ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 586 การประชุมโปรเจกต์ดวงจันทร์
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 586 การประชุมโปรเจกต์ดวงจันทร์
ตอนที่ 586 การประชุมโปรเจกต์ดวงจันทร์
ลู่โจวใช้เวลาแทบทั้งหมดที่มหาวิทยาลัยจินหลิง สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง และแมนชั่นของเขาที่จงซาน อินเตอร์เนชั่นแนล
เขาสอนที่มหาวิทยาลัยจินหลิงสัปดาห์ละสองคลาสให้นักศึกษาปริญญาตรี เวลาที่เหลือหมดไปกับการช่วยนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาในออฟฟิศ ตามข่าวสารล่าสุดของฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และการวิจัยวัสดุ รวมถึงการวิจัยเศษซากในห้องแล็บใต้ดิน
เขามีตารางเวลาในชีวิตเสียที มันก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เขาทำงานที่พรินซ์ตัน
เอาจริงแล้ว ยิ่งลู่โจวได้สัมผัสงานของนักศึกษาปริญญาตรีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพบว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงและมหาวิทยาลัยอื่นในจีนนั้นยังตามหลังมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับชาติในเรื่องนี้
ถ้าพูดแบบไม่มีอคติ ความแข็งแรงในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในประเทศนั้นเพิ่มขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่มันยังมีช่องว่างอยู่เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยรอบโลก
ลู่โจวยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้
นอกจากปัจจัยที่รู้กันดีอย่างการเปลี่ยนงานวิชาการเป็นเชิงพาณิชย์ การทำงานวิจัยเป็นอุตสาหกรรม อัตราการแปลงของผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการเพิกเฉยการเรียนการสอนนักศึกษาปริญญาตรี มันยังมีปัญหาอีกมากที่เขารู้สึกถึงผิวเผิน…แต่เขาก็บอกอย่างชัดเจนไม่ได้
สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงและสมาพันธ์ศูนย์วิจัยตะวันออกนั้นเป็นความพยายามของประเทศในการสร้างโมเดลที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนามหาวิทยาลัยในประเทศ
อย่างน้อยที่สุด มันก็สร้างความเปลี่ยนแปลงในขอบเขตที่จำกัด
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจินหลิง
เหยียนเหยียนกำลังสวมโค้ตสีขาว เธอยื่นผลตรวจสุขภาพให้ลู่โจว
“ร่างกายคุณกำลังฟื้นตัวได้ดี แต่คุณต้องระวังมันหน่อยในอนาคต คุณควรงดอาหารเผ็ดและมัน กินพักและผลไม้มากขึ้นเพื่อเพิ่มพูนโภชนาการของคุณ สำหรับตอนนี้ โรงพยาบาล 301 ยังไม่ได้ให้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของคุณ ไม่มีใครการันตีได้ว่าเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต”
ลู่โจวดูผลตรวจสุขภาพคร่าวๆ จากนั้นเขาก็พับมันเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ หมอเหยียนตรวจร่างกายเขาสองครั้ง และก็ไม่เจอสัญญาณของความผิดปกติ
จริงๆ แล้ว แม้ว่าลู่โจวจะรู้ว่าความพยายามในการหาสาเหตุที่เขาโคม่าจะเปล่าประโยชน์ เขาก็ยังให้ความร่วมมือด้วย
สุดท้ายแล้ว มันแค่การตรวจเลือดและปัสสาวะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“โอเค โอเคเลย ผมเข้าใจครับ” ลู่โจวพยายามเบี่ยงบทสนทนาไปจากเรื่องสุขภาพของเขาและพูดว่า “ว่าไปแล้ว คุณย้ายมาโรงพยาบาลของมหาลัยตอนไหน?”
