้วพูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าคุณกลับบ้านช่วงวันหยุดไปแล้วนะเนี่ย”
หวังเผิงทำสีหน้าหมดหวัง
“ไม่มีวันหยุดให้ผมหรอกครับ ผมอาจจะเสียโบนัสสิ้นปีด้วยซ้ำไป”
ช่างเรื่องโบนัสสิ้นปีเถอะ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีประวัติการทำงานก่อนหน้าที่ดีเยี่ยมแล้วล่ะก็ เขาคงจะประสบปัญหาหนักกว่าที่เจอมาแน่ๆ
เขาถูกพวกคนเบื้องบนต่อว่าตลอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้
“ไม่มีโบนัสสิ้นปีเหรอ? ทำไมล่ะ…” แล้วลู่โจวก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงจืดๆ ว่า “ไม่ใช่เพราะผมใช่ไหม?”
หวังเผิงยิ้มแล้วไม่พูดอะไรต่อ
สำหรับเขาแล้ว การตอบคำถามข้อนี้มันค่อนข้างยากทีเดียว
แน่นอนว่าเขาก็ไม่อยากจะบ่นเรื่องที่เขาถูกลงโทษอะไร เพราะไม่ว่าอย่างไร งานของเขาก็คือการปกป้องลู่โจว แล้วตอนนี้ ดูเหมือนเขาจะล้มเหลวในงานของตัวเองเสียแล้ว
แต่ลู่โจวที่รู้สาเหตุที่แท้จริงของอาการป่วยตัวเองกลับค่อนข้างจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเขาไม่ได้ถูกวางยาพิษหรือขาดสารอาหารจนเข้าโคม่าหรืออะไรทำนองนั้น มันเกิดขึ้นมาจากการที่เขาเลเวลอัปศาสตร์พวกนั้นล้วนๆ เลย สมองของเขาไม่สามารถรับข้อมูลที่ล้นออกมาได้…
ลู่โจวตัดสินใจว่าเขาควรจะทำอะไรเพื่อเป็นการชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น
“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะเขียนจดหมายให้คุณแล้วอธิบายสถานการณ์ให้พวกคนเบื้องบนฟังแล้วกันนะ”
หวังเผิงมีท่าทางกระวนกระวายในทันที เขาพูดขึ้นว่า “เอ่อ อย่าเลยครับ อย่าทำอย่างนั้นเลย”
ลู่โจวจึงบอก “ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยนะ สาเหตุหลักมันมาจากการที่ผมไม่ดูแลร่างกายตัวเองต่างหาก…”
ทันใดนั้นเอง เหยียนเหยียนก็พูดขัดเขาขึ้นมา
“หน่วยงานของเขามีกฎและระเบียบนะ ถ้ามีคนบอกว่าเขาทำงานพลาด ก็แปลว่าเขาทำงานพลาด จะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ในเรื่องนั้น…ถ้าคุณเขียนจดหมายเพื่อเขา ไม่เพียงแต่มันจะไม่ช่วยเขานะ แต่ยังจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่มด้วย”
เธอเองก็ถูกลงโทษในลักษณะเดียวกัน
เหตุผลที่เธอยังไม่ถูกไล่ออกจากตำแหน่งที่ทำอยู่เป็นเพราะโรงพยาบาล 301 ไม่สามารถหาหลักฐานของการขาดสารอาหารของลู่โจวขึ้นมาได้
นี่ยังเป็นสาเหตุว่าทำไมหวังเผิงถึงยังได้ทำงานต่อ เป็นเพราะว่าไม่มีหลักฐานของความผิดพลาดข้อนั้น
ถึงแม้พ่อของเหยียนเหยียนจะเป็นทหารผ่านศึก แต่เธอก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษอะไร
และเธอก็ไม่คาดหวังว่าลู่โจวจะช่วยเธอออกจากปัญหานี้เช่นกัน
ลู่โจวเริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ เขาจึงตัดสินใจไม่เขียนจดหมาย
ถึงเขาจะยังค่อนข้างรู้สึกผิดอยู่ แต่ก็ต้องยอมปล่อยเลยตามเลย
อย่างมาก เขาก็จะชดเชยให้พวกเขาทีหลัง…
ลู่โจวกลับมาที่โรงพยาบาล 301 และกำลังจะเดินขึ้นบันไดไปตรวจร่างกายประจำวัน แต่เมื่อเขาเดินไปที่อาคารหลัก เขาก็เห็นนักวิชาการหวังรออยู่ที่ทางเข้าด้านหน้า
ดวงตาของนักวิชาการหวังเป็นประกายเมื่อเห็นลู่โจว และเขาก็ยิ้มในขณะที่กำลังเดินมาหา
“คุณเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกดีขึ้นไหม?”
“ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “มันเกือบจะถึงวันตรุษจีนแล้ว คุณไม่กลับบ้านเหรอครับ?”
