ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 571 ใครทำอาหารเก่งกว่ากัน?
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 571 ใครทำอาหารเก่งกว่ากัน?
ตอนที่ 571 ใครทำอาหารเก่งกว่ากัน?
ก่อนหน้านี้ ลู่โจวมีโอกาสได้เศษซากมาเพียงสองชิ้นเท่านั้น
เศษซากชิ้นแรกเป็นแบตเตอรี่ ที่ดูเหมือนจะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมชนิดหนึ่ง ลู่โจวใช้ปืนสแกนเนอร์ตรวจเช็กว่าเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมจริงๆ
สิ่งเดียวที่เขาไม่แน่ใจก็คือ เจ้าแบตเตอรี่นั้นมีไว้ใช้กับอะไรกันแน่
เศษซากที่สอง เป็นสิ่งของทรงลูกบาศก์ แต่ลู่โจวก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเจ้าเศษซากชิ้นนี้มัน ‘พัง’ ตรงไหน
เพราะดูๆ แล้ว เจ้าสิ่งของทรงลูกบาศก์นี้ก็ดูไม่เหมือนจะมีส่วนไหนขาดหายไปเลย บนพื้นผิวของมันยังไม่มีความเสียหายที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าด้วยซ้ำ
ส่วนเศษซากชิ้นที่สาม มันดูเป็น ‘เศษซาก’ สมกับชื่อจริงๆ
ด้านข้างของอุปกรณ์ทรงกระบอกยาว 1 เมตรมีสภาพเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่
หากมองเข้าไปข้างใต้พื้นผิวที่แตกร้าว ก็จะเห็นองค์ประกอบภายในที่ซับซ้อนวุ่นวายจำนวนมากได้ ส่วนปลายอีกฝั่งของอุปกรณ์ส่งกระบอก ก็มีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับชามยื่นออกมาจากตัวโครงหลัก
อุปกรณ์นี้ดูรวมๆ แล้วคล้ายกับหัวไชเท้า
แต่เป็นหัวไชเท้าที่เหมือนจะโดนบางคนกัดตรงส่วนด้านข้างไปนิดหน่อย…
ไอเทมในช่องเก็บของของเขาสามารถนำออกจากพื้นที่ระบบไปยังโลกแห่งความเป็นจริงได้ เหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำมาจากวัสดุใดในโลกแห่งความเป็นจริงเลย ดังนั้นลู่โจวจึงไม่สามารถปรับแต่งมันตามที่ต้องการได้
แต่ก่อนที่เขาจะเอาเจ้าสิ่งนี้ออกไปจากพื้นที่ระบบ ลู่โจวก็จ้องเขม็งเข้าไปในช่องเก็บของของเขา เขาไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเจ้าสิ่งนี้ได้ และไม่สามารถแยกส่วนมันเพื่อศึกษาองค์ประกอบข้างในได้เช่นกัน
ในตอนนี้ ลู่โจวตัดสินใจจะไม่สนใจว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร เขายืนอยู่ข้างเศษซากชิ้นนั้นและเริ่มตรวจสอบความเสียหาย
เขาสนใจตัวอุปกรณ์ที่สามารถสร้างความเสียหายให้เจ้าสิ่งนี้ได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม นอกจากตัวเศษซากเองแล้ว ก็ไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างอื่นให้เขาเลย…
‘เป็นผลมาจากอุกกาบาตเหรอ? หรือจะเป็นของจำพวก…อาวุธพลังงานกันนะ?’
‘ถ้าเพียงแต่ฉันจะสามารถแยกชิ้นส่วนมันแล้วตรวจสอบข้างในได้ล่ะก็’
ลู่โจวถอนหายใจแล้วเดินถอยหลังไปสองก้าว เขาลูบคางตัวเองพลางครุ่นคิดอย่างหนัก
สิ่งนี้แตกต่างจากเศษซากแบตเตอรี่ เจ้านี่พกไปไหนมาไหนในโลกแห่งความจริงได้ไม่สะดวกเลย
ไม่มีทางที่เขาจะเอามันออกไปในโรงพยาบาลแน่ๆ
เขาต้องรอจนกว่าเขาจะกลับไปจินหลิงให้ได้เสียก่อน
‘จะว่าไปแล้ว นี่เป็นหัวเครื่องจักรหรือเปล่านะ? แต่ไม่เห็นมีท่อไอเสียหรือกังหันเลยนี่นา
จริงๆ มันก็ค่อนข้างดูเหมือนหัวเครื่องจักรเหมือนกันนะ…
เจ้าสิ่งนี้ดูเล็กเกินไปหน่อยที่จะเป็นหัวเครื่องจักรของจรวด แต่ถ้ามันเป็นตัวขับดันเครื่องบินเจ็ตพลาสมาไฮเทคสักประเภทล่ะก็ ขนาดก็ดูจะสมเหตุสมผลแล้วล่ะมั้ง?’
