ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 614 เราคุยกันดีๆ ได้ไหม
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 614 เราคุยกันดีๆ ได้ไหม
ลู่โจวไม่ได้สนใจจริงๆ ว่าการรายงานจัดขึ้นที่ไหน
สำหรับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับวิชาการ เขายินดีให้คนอื่นทำแทนเขา
พูดตามปกติแล้ว การรายงานวิชาการเป็นเรื่องที่มีปัญหามากในการจัดขึ้น ไม่เพียงแต่ว่าจะต้องกังวลเรื่องการกินและการนอนของแขก แต่ยังจะต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงที่เป็นไปได้ทั้งหมดซึ่งอาจจะเกิดขึ้น แต่สำหรับมหาวิทยาลัยจินหลิง เรื่องนี้กลับตรงกันข้าม
เพราะชื่อเสียงด้านวิชาการระดับนานาชาติของลู่โจวและชื่อเสียงของการมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์ในชุมชนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ มันจึงคาดการณ์ได้ว่าจะมีคนมีชื่อเสียงหลายคนจะเข้าร่วมการรายงานครั้งนี้
การที่สามารถจัดงานสัมมนาวิชาการในระดับนี้เป็นประโยชน์ต่อสถานะทางวิชาการของมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมหาวิทยาลัยที่สนใจจะแสดงตัวเองในเวทีวิชาการระดับชาติ พวกนั้นยินดีที่จะช่วยลู่โจวดำเนินการรายงานนี้
การจัดการรายงานเป็นความสำคัญสูงสุดของมหาวิทยาลัย แผนกธุรการได้จัดประชุมหลายวัน พวกนั้นได้พูดคุยในทุกเรื่องตั้งแต่ความปลอดภัยของการประชุมจนไปถึงตำแหน่งวางแก้วน้ำและจานอาหารที่โต๊ะงานเลี้ยง
ภายในออฟฟิศของอาจารย์ใหญ่
อาจารย์ใหญ่สวี่เจอกับอาจารย์หลายคนที่เกี่ยวข้องกับงานธุรการเพื่อพูดคุยเพิ่มเติมเรื่องการจัดการของการรายงาน
แต่เขาได้ยินเสียงเคาะประตูกะทันหัน
เมื่ออาจารย์ใหญ่สวี่เห็นนักวิชาการหวังซื่อเฉิงที่ประตูออฟฟิศ เขานิ่งไปชั่วครู่
หวังซื่อเฉิงเป็นประธานของสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศจีน และเขาเป็นหนึ่งในผู้นำของชุมชนคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเหยียน ถึงแม้ว่าอาจารย์ใหญ่สวี่จะไม่ใช่นักคณิตศาสตร์ เขาก็ยังรู้ถึงชื่อเสียงด้านวิชาการของนักวิชาการหวัง
อาจารย์ใหญ่สวี่รู้เจตนาของเขาทันที
แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
“โอ้ ผู้เฒ่าหวัง อะไรหอบคุณมาจากปักกิ่งล่ะ? คุณไม่ได้บอกเลยว่าคุณจะมา”
นักวิชาการหวังซื่อเฉิงเดินไปนั่งที่โซฟา “ผมมีประชุมที่มณฑลเจียงซู หลังจากประชุมเสร็จ ผมเลยแวะมาเยี่ยมเพื่อนเก่า อะไรกัน? ผมไม่เป็นที่ต้อนรับงั้นเหรอ?”
ฮ่าๆ!
คุณไม่เคยพูดปกติกับผม แล้วตอนนี้คุณเห็นผมเป็นเพื่อน?
มีแต่ไอ้งั่งที่จะเชื่อคุณ!
“หมายความว่าอย่างไร” อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มและมองดูผู้ช่วยข้างเขา “เสี่ยวหยาง ไปเอาชามาให้นักวิชาการหวัง”
“โอเคครับ”
เสี่ยวหยางลุกขึ้นทันทีแล้วไปที่ตู้เก็บของ จากนั้นเขาหยิบชุดชาออกมา
หลังจากที่ชาพร้อม ทั้งสองดื่มชาและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง อาจารย์ที่มีความรับผิดชอบงานธุรการถูกปล่อยไว้ด้านข้าง พวกเขามองหน้ากันแล้วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง และหวังซื่อเฉิงรับมือไม่ไหวอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าเขาจะเบี่ยงบทสนทนาไปเรื่องลู่โจวและสมการหยาง-มิลส์อยู่หลายครั้ง อาจารย์ใหญ่สวี่ก็บ่ายเบี่ยงไปทุกครั้ง
เขาวางถ้วยชาลงแล้วมองอาจารย์ใหญ่สวี่
“ผู้เฒ่าสวี่ เอาตามตรง ผมมาเพื่อขอความช่วยเหลือ”
อาจารย์ใหญ่สวี่พูดตอบ “จริงเหรอ?”
หวังซื่อเฉิงกระแอม จากนั้นเขาพูดว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ศาสตราจารย์ลู่ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีถูกไหม? มันเกี่ยวกับการมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์ ศาสตราจารย์หลายคนในภาคผมดูมันและรู้สึกว่าธีสิสถูกเขียนมาดีมาก”
โถ่เว้ย
ใครจะไม่รู้ล่ะว่ามันดี?
คุณได้เหรียญฟิลด์หรือรางวัลครอฟอร์ดไหมล่ะ?
