ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 617 คิดถึงสิ่งเดียวกัน
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 617 คิดถึงสิ่งเดียวกัน
คำว่า “ฟิวชั่นเย็น” เป็นคำที่ดูกระอักกระอ่วนในด้านวิชาการ เพราะว่ามันไม่ค่อยมีความหมายแฝงผูกติดกับมันมาก
คอนเซปต์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1920 นักเคมีชาวเยอรมันสองคน พานิสและปีเตอร์ได้นำเสนอไอเดียของนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่อุณหภูมิห้อง เมื่อปี 1926 พวกเขาพบว่าฮีเลี่ยมซึมผ่านแร่ใยหินโดยผ่านไฮโดรเจนที่ผ่านแร่ใยหินพาลาเดียมที่ได้รับความร้อน จากนั้นพวกเขายืนยันว่าปฏิกิริยาเกิดขึ้นและตีพิมพ์งานวิจัยในเนเจอร์
เมื่อธีสิสนี้ได้รับการเผยแพร่ มันก็สร้างกระแสใหญ่ในทันที แต่มันกลับถูกวิพากษ์ทันทีโดยรัทเธอร์ฟอร์ด แล้วก็ประธานของสมาคมรอยัล เอาจริงแล้ว ในการทดลองที่ตามมา ทั้งสองไม่สามารถทำซ้ำความสำเร็จของการทดลองได้ สุดท้ายแล้ว เหตุทั้งหมดถูกมองว่าเป็นความผิดพลาด และเนเจอร์ได้ถอดธีสิสออก
ช่วงปลายยุค 1980 น่าจะเป็นช่วงเวลาที่โด่งดังที่สุดของการวิจัยฟิวชั่นเย็น ระหว่างการแถลงที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ในเมืองซอล์ทเลคซิตี้ รัฐยูทาห์ ฟลีชแมนและพอนส์ตีพิมพ์ธีสิสล่าสุด ซึ่งเกี่ยวกับนิวเคลียร์ฟิวชั่นต่อเนื่องในอิเล็คโทรดพาลาเดียมด้วยเครื่องอิเล็คโทรดน้ำน้ำหนักสูงแบบพิเศษที่อุณหภูมิห้อง
การค้นพบนี้ได้ทลายความเชื่อดั้งเดิมว่านิวเคลียร์ฟิวชั่นสามารถสร้างได้ที่อุณหภูมิหลายร้อยล้านดีกรี สิ่งนี้ยังทำให้นักวิจัยฟิวชั่นที่ควบคุมได้ซึ่งไม่ได้มีความคืบหน้าสำคัญในช่วงที่ผ่านมาได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กระแสที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ได้แพร่ไปทั่วอเมริกาเหนือและทั้งโลกอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์ลิเวอร์มอร์ พีพีพีเอลที่พรินซ์ตัน ห้องปฏิบัติการแห่งชาติบรูคเฮเวน และสถาบันวิจัยอีกจำนวนมาก แม้กระทั่งห้องแล็บส่วนตัวของ IBM ก็ร่วมการแข่งขันนี้เพื่อไล่ตามพลังงานประเภทใหม่ สื่อได้พูดถึงผลวิจัยว่าเป็น ‘ดวงอาทิตย์ในหลอดทดลอง’
แต่เวลาดีๆ คงอยู่ไม่นาน บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาและทีมทดลองมหาวิทยาลัยของยูทาห์ได้เซ็นสัญญาร่วมวิจัยและพัฒนา ในขณะที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอิตาลีได้ให้ความสำคัญ ‘การวิจัยฟิวชั่นเย็น’ สำนักเลขาธิการของรัฐสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในเบลเยียมได้มีการประชุมพิเศษกับทีมผู้เชี่ยวชาญ มหาวิทยาลัยมอสโคว์ในสหภาพโซเวียตจัดทีมวิจัยระดับโลกที่พร้อมวิจัยฟิวชั่นเย็น…หลังจากการริเริ่มทั้งหมดนี้ กระแสฟิวชั่นเย็นหมดลงภายในไม่ถึงหนึ่งปี
ความล้มเหลวทั่วโลกครั้งนี้ได้ลดความกระตือรือร้นของชุมชนวิชาการสำหรับฟิวชั่นเย็นไปทั้งหมด มีทีมวิจัยไม่กี่ทีมที่ยืนหยัดจะวิจัยในด้านนี้ต่อไป แต่ถึงแม้ว่าการวิจัยฟิวชั่นเทอร์โมนิวเคลียร์ได้ตายไปนานแล้ว นิวเคลียร์ฟิวชั่นเย็นที่ไม่เป็นที่นิยมก็ยิ่งแล้วใหญ่