เหยียนเหยียนตอบคร่าวๆ “เบื้องบนจัดการเรื่องนี้ มันจะสะดวกกว่าถ้าฉันทำงานที่นี่ ท้ายที่สุดแล้ว ฉันเดาว่าคุณคงไม่ค่อยแฮปปี้ที่มีฉันตามติดทั้งวัน”
เธอหยุดไปสักพักและเสริมว่า “แน่นอนว่าถ้าคุณมีแผนจะเดินทาง ฉันหวังว่าคุณจะแจ้งฉันก่อน หรืออย่างน้อยก็บอกหวังเผิง”
“โอเคเลย แต่ผมคงไม่ได้เดินทางในเร็ววันนี้”
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออก ชายชราวัยเจ็ดสิบปีที่ใส่เสื้อกั๊กขนแกะ เดินเข้ามา
ลู่โจวมองดูชายชราแล้วรู้สึกคุ้นหน้าเขา แต่เขานึกไม่ออกว่าชายชราคนนี้เป็นใคร
เขามองดูผู้มาใหม่อยู่สักพักแล้วมีชื่อหนึ่งปิ๊งขึ้นมาในความคิดเขาทันที
“นักวิชาการเหริน?” ในขณะที่ลู่โจวมองชายชรา เขารู้สึกเซอร์ไพรส์ “คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
นักวิชาการเหรินจ่างหมิง!
อดีตนักออกแบบชาวจีนของโปรเจกต์สำรวจดวงจันทร์!
ลู่โจวไม่ได้เจอชายคนนี้มาหลายปี เมื่อเทียบกับตอนที่ได้เจอเขาครั้งแรกที่งานประกวดโมเดลคณิคศาสตร์ ลู่โจวบอกได้เลยว่านักวิชาการคนนี้อายุเยอะขึ้นมาก
เมื่อห้าปีก่อน เขายืนอยู่ที่โพเดียมในโถงเลคเชอร์พูดกับนักศึกษา แต่เขาคงทำไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าลู่โจวยังจำเขาได้ เหรินจ่างหมิงยิ้มและพูดว่า “หัวหน้านักออกแบบลู่โจว คุณยังจำผมได้?”
ลู่โจวยิ้มและพูดตอบ “ผมพบกับคุณไม่กี่ปีก่อน ผมจำคุณได้อยู่แล้ว”
ตอนนั้น ชายชราคนนี้อยากชวนเขาเข้าร่วมวิศวกรรมอวกาศที่ปักกิ่ง
“นั่นมันก็หกปีมาแล้ว นานเลยทีเดียว” เหรินจ่างหมิงถอนหายใจและพูดอย่างสะเทือนอารมณ์ “เวลาผ่านไปเร็วจริง มันเพิ่งแค่หกปีเอง ร่างกายเก่าของผมสอนหนังสือไม่ไหวแล้ว”
ลู่โจวยิ้มอย่างสง่างาม เหรินจ่างหมิงนิ่งไปสักพักก่อนที่จะพูดว่า “แต่ผมดีใจมากที่ได้พบคุณ นักศึกษาที่ดีใจมากที่ได้ถ้วยรางวัลการศึกษาขั้นสูงในวันนั้น ในที่สุดก็ได้รับรางวัลโนเบล”
“เหรียญรางวัลพวกนั้นไม่ค่อยมีความหมายอะไรหรอกครับ” ลู่โจวยิ้มประหม่าและเปลี่ยนเรื่อง เขาถามว่า “ว่าไปแล้ว ทำไมคุณถึงมาที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเหรอครับ?”
เหรินจ่างหมิงยิ้มและพูดว่า “ผมกำลังเดินอยู่ที่อาคารคณิตศาสตร์แล้วผู้เฒ่าถังบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ ผมก็เลยมาหา ผมได้ยินมาว่าที่ผ่านมาคุณป่วยหนัก ตอนนี้การรักษาเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่โจวตอบว่า “ผมไม่ได้ป่วยร้ายแรงอะไร แค่โคม่าไม่กี่วันเอง ตอนนี้ผมรู้สึกดีมากแล้ว”
เหยียนเหยียนนี่นั่งอยู่ข้างเขากลอกตา
อาการโคม่าไม่ใช่การป่วยร้ายแรง?
