ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 582 เคยเห็นเขามาก่อน เขามาจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 582 เคยเห็นเขามาก่อน เขามาจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
ตอนที่ 582 เคยเห็นเขามาก่อน เขามาจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
หลังจากการโน้มน้าวและการชี้นำ ลู่โจวสามารถทำให้เสี่ยวไอพอใจและเชื้อเชิญให้มันเลือกอุปกรณ์ที่ชอบจำนวนหนึ่งจากอุปกรณ์ที่มีอยู่ตอนนี้
ลู่โจวรู้สึกว่ายิ่งเสี่ยวไอฉลาดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่ารำคาญมากเท่านั้น
แต่โปรแกรมก็เป็นแค่โปรแกรม คำสั่งจากลู่โจวไม่สามารถถูกปฏิเสธได้
เขาได้รับรูปจากเสี่ยวไอในที่สุด เขามองดูแขนหุ่นยนต์ในโรงงานแล้วพูดว่า “หุ่นยนต์อัจฉริยะ YuMi จาก ABB และ หุ่นหกแกนแบบ 5 กิโลกรัม 160 กิโลกรัม และ 1.35 ตัน ผมจะเอาหุ่นยนต์สองตัวจากแต่ละโมเดล”
หุ่นยนต์แปดตัวไม่ใช่จำนวนมาก แม้ว่ามันจะถูกนำเข้ามา มันมีราคาน้อยกว่าสองล้าน
เนื่องจากลู่โจวถูกแนะนำมาจากเพื่อน จ้างจงชูจึงไม่ได้เก็บมัดจำจากเขา
แต่ถึงจ้างจงชูไม่ได้ขอเงินมัดจำ ลู่โจวก็ยังให้ไปตามเงื่อนไขของสัญญา
“มันจะมาถึงเมื่อไหร่?”
“มันจะมาถึงที่นี่ในเดือนนี้แน่นอน”
“โอเคครับ คุณช่วยผมติดตั้งได้ไหม?”
จ้าวจงชูตบอกตัวเองแล้วพูด “ไม่ต้องเป็นห่วง ช่างเทคนิคของเราในโรงงานจะช่วยคุณติดตั้งแน่นอน”
ลู่โจวพยักหน้าและเก็บสัญญาไป เขาไม่ได้ใช้เวลาในโรงงานต่อ
เนื่องจากเขามีเรื่องยังต้องทำที่มหาวิทยาลัย เขาปฏิเสธคำเชิญไปทานอาหารกลางวันกับผู้อำนวยการโรงงานจ้าว จากนั้นเขานั่งก็รถของหวังเผิงไปมหาวิทยาลัยจินหลิง
…
ตรุษจีนของปีนี้มาเร็ว ดังนั้น การสอบของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาก็มาเร็วเช่นกัน
คณบดีฉินเชิญให้ลู่โจวมาเป็นผู้สัมภาษณ์นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในช่วงบ่าย
ลู่จินกินข้าวบาร์บีคิวเนื้อในโรงอาหาร จากนั้นเขาก็รีบไปห้องสัมภาษณ์
เมื่อเขาถึงห้องสัมภาษณ์ มันมีเวลาเหลือสิบนาทีก่อนการสัมภาษณ์จะเริ่มขึ้น
นอกจากเขา คนอื่นก็มาถึงแล้ว
คณบดีฉินต้อนรับและยิ้มให้เขา
ลู่โจวนั่งลงและเริ่มดื่มชา เขาพูดคุยกับนักวิชาการและศาสตราจารย์คนอื่นๆ อีกสักพักหนึ่ง มันเป็นเวลาบ่ายสองโมง
เมื่อเข็มนาฬิกานั้นขยับไปที่เวลาบ่ายสองโมงตรง นักศึกษาชายที่ใส่เสื้อขนเป็ดสีดำและแว่นตา เดินเข้ามา เขามีหัวที่เริ่มล้าน
เพราะว่าเขาดูแก่กว่าเล็กน้อย ถ้าเขาไม่ได้แนะนำตัว ลู่โจวก็นึกว่าเขาเป็นคนสัมภาษณ์
มันชัดเจนว่าลู่โจวไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้
ศาสตราจารย์หยางชุนฮั่ว ซึ่งอยู่ในวัยสี่สิบปี มองดูเรซูเม่และไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เกิดปี 94? ดูไม่เหมือนเลย”
ชายคนนี้ดูหน้าไม่อาย เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “บางที เพราะว่าผมมีผิวสีอ่อน ผมเลยดูเด็กมากกว่า”
ลู่โจวเกือบสำลักน้ำชา
หยางชุนฮั่ว “ไม่ ผมหมายความว่าคุณดูแก่”
นักศึกษา “???”