ลู่โจวไม่รู้ว่ายานอวกาศไฮเทคหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขาเคยเห็นตัวขับดันปรากฏการณ์ฮอลล์มาก่อน
เขานึกย้อนกลับไปตอนที่เขาวิจัยอุปกรณ์อะตอมโพรบฮีเลียม 3 ที่พีพีพีเอลในพรินซ์ตัน ทีมโปรเจกต์ AF-MPD ที่ได้รับทุนจากนาซา กำลังทำวิจัยอยู่ในเรื่องนี้
แต่ลู่โจวไม่ได้ถามข้อมูลทางเทคนิคเรื่องนี้ละเอียดนัก
อย่างแรกเลย การถามเรื่องพวกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพ อย่างที่สอง เทคโนโลยีตัวขับดันจรวดนั้นเป็นหัวข้อที่เซนซิทีฟ การรู้ข้อมูลเรื่องเทคโนโลยีจรวดมากเกินไปจากทำให้ชื่อเขาติดลิสต์บางอย่าง ลิสต์ที่อาจจะส่งผลกับสิทธิในการเดินทางต่างประเทศของเขาได้
เขารู้เรื่องนี้มาตลอด
ลู่โจวมองเศษซากไฮเทคพลางลูบคางตัวเอง
‘จะทำอย่างไรดีนะ?’
ลางหยั่งรู้บอกเขาว่าเศษซากหมายเลข 3 มีค่ามากกว่าเศษซากหมายเลข 2 อย่างมหาศาล
ถึงเขาจะยังหาคำตอบที่สมบูรณ์ไม่ได้ว่าเจ้าเทคโนโลยีนี้มีไว้ทำอะไร แต่แค่ได้หาร่องรอยของเทคโนโลยีนี้ได้บ้างก็มีค่ามากเป็นพิเศษแล้ว
เหมือนกับฟิล์ม PDMS ที่เขาได้มาจากเศษซากหมายเลข 1 ถึงแม้เขาจะไม่สามารถสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมแอร์ในตำนานได้ เขาก็สามารถแก้ปัญหาคอขวดของวัสดุแอโนดในแบตเตอรี่
เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ดูเหมือนตัวขับดันไฮเทคนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง…
ระหว่างที่ลู่โจวกำลังคิดเรื่องนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แขน
เมื่อเขาได้ยินเสี่ยวถงตะโกนชื่อเขาอยู่ห่างๆ เขาก็เดาว่าพวกเธอน่าจะทำเกี๊ยวกันเสร็จแล้ว เขาจึงปิดช่องเก็บของแล้วออกจากพื้นที่ระบบ
“พี่คะ…พี่! พี่ตื่นได้แล้ว อย่าทำให้หนูกลัวแบบนี้สิ”
เสี่ยวถงเขย่าแขนลู่โจว พอเห็นลู่โจวไม่ตอบสนอง เสี่ยวถงก็กำลังจะร้องไห้
ทันใดนั้นเอง ปากของลู่โจวก็ขยับ แล้วเขาก็ยิ้มออกมา
เมื่อเสี่ยวถงเห็นลู่โจวยิ้ม เธอก็กระโดดดึ๋งขึ้นมาทันที
“ว้าว พี่พยายามแกล้งหนู!”
“โทษที สีหน้าเธอตอนนั้นมัน…พี่อดแกล้งให้กลัวเล่นไม่ได้จริงๆ “
เสี่ยวถงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่ พี่เคยได้ยินเรื่องเด็กเลี้ยงแกะใช่ไหม?”
“เคยสิ พี่เป็นคนเล่าเรื่องนั้นให้เธอฟังตอนเด็กๆ ไม่ใช่หรือไง?”
