ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 604 คอคอดที่เลี่ยงไม่ได้
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 604 คอคอดที่เลี่ยงไม่ได้
ตอนที่ 604 คอคอดที่เลี่ยงไม่ได้
ที่อีกฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก มันยังเป็นเวลาเที่ยง
หลังจากซารอดส่งอีเมล เขาไปดื่มที่บาร์จนเมา
เขาไม่เคยดื่มตอนกลางวันเพื่อที่จะทำให้สมองโปร่งสำหรับการทดลอง แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้น
ในขณะที่เขานั่งในบาร์ที่ซิลิคอนแวลลีย์ พอล ซึ่งผู้ช่วยของเขา มองดูเขาแล้วถอนหายใจ พอลพยายามปลอบใจเขา
“คิดถึงภาพใหญ่นะ การที่เอ็กซอนโมบิลซื้อห้องแล็บของคุณไม่ใช่เรื่องแย่เสียทีเดียว แม้ว่าศาสตราจารย์ลู่เป็นนักวิชาการที่ยอดเยี่ยม เขาแทบไม่ได้ให้ทรัพยากรที่มากขนาดนั้น นอกจากนี้ เอ็กซอนโมบิลจ่ายเงินซื้อเรา 50 ล้านดอลลาร์ พวกนั้นเขาไม่ปล่อยเราไว้แน่…”
ศาสตราจารย์ซารอทไม่ได้แสดงท่าทีอะไร พอลรู้ว่าคำปลอบโยนของเขาไม่ได้ผล ดังนั้น เขายักไหล่แล้วยุติประเด็นนี้
“โดยสรุป มีเงินไม่ใช่เรื่องแย่”
ซารอทหายใจฟึดฟัด “คุณไม่เข้าใจ”
พอลถาม “ผมไม่เข้าใจอะไร?”
ซารอทไม่ได้อธิบายอะไร เขาแค่หยิบขวดขึ้นมากระดกหลายอึก จากนั้นเขาเริ่มพูดเรื่องอื่น
“พอลที่รัก ผมเชื่อมาตลอดว่าการวิจัยทางวิชาการควรมีอิสรภาพ ตราบใดที่มันไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ถึงมันจะไม่ถูกต้องไปหมด ตราบใดที่คุณคิดว่ามันถูกต้อง คุณควรสนับสนุนมัน ยิ่งมีคนไม่เชื่อในคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องพิสูจน์ให้พวกนั้นเห็นว่าคุณถูก”
พอลขมวดคิ้วและพูดตอบ “ตอนนี้เราไม่มีอิสระเหรอ?”
“บางทีเราอาจจะมี” ซารอทจ้องมองเพดานแล้วถอนหายใจ “แต่เมื่อคุณไปถึงระดับผม เมื่อการวิจัยของคุณส่งผลต่อโลก…ความเข้าใจของคุณต่ออิสรภาพก็จะเปลี่ยน”
พอลไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่มองซารอท
ผ่านไปสักพัก ซารอทวางขวดเปล่าไว้ข้างเก้าอี้และหยิบอีกขวดขึ้นมา
พอลกำลังจะบอกว่าเขาดื่มมากไป ทันใดนั้นซารอทพูดขึ้นว่า “เร็วๆ นี้ผมวางแผนจะย้าย”
“ย้ายไปไหน? ห้องแล็บของศาสตราจารย์ลู่หรอ?”
“ผมไม่รู้ แต่ไม่ใช่จีน ที่นั่นมีศาสตราจารย์ลู่คนเดียว…”
ซารอทที่ถือขวดอยู่เกาหัวแล้วพูดว่า “อาจจะเนเธอร์แลนด์ ผมได้ยินว่าพ่อผมเล่าว่าครอบครัวเราเคยอยู่ในเมืองเล็กที่อูเทรคต์จนกระทั่งพวกเยอรมันทิ้งระเบิดที่รอตเทอร์ดัม…ผมไม่เคยไปที่นั่น เมื่อนานมาแล้ว มหาวิทยาลัยอูเทรคต์ส่งจดหมายเชิญให้ผมเป็นศาสตราจารย์ แต่เงินเดือนน้อยเกินและทรัพยากรก็เทียบกับมหาวิทยาลัยคอร์เนลไม่ได้…แต่เมื่อคิดถึงมันตอนนี้ มันคงอาจจะไม่แย่ที่ผมจะรับข้อเสนอนี้”
…
การวิจัยแบตเตอรี่ฟิวชั่นได้ไปถึงจุดคอคอด ปัญหาการกระจายความร้อนคอร์นิวเคลียร์ดูยากที่จะแก้ไข มีคนจำนวนมากในทีมโปรเจกต์ที่เริ่มสงสัยความเป็นไปได้ของเส้นทางเทคนิคนี้
ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นไปได้จริงหรือที่จะลดขนาดนิวเคลียร์ฟิวชั่น?