ลู่โจววางถ้วยชาลงแล้วกระแอมอย่างสุภาพ เขาพูดขึ้น “แก่ก็ดี มันดูมีมาดทางวิชาการมากกว่า”
นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาพูดเหรอ?
ยิ่งคุณดูกว่า ก็ยิ่งดูเหมือนว่าคุณมาจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
เมื่อลู่โจวเห็นผมที่เริ่มล้าน เขาก็เกิดความรู้สึกในใจ
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่าคำปลอบใจของเขาไม่ได้ผล นักศึกษาคนนี้ดูซึมยิ่งกว่าเดิม…
ผ่านไปสักพัก การสัมภาษณ์ครั้งแรกจบลง ผู้เชี่ยวชาญแลกเปลี่ยนความเห็นแล้วให้คะแนนเขาค่อนข้างดี
หลังจากนั้น นักศึกษาก็เข้ามา
เขาแนะนำตัวเองด้วยวิธีเฉพาะตัว
ศาสตราจารย์หยางชุนฮั่วพูดออกมาคนแรก
“เด็กน้อย มีแฟนแล้วหรือยังเนี่ย?”
ชายคนนี้ยิ้มและตอบไป “ยังครับ ถ้าผมได้เรียนหลักสูตรปริญญาโท ผมหวังว่าศาสตราจารย์ของผมจะแนะนำให้สักคน”
ลู่โจวพูดขึ้น “ใครสนเรื่องนั้นกัน อย่าคิดเรื่องเดทตลอดเวลา ถ้าคุณอยู่ในแวดวงวิชาการ”
นักศึกษา “…”
คณบดีฉิน “…”
ผู้สัมภาษณ์ “…”
หลังจากที่การสัมภาษณ์เสร็จสิ้น ผู้เชี่ยวชาญแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ลู่โจวกำลังจะให้ความเห็นตัวเอง แต่เขาได้รับข้อความจากยางสวี่ก่อน
[ผลการทดสอบออกมาแล้ว!!!]
ลู่โจวไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ถึงสามตัวในประโยคเดียว แต่เขารู้สึกว่าผลลัพธ์จะต้องยอดเยี่ยมแน่ เขาเลยตอบกลับ
[ตอนนี้ผมกำลังไปหา]
เขาปิดโทรศัพท์และดูผู้สัมภาษณ์คนอื่น
“ผมมีธุระด่วนต้องจัดการ ผมต้องขอตัวสักพัก”
คณบดีฉินยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
ลู่โจวพยักหน้าและกล่าวขอบคุณ เขาลุกขึ้นและออกจากห้องเรียนไป
ภายนอกห้องเรียน
นักศึกษาหลังปริญญาเอกยืนพิงหน้าต่างทางเดิน สองคนนั้นรับผิดชอบเรื่องการจัดการคนถูกสัมภาษณ์
เมื่อพวกเขาเห็นลู่โจวเดินออกจากออฟฟิศ พวกนั้นก็พูดถึงเขาทันที
“นั่นลู่โจวใช่ไหม?”
“น่าจะใช่นะ”
“ทำไมเขาถึงเป็นคนสัมภาษณ์นะ?”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเพราะว่าเขารับนักศึกษาเยอะและเขาไม่ไว้ใจให้คนอื่นสัมภาษณ์นักศึกษาของเขา เขาก็เลยตามติดมาด้วย”
“ฉันได้ยินว่าเขาเชิญนักศึกษาสี่คนที่พรินซ์ตัน?”
“ฉันได้ยินว่ามีหก ดูเหมือนว่าจะมีนักศึกษาปริญญาเอกสองคน”
“เยี่ยม…มีนักศึกษาเยอะมาก เขาบริหารยังไงเนี่ย?”