สำหรับตอนนี้ ทัศนคติของชุมชนวิชาการได้ถูกปัดตกในสาขานี้ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เสียหมด แต่ไม่มีใครหวังที่จะสำเร็จฟิวชั่นเย็นได้
สำหรับเรื่องที่มันมีเส้นทางเทคนิคที่เป็นไปได้หรือไม่
พูดตามตรงนั้น มันก็มีอยู่จริง
อย่างเช่น ‘ฟิวชั่นเสียง’
แต่แม้แต่สิ่งนั้นก็ดูเชื่อถือไม่ได้
เชิ่งเซี่ยนฟู่ออกจากพื้นที่ไปและไม่ได้ตามหาลู่โจว แต่เขากลับไปที่สถาบันอะคูสติกแห่งมหาวิทยาลัยจินหลิง
ช่วงปลายยุค 1980 ทุกประเทศในโลกพยายามจะวิจัยฟิวชั่นเย็น จีนซึ่งได้ตรวจดูการเคลื่อนไหวของชุมชนวิชาการนานาชาติอย่างใกล้ชิดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ยกตัวอย่างเช่น ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์เฉินเว่ยจงจากสถาบันอะคูสติกแห่งมหาวิทยาลัยจินหลิงได้พยายามวิจัย ‘ฟิวชั่นเสียง’ แต่โชคร้ายที่เขาล้มเหลว
บทสรุปในตอนนี้คือฟิวชั่นแบบนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่มันสามารถปล่อยแสงได้
แต่ผู้คนยังไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงปล่อยแสงได้
ก่อนที่เขาจะสามารถร่างพิมพ์เขียวสำเร็จ เขาต้องขอความช่วยเหลือจากงานวิจัยของผู้มาก่อนหน้าเขา…
“ข้อมูลจากการทดลองฟิวชั่นเย็นเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน?” ศาสตราจารย์เฉินเว่ยจงพูดขึ้นหลังได้ฟังคำอธิบายของเชิ่งเซี่ยนฟู่ เขายิ้มเยาะแล้วส่ายหน้าก่อนที่จะพูดว่า “คุณกำลังเสียเวลา”
เชิ่งเซี่ยนฟู่พยายามเกลี้ยกล่อมชายชรา “เราจะรู้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่ได้ลอง?”
“ลอง? ผมใช้เวลาในชีวิตสิบปีในการลอง ผมพิสูจน์ว่าเส้นทางวิจัยนี้ไม่ได้ผล และผมไม่ได้ทำงานทั้งหมดเพื่อให้คุณได้ลองอีกภายหลัง” เฉินเว่ยจงยิ้มแล้วพูดเสียดสี “ผมผลาญงบของสถาบันไปครึ่งหนึ่ง แล้วทั้งหมดที่ผมได้มาคือกองกระดาษไร้ประโยชน์ คุณขอให้ผมปล่อยคุณให้เสียเวลามาและทรัพยากรของรัฐมากขึ้นเพื่อทำการทดลองนี้? ศีลธรรมของผมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้”
ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์ชราได้ยอมแพ้ฟิวชั่นเสียงไปเรียบร้อยแล้ว
แต่นี่ก็เข้าใจได้จากที่เขาใช้เวลาสิบปีในการเดินเส้นทางที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เพียงแต่มันจะทำให้เขาผิดหวังในด้านสายอาชีพและเป้าหมายการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้นักศึกษาและนักวิจัยที่ช่วยงานวิจัยเขาผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม…
“ผมไม่คิดว่าข้อมูลชุดนี้ไร้ประโยชน์” ศาสตราจารย์เชิ่งเซี่ยนฟู่มองเข้าไปในตาของศาสตราจารย์ชราแล้วพูดด้วยท่าทีจริงจัง “นั่นเป็นเพราะว่ามันยังไม่ได้ถูกประยุกต์”
ศาสตราจารย์ชรามองเชิ่งเซี่ยนฟู่อยู่สักพักและไม่ได้พูดอะไร เขายืนขึ้นช้าๆ แล้วออกจากออฟฟิศไป
ผ่านไปห้านาที ชายชราเดินกลับเข้ามาออฟฟิศพร้อมกับสมุดบันทึกเก่า
“สถาบันอะคูสติกไม่ได้มีงบประมาณสูงตอนที่ผมเริ่มโปรเจกต์นี้ ผมหวังว่ามันจะสร้างความสำเร็จได้บ้าง…แต่ผมล้มเหลว” ศาสตราจารย์