แล้วก็อินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่นในฟิวชั่นที่ควบคุมได้แบบลดขนาดเป็นไปได้จริงเหรอ?
สิ่งที่มีปัญหาที่สุดคือถ้าเขาไม่สามารถใช้สนามแม่เหล็กเพื่อรับพลังงาน วัสดุประเภทไหนที่จะสามารถใช้ยับยั้งความร้อนได้?
แต่ดูเหมือนว่าอินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่นเป็นทางเลือกเดียว สุดท้ายแล้ว มันแค่ไม่มีที่พอในยานอวกาศขนาดเล็กให้พวกเขาสร้างที่กักแมกเนติกคอนไฟน์เม้นท์สำหรับพลาสมา
ไม่มีใครมีคำตอบสำหรับคำถามพวกนี้ พวกเขาไม่มีงานวิจัยก่อนหน้าที่จะใช้อ้างอิงได้
ลู่โจวเก็บธีสิสจำนวนมากในด้านการบินและอวกาศ แบตเตอรี่ฟิชชั่น และเทคโนโลยีทำความเย็นสถานีอวกาศเพื่อที่จะหาแรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหานี้ เขาพยายามที่จะหาแรงบันดาลใจจากแหล่งข้อมูลวิจัยสาธารณะ
เอาจริงแล้ว ธีสิสพวกนี้ทำให้เขาได้แรงบันดาลใจเล็กน้อย
ยกตัวอย่างเช่น ธีสิสเรื่อง ‘การศึกษาขั้นต้นของโฟนอนในบอรอนอัลฟ่าและสารประกอบเต็มไปด้วยบอรอนรูปหลายเหลี่ยม”’ได้มีโมเดลแปลงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและถกเถียงเรื่องการกระจายอิเล็คตรอนโดยโฟนอน
การแปลงพลังงานความร้อนเป็นพลังงานไฟฟ้าก็เป็นความคิดที่น่าสนใจในบางมุม เอาจริงแล้ว แบตเตอรี่นิวเคลียร์ฟิชชั่นส่วนใหญ่ที่ใช้ในยานอวกาศจะสร้างพลังงานไฟฟ้าด้วยวิธีนี้
แต่ว่ามันจะไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ระดับพื้นฐาน
การใช้ความต่างทางอุณหภูมิระหว่างภายในยานอวกาศและภายนอกยานอวกาศอาจจะเพิ่มประสิทธิภาพของการแปลงพลังงานความร้อนเป็นพลังงานไฟฟ้า แต่มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าความร้อนมันยากที่จะกระจาย
ลู่โจวนั่งเอนหลังที่เก้าอี้ในออฟฟิศในขณะที่เขาจ้องมองเพดานแล้วกระซิบให้ตัวเองฟัง ‘ถ้าฉันสามารถลดความเร็วปฏิกิริยาฟิวชั่นที่ควบคุมได้นะ’
หรือลดพื้นที่อิกนิชั่นเร็ว…
ทันใดนั้น มีเสียงรบกวนความคิดเขา
“ศาสตราจารย์ คุณกำลังคิดเรื่องอะไร?”
จ้าวหวนยืนถือแฟ้มอยู่หน้าโต๊ะเขา และเธอมองดูเขาด้วยสีหน้าอยากรู้
ลู่โจวตอบ “เปล่า…มีอะไรล่ะ?”