นักศึกษาหลังปริญญาเอกมีสีหน้าอิจฉา
นักวิจัยอ่อนหัดแบบพวกเขาคงไม่สามารถได้รู้สึกความรู้สึกที่คนอื่นทำงานให้…
พวกเขาแค่ประสบความเจ็บปวดที่ทำงานให้กับคนอื่น
นักศึกษาหลังปริญญาเอกที่ยืนข้างเขาส่ายหน้าและพูดว่า “มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร”
เมื่อเทียบกับการสอนนักศึกษาปริญญาตรี การสอนนักศึกษาปริญญาโทนั้นได้ผลประโยชน์มากกว่า ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่ปัญหาที่ซับซ้อนต้องอาศัยการทำงานซ้ำปริมาณมาก
เมื่อเทียบกับพนักงานทั่วไป ไม่ว่านักศึกษาจะทำงานหนักแค่ไหน พวกเขาไม่เคยบ่นเรื่องค่าจ้างและชั่วโมงทำงาน…มันไม่มีที่ไหนที่มีหน่วยทำงานคุณภาพดีแบบนี้ ดังนั้น ศาสตราจารย์มักจะยินดีรับนักศึกษาอย่างมาก
แต่แม้ว่าพวกนั้นจะเต็มใจ โดยปกติแล้วศาสตราจารย์หนึ่งคนจะรับนักศึกษาปริญญาโทปีละแค่หนึ่งคน ศาสตราจารย์ที่สุดโต่งจำนวนหนึ่งจะรับสี่คน แต่นั่นมันก็ไม่ค่อยมีนัก
ลู่โจวรับมาสี่คนจากแผนกคณิตศาสตร์และสองคนจากแผนกเคมี ทั้งหมดมีหกคน ซึ่งเป็นเรื่องที่หายากมาก
ระหว่างที่นักศึกษาสองคนนี้อิจฉากัน หลังจากที่ลู่โจวไปแล้ว หญิงสาวผมหางม้าที่สวมผ้าพันคอสีแดงและดำเดินเข้ามา
หานเมิ่งฉียืนรอข้างนอกสักพัก เมื่อเธอได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอ เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วจัดคอปกเสื้อเบาๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าออฟฟิศไป
เรซูเม่ของเธอสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงแต่ว่าเธอเคยฝึกงานที่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณ เธอยังมีประสบการณ์วิจัยระดับปริญญาตรี เธอยังเคยตีพิมพ์งานใน SCI แล้วได้ทุนพิเศษ
สำหรับกรณีแบบนี้ ตราบใดที่เธอจบการสัมภาษณ์โดยไม่เจอปัญหาใหญ่ มันก็เกือบการันตีว่าเธอจะผ่าน
ตามคำขอของอาจารย์ เธอก็แนะนำตัวเองอย่างเรียบง่าย
หลังจากนั้น ศาสตราจารย์หญิงวัยสี่สิบปีถาม “วางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง?”
หานเมิ่งฉียิ้มอย่างสุภาพและตอบไป “ฉันวางแผนจะไปเรียนปริญญาเอกที่ MIT จากนั้นหลังเรียนหลังปริญญาเอกสองปี ฉันก็อยากทำงานวิชาการ”
มันเป็นคำตอบตามมาตรฐาน แล้วผู้ถูกสัมภาษณ์ทุกคนก็ตอบแบบนี้
แต่เหล่าศาสตราจารย์ก็เบื่อกับคำตอบมาตรฐานแบบนี้
เมื่อคำถามที่เตรียมไว้ถูกถาม มันเป็นเวลาของคำถามที่ไม่เป็นทางการ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนี้ดูน่าสนใจ ศาสตราจารย์หยางชุนฮั่วถาม “คุณมีแฟนหรือยัง?”
หานเมิ่งฉีไม่รู้ว่าทำไมผู้สัมภาษณ์ถึงถามมาแบบนี้ เธอรู้สึกสับสนแต่เธอก็ตอบไป “ยังไม่มีค่ะ”
มันไม่ใช่ว่าไม่มีใครตามจีบเธอ แต่ว่าเธอไม่ได้สนใจในผู้ชายน่าเบื่อพวกนั้น
ศาสตราจารย์หญิงวัยสี่สิบปีถาม “คุณมีแผนจะมีแฟนไหม?”
หานเมิ่งฉีตอบ “ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ”
หยางชุนฮั่วถามต่อ “คุณเขียนว่าใครเป็นผู้ดูแลคุณ?”
หานเมิ่งฉีตอบ “ศาสตราจารย์ลู่…”
ศาสตราจารย์หญิงสองคนเริ่มกระซิบกันทันที
แม้ว่าพวกนั้นจะพูดเสียงเบา หานเมิ่งฉีก็ยังได้ยินบทสนทนาของพวกเธอ
“เธออยากเป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์ลู่เหมือนกัน”
“ใช่ ฟังดูเข้าท่าอยู่นะ”
“ไม่มีแผนที่จะมีแฟน นั่นก็ตรงตามความต้องการของศาสตราจารย์ลู่”
“น่าจะให้เธอผ่านนะ?”
“ให้เธอผ่านเถอะ”
หานเมิ่งฉี “…”
ถึงแม้ว่าการผ่านสัมภาษณ์น่าจะเป็นเรื่องแฮปปี้ แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ ในท้อง
…………………………………………