อาจารย์ใหญ่สวี่ยังยิ้มอยู่จากภายนอก แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
หวังซื่อเฉิงพูดต่ออย่างช้าๆ “แต่ผมมั่นใจว่าคุณก็รู้กฎของวิชาการ สำหรับโจทย์คณิตศาสตร์ใหญ่แบบนี้ ธีสิสมันไม่พอ แน่นอนว่าจะต้องจัดการรายงานหลายครั้งและแสดงความเห็นต่อนักวิชาการคนอื่น? โจทย์นี้จะถูกพิจารณาว่าถูกแก้ไขแล้วหลังจากตอบคำถามได้หมด”
สวี่เจี้ยนตอบ “โอ้ คุณหมายความว่าอย่างไร?”
ศาสตราจารย์หวังเลิกปกปิดเจตนา และเขาพูดว่า “ผมไม่ได้ตั้งแง่อะไร…ก็แค่ว่ามหาวิทยาลัยเหยียนอยากเชิญศาสตราจารย์ลู่ไปทำรายงาน”
“ได้สิ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ผมจะถามขอศาสตราจารย์ลู่ให้” สวี่เจี้ยนยิ้มและพูดว่า “ถ้าเขาตกลง ผมก็อนุญาต การรายงานครั้งที่สองจะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเหยียน”
นักวิชาการหวังที่มีรอยยิ้มประดับหน้าแทบจะอาเจียน
“มัน…ไม่เหมาะสมใช่ไหม?”
สวี่เจี้ยนถามอย่างมั่นใจ “มีอะไรหรือเปล่า?”
หวังซื่อเฉิงตอบว่า “อีเวนต์สำคัญระดับชาติประเภทนี้ไม่ควรจัดขึ้นที่จินหลิง มันควรจัดที่ปักกิ่ง”
สวี่เจี้ยนพูดโต้ “อ๋อ คุณกำลังดูถูกจินหลิงอยู่เหรอ?”
หวังซื่อเฉิงตบเข่าแล้วพูดสวน “ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมหมายถึงมหาวิทยาลัยเหยียนมีสถานะสูงกว่าในชุมชนคณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ และเรามีประสบการณ์ในการจัดรายงานคณิคศาสตร์ระดับชาติ ให้พวกเราทำเถอะ เราสามารถแสดงให้ชุมชนระดับชาติเห็นถึงความช่ำชองของโลกคณิตศาสตร์แห่งประเทศจีน!”
สวี่เจี้ยนพูดว่า “พวกเรามีประสบการณ์ในการจัดสัมมนาวิชาการนานาชาติ และมันเป็นหน้าที่ของเราที่จะแสดงให้โลกเห็นความแข็งแกร่งของนักคณิตศาสตร์จีน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไป”
หวังซื่อเฉิงพูดว่า “ผู้เฒ่าสวี่ คุณรู้ระดับคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง แล้วทำไมคุณยังจะสู้เรื่องนี้?
แล้วก็สวี่เจี้ยน คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ทำไมคุณถึงมายุ่งกับโลกของคณิตศาสตร์?”
แต่สวี่เจี้ยนก็ไม่ได้แฮปปี้นัก เขาไม่ได้ตบโต๊ะแต่เขาพูดอย่างไม่สุภาพ “แล้วมหาวิทยาลัยเหยียนมีเหรียญฟิลด์ไหม?”
หวังซื่อเฉิงนิ่งไปสักพักแล้วส่ายหน้า
สวี่เจี้ยนพูดต่อ “แล้วรางวัลครอฟอร์ดล่ะ?”
หวังซื่อเฉิงรู้สึกงุนงง แล้วเขาส่ายหน้าอีกรอบ
สวี่เจี้ยนพูดอีกว่า “อ่อ เรามีทั้งสองรางวัลเลย”
หวังซื่อเฉิง “…”
เวรเอ๊ย!
คุณสามารถคุยปกติกับผมได้ไหม?
เมื่อเขาเห็นว่าบทสนทนานี้ออกทะเลไป หวังซื่อเฉิงส่ายหน้าและลุกขึ้น
“ผู้เฒ่า คุณไม่มีเหตุผลเลย ผมไม่คุยกับคุณแล้ว ศาสตราจารย์ลู่อยู่ไหน? ผมจะคุยกับเขา”
“ศาสตราจารย์ลู่ไม่อยู่ที่นี่”
“เขาอยู่ไหน?”
สวี่เจี้ยนกลอกตาแล้วพูดว่า “อย่ามาถามผม ไปตามหาเขาเอง”
หวังซื่อเฉิง “…”
หลังจากที่อาจารย์ใหญ่สวี่ออกจากออฟฟิศไป อาจารย์ใหญ่สวี่มองดูศาสตราจารย์ที่งุนงงในห้อง
จากนั้นอาจารย์ใหญ่สวี่ถามด้วยท่าทีขึงขัง “คุณได้ยินที่ไอ่แก่เพ้อเจ้อมันพูดไหม?”
“เขาคิดว่าเราทำไม่ได้!”
“ผมขอย้ำอีกครั้ง การรายงานนี้จะส่งผลต่อเกียรติของมหาวิทยาลัยจินหลิง! มันจะส่งผลต่ออนาคตของเรา!
“ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นละก็ ผมจะโทษพวกคุณ!”
……………………………………………………..