“อย่าแกล้งพวกเราแบบนั้นอีกเลยนะ” เหยียนเหยียนถอนหายใจแล้วละนิ้วตัวเองที่กำลังจะกดปุ่มเรียกแพทย์ฉุกเฉิน เธอพูดขึ้นว่า “คุณนี่ทำให้ฉันลำบากใจจริงๆ “
ลู่โจวกล่าว “ขอโทษที”
พอเขาคิดดีๆ แล้วก็รู้ตัวว่ามุกตลกนี้ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล
เขายอมรับว่าเขาตลกผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย แต่วันตรุษจีนปีนี้มันน่าเบื่อมากเลยนี่นา เขาก็เลยอดจะสร้างความสนุกสนานเองไม่ได้
เฉินยู่ซานก็กังวลเหมือนกัน เธอกลอกตามองลู่โจว แต่ก็ไม่ได้ดุเขาเหมือนหญิงสาวอีกสองคน
“เกี๊ยวทำเสร็จแล้ว รีบๆ มากินเถอะ ถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”
“โอเค มาแล้วๆ “
ลู่โจวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความช่วยเหลือจากเสี่ยวถง
ปกติแล้ว ถ้านอนโคม่ามามากกว่า 20 วันล่ะก็ การจะลุกออกจากเตียงเป็นอะไรที่ยากมาก แม้แต่กิจวัตรประจำวันอย่างการกลืนอาหารยังเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม พลังการฟื้นตัวของลู่โจวนั่นมีมากกว่าคนปกติทั่วไป เขาสามารถลุกจากเตียงแล้วไปเข้าห้องน้ำเองได้ หากไม่นับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือว่าเขาเกือบจะหายดีแล้ว
บางทีถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี โรงพยาบาล 301 อาจจะอนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้
โต๊ะถูกขยับไปอยู่กลางห้องผู้ป่วย สมาชิก 4 คนของห้องนั่งล้อมรอบเกี๊ยวที่ไอน้ำลอยออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่โจวได้กินเกี๊ยวในโรงพยาบาล
มีเรื่องน่าสนใจตรงที่ ลู่โจวพบว่าเกี๊ยวครึ่งหนึ่งยัดไส้ด้วยต้นหอม ส่วนอีกครึ่งยัดไส้ด้วยกะหล่ำปลี การกินเกี๊ยวสองไส้พร้อมกันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
เสี่ยวถงเหมือนจะสังเกตเห็นเรื่องนี้เหมือนกัน เธอจึงหมุนตัวแล้วถามว่า “พี่คะ พี่ว่าเกี๊ยวไส้ต้นหอมดีกว่า หรือว่าเกี๊ยวไส้กะหล่ำปลีดีกว่ากันเหรอ?”
ลู่โจวจิบซุปอยู่ เขาตอบว่า “ก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ พี่ไม่ใช่คนเรื่องมากกับของกินอยู่แล้ว”
เสี่ยวถงถามด้วยท่าทีจริงจังว่า “ไม่ๆ คำตอบของพี่สำคัญนะ พี่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมา”
ลู่โจวนิ่ง “…? “
ในขณะที่เสี่ยวถงกำลังถามคำถาม เฉินยู่ซานก็กำลังรอคำตอบด้วยสีหน้าใจจดใจจ่อ
เหยียนเหยียนทำท่าไม่สนใจ แต่จริงๆ ก็แอบสนใจคำตอบลู่โจวเหมือนกัน
พอเห็นว่าลู่โจวไม่ยอมตอบ เสี่ยวถงจึงเริ่มคาดคั้นเขาต่อ
“ไม่ต้องคิดมากก็ได้พี่ พี่บอกหนูมาเลยว่าสัญชาตญาณแรกพี่ว่าอย่างไร”
“ถ้าเธอจะให้พี่บอกจริงๆ ว่าอันไหนรสชาติดีกว่ากันล่ะก็นะ…”
ลู่โจวมองเกี๊ยวแล้วเงียบไปพักหนึ่ง
“พี่ว่าเกี๊ยวที่พี่ทำเองอร่อยกว่าน่ะ”
เสี่ยวถง “…”
เหยียนเหยียน “…”
เฉินยู่ซาน “…”
บรรยากาศเริ่มอึมครึมแปลกๆ ลู่โจวลังเลไปชั่วครู่
เอิ่ม…
ฉันพูดอะไรผิดไปอีกแล้วเหรอ?