ไม่เพียงแต่ทั้งประเทศจะห่วงสุขภาพของเขา องค์การอนามัยโลกก็ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเขา
“อยู่ในโคม่านานกว่า 20 วัน ไม่ใช่ป่วยร้ายแรง?” เหรินจ่างหมิงส่ายหน้าและพูดว่า “คุณยังอายุน้อย แต่ถ้าคุณละเลยร่างกายตัวเอง คุณจะเสียใจเมื่อคุณมีอายุเท่าผม”
ช่วงก่อนหน้า เขาก็ไม่สบายแล้วต้องอยู่ในบ้านพักจนถึงตอนนี้ ถ้าเขาไม่ได้ป่วย เขาคงไปเยี่ยมลู่โจวช่วงที่เขาอยู่ปักกิ่งแทนที่จะรอจนถึงตอนนี้
ลู่โจวมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
“คุณไม่ได้มาถึงจินหลิงแค่จะดุผมใช่ไหม?”
“ผมมาที่นี่ก็เพราะคุณ แต่ไม่ได้มาตำหนิ” เหรินจ่างหมิงยิ้มและพูดว่า “ผมได้ยินมาว่าเราเริ่มโปรเจกต์ไปดวงจันทร์อีกครั้ง และความเห็นของคุณมีค่ามากสำหรับทีมผู้นำ ในฐานะอดีตนักออกแบบโปรเจกต์ดวงจันทร์ ผมต้องขอขอบคุณ”
ถึงแม้ว่าสื่อจะพูดถึงโปรเจกต์ลงจอดบนดวงจันทร์อยู่บ่อยๆ แต่ภารกิจปล่อยตัวจริงๆ นั้นไม่ได้อยู่ในตารางของศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วกวน แผนที่เกี่ยวข้องนั้นไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล
แต่ครั้งนี้มันต่างกัน นักวิชาการเหรินสามารถสัมผัสได้ชัดว่าแผนที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ลงจอดดวงจันทร์นั้นถูกเริ่มอย่างรวดเร็วและความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาตินั้นเพิ่มขึ้น…
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชัดเจนเรื่องสถานการณ์เจาะจง ผู้คนในอุตสาหกรรมจำนวนมากนั้นก็แพร่ข่าวลือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลู่โจว
ลู่โจวพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม ผมเป็นแค่นักวิชาการที่ส่งต่อความเห็นของผมไป”
“มันโอเคเลยถ้าคุณคิดว่าผมไม่ต้องขอบคุณ แต่ยังไงผมควรขอบคุณอยู่ดี” เหรินจ่างหมิงยิ้มและพูดว่า “แต่คุณเป็นคนที่พูดไอเดียไปลงจอดดวงจันทร์ขึ้นมา ตัวโปรเจกต์ การฝึกนักบินอวกาศ และเรื่องอื่นๆกำลังถูกจัดแจง คุณจะไม่บริหารโปรเจกต์เหรอ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ผมไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ทำไมผมจะบริหารโปรเจกต์ล่ะ? เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการจะสร้างเครื่องผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชั่นสำหรับยานอวกาศค่อยมาหาผม”
เหรินจ่างหมิงพูดต่อ “แต่คุณปล่อยเรื่องนี้ไม่ได้ใช่ไหม? มันจะมีการประชุมเรื่องลงจอดดวงจันทร์ในอีกไม่กี่วัน การประชุมจะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศปักกิ่ง ไม่เพียงแต่จะมีคนจากชุมชนวิชาการจะมา แต่ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมด้วย คุณจะมาด้วยไหม?”
ลู่โจวตอบ “งานจัดขึ้นวันไหนครับ?”
เหรินจ่างหมิงตอบ “วันที่ 6 มีนาคม ถ้าคนอยากจะมา ผมจะให้ผู้จัดงานส่งจดหมายเชิญไปให้”
ลู่โจวคิดอยู่สักพัก เขาพบว่าเขาอาจจะไม่มีแผนอื่น เขาเลยตอบกลับว่า “โอเค ผมจะพักสักหน่อยแล้วเข้าร่วมการประชุม”
……………………………………………