จ้าวหวนพูดตอบ “นี่สัปดาห์ที่สิบแล้ว และคลาสวัสดุเชิงคำนวณของคุณกำลังจะเริ่ม นี่คือตารางคลาสของคุณ”
“โอเค งั้นวางตารางไว้บนโต๊ะผม” ลู่โจวลุกขึ้นยืนแล้วถอนหายใจในขณะที่เขาพูดว่า “ผมจะออกไปเดินเล่น ถ้ามีอะไรก็โทรมา”
“โอเค” จ้าวหวนพยักหน้า
เธอไม่รู้ว่าทำไมแต่เธอรู้ว่าศาสตราจารย์ลู่อารมณ์ไม่ดี
จริงๆ แล้ว จ้าวหวนคิดถูก ลู่โจวอารมณ์ไม่ดี เขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย
ความรู้สึกของเขาบอกว่าเส้นทางวิจัยที่เขาเลือกนั้นถูกต้อง
แต่มันดูเหมือนว่ามีบาร์เรียที่มองไม่เห็นที่ปิดกั้นเส้นทางที่ดูเป็นไปได้ตรงหน้าเขา
ลู่โจวรู้สึกดเลือนรางว่าคอคอดไม่ได้อยู่ในแผนกวิศวกรรม เขากลับรู้สึกว่าปัญหาอยู่ในด้านทฤษฎีมากกว่า
มันไม่มีรากฐานทางทฤษฎีมากพอที่จะสนับสนุนไอเดียของเขาในการลดขนาดฟิวชั่นที่ควบคุมได้
แล้วก็เขาไม่สามารถปฏิบัติกับสิ่งนี้เหมือนโทคาแมกหรือเครื่องสเตลล่าร์เรเตอร์ และการแปลงปัญหาทางทฤษฎี อย่างเช่น การฉีกแม่เหล็กไปสู่ปัญหาวิศวกรรม
‘ประสิทธิภาพการวิจัยลดลงเพราะหัวข้อการวิจัยขั้นสูงใช่ไหม?’
ลู่โจวเดินตามทางเดินต้นไม้ในมหาวิทยาลัย ทันใดนั้นเขายิ้มแล้วส่ายหัว
สองปีก่อน เมื่อเขาได้วิจัยนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้เป็นครั้งแรก เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกัน
ตอนนั้น วิธีการวิจัยของแอล-แมนิโฟลด์และสมการความต่างบางส่วนยังไม่ถูกคิดค้นขึ้น การมีอยู่ของทางออกที่ราบรื่นของสมการนาเวียร์-สโตคส์และโมเดลทฤษฎีของการไหลของพลาสมาเป็นสองปริศนาที่ไม่ได้รับการแก้ไขในด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์
หลังจากที่เขาได้แก้ไขปัญหาเชิงทฤษฎีเหล่านี้ ฟิวชั่นที่ควบคุมได้มีมูลฐานทฤษฎีเพียงพอให้มันสามารถเป็นไปได้
ถ้าไม่มีทฤษฎีพวกนี้เป็นรากฐาน มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ผลลัพธ์ของเวนเดลสไตน์ 7-X หรือเครื่องสเตลล่าร์เรเตอร์ สตาร์-1 ที่ถูกดัดแปลง
แต่คอคอดทางทฤษฎีของฟิวชั่นที่ควบคุมได้แบบลดขนาดอยู่ที่ไหนล่ะ?
ถ้าสิ่งนี้เป็นคอคอดทางทฤษฎีจริง…
ลู่โจวทางผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้และเริ่มคิดถึงปัญหาพวกนี้ในหัว เขาเดินเข้าอาคารสอนหนังสือที่เขาไปสอนตามปกติโดยไม่รู้ตัว
เขาจำศาสตราจารย์บนเวทีไม่ได้ แต่จากที่ฟังเนื้อหา เขาบอกได้ว่ามันเป็นฟิสิกส์
เขาสามารถเห็นว่านักศึกษาตั้งใจเรียนหนังสือผ่านหน้าต่างของโถงห้องเรียน
แต่เมื่อเขากำลังจะออกไป เขาเห็นคีย์เวิร์ดบางคำบนกระดานดำจากหางตา
ช่วงเวลาแห่งแรงบันดาลใจล่องผ่านร่างกายเขาไป
เขาเดินไปที่ทางเข้าด้านหลังของโถงสอนหนังสืออย่างไม่ลังเล
……………………………………………………