“ผมเกิดและโตที่ปักกิ่งนะ จะให้ผมกลับไปไหนล่ะ? บ้านผมอยู่ห่างไปแค่สถานีรถไฟฟ้าสถานีเดียวเอง” เมื่อนักวิชาการหวังเห็นว่าลู่โจวสามารถเดินได้เอง เขาก็พยักหน้าอย่างโล่งใจ เขาพูดขึ้นว่า “ฉันดีใจนะที่ร่างกายของคุณดีขึ้นแล้ว คุณไม่รู้หรอกว่ามีคนมากแค่ไหนที่เป็นห่วงคุณน่ะ”
ลู่โจวยิ้มเฝื่อนแล้วเอ่ยว่า “ผมรู้สึกแย่จริงๆ เลย”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ! พวกเราต่างหากที่ควรจะรู้สึกแย่” นักวิชาการหวังถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จกันง่ายๆ ยิ่งต้องประสานงานกับหน่วยงานวิจัยหลายหน่วยด้วยแล้ว ส่วนสำคัญของโปรเจกต์วิจัยนี้ส่วนมากก็เป็นคุณที่เป็นคนทำ ถ้าให้พูดจากใจเลยนะ…ผมและพวกคนเฒ่าคนแก่ที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนค่อนข้างจะรู้สึกผิดเลยทีเดียว”
“ผมก็แค่ทำเต็มที่เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ลู่โจวยิ้มขณะพูดต่อ “อีกอย่าง ตอนนี้สุขภาพของผมก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย”
นักวิชาการหวังถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผมดีใจนะที่คุณคิดอย่างนั้น อ้อ มีเรื่องอีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ ตอนที่คุณอยู่ในภาวะโคม่าน่ะ พวกเราพยายามทำฟิวชั่นอิกนิชั่นอีกหลายครั้งเลย เครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2 ดูจะทำงานได้ดีทีเดียวนะ พวกคนเบื้องบนก็บอกมาว่าพวกเขาต้องการจะพัฒนาการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าและผลิตกระแสไฟฟ้าในประชาชนมากกว่า 80 ล้านคนในมณฑลเจียงซู!”
ลู่โจวยิ้มแล้วถามว่า “ระบบจะเชื่อมกันเหรอครับ? ฟังดูเยี่ยมไปเลย!”
นักวิชาการหวังยิ้มแล้วพูดต่อ “ใช่แล้ว มันน่ามหัศจรรย์มากเลย ผมไม่คิดว่าฉันจะมีชีวิตอยู่จนได้เห็นวันนี้นะ แต่ว่า มีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขอให้คุณช่วยหน่อย”
ลู่โจวขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เครื่องปฏิกรณ์สาธิตมีปัญหาอะไรเหรอครับ?”
เป็นไปไม่ได้หรอก!
ขนาดระบบยังรับรู้ถึงความสำเร็จของฟิวชั่นอิกนิชั่นเลยนะ
“ไม่ใช่เครื่องปฏิกรณ์สาธิตหรอก” นักวิชาการหวังรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “คือหลังจากเครื่องปฏิกรณ์เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าแล้ว พวกเราก็คงจะเรียกมันด้วยโค้ดเนมต่อไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นเครื่องปฏิกรณ์สาธิตเครื่องแรกของโลกเลยนะ พวกคนเบื้องบนเขาขอให้พวกเราตั้งชื่อใหม่น่ะสิ ผมไม่สนใจเรื่องอะไรพวกนี้หรอก ผมก็เลยมาถามคุณอย่างไรล่ะ คุณหัวหน้านักออกแบบ”
นักวิชาการหวังยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณลองคิดถึงชื่อที่ไพเราะให้เจ้าเครื่องปฏิกรณ์นี่หน่อยสิ? ถ้าคุณคิดอะไรไม่ออกแล้ว คุณใช้ชื่อตัวเองก็ได้นะ นี่เป็นโอกาสอันดีเลย ที่คุณจะได้ทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์”
“อย่าใช้ชื่อผมเลย มันฟังดูประหลาดน่ะ” ลู่โจวกระแอมแล้วพูดต่อว่า “ผมจะเก็บไปคิดแล้วกัน”
นักวิชาการหวังเอ่ย “โอเค ถ้าอย่างนั้น คุณก็คิดไปนะ ผมมีรายชื่อนิดหน่อยมาเสนอน่ะ”
ลู่โจวถาม “คุณมีชื่อแนะนำอะไรบ้างเหรอ?”
“อ้อ ก็มี โฮ่วอี้ จินอู เต้าหั่วเจอ ซุ่ยเหริน อะไรทำนองนั้นนั่นแหละ แล้วก็มีชื่อที่ตะวันตกกว่านั้นอย่าง โพรมีเธียส ด้วย ชื่อพวกนี้มาจากการโหวตจากคนในกองทัพน่ะ คุณเลือกได้เลยนะว่าชอบชื่อไหน”
หลังจากคิดอยู่นาน ลู่โจวก็พูดขึ้นมาว่า “เราเรียกมันว่า ผานกู่ 1 ดีกว่า”
นักวิชาการหวังทวนคำ “ผานกู่เหรอ?”
“ใช่ครับ” ลู่โจวพยักหน้า
จริงๆ เขาคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว
การพัฒนาฟิวชั่นที่ควบคุมได้ไม่เพียงแต่จะช่วยปฏิวัติอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบด้วย
ถ้ามองจากบางมุม การถือกำเนิดของเครื่องปฏิกรณ์สาธิตเครื่องนี้ถือเป็นการสร้างโลกที่สอง
“ถ้าคุณคิดว่านั่นเป็นชื่อที่ดีแล้ว ผมก็ตกลงตามนั้น” นักวิชาการหวังยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้น ผมจะไม่อยู่ที่นี่นานแล้วล่ะ ผมจะส่งชื่อนี้ไปให้คนเบื้องบน ส่วนคุณก็ไปพักผ่อนเถอะ คนที่ไซต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตยังรอคอยการกลับมาของคุณอยู่นะ พวกเรายังไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลองที่ทำฟิวชั่นอิกนิชั่นสำเร็จเลย พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอช่วงเวลานี้มาตลอดปีที่แล้วเลยนะ”
ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า
“โอเคครับ ผมสัญญาว่าพวกเราจะได้มีงานเลี้ยงในเร็วๆ นี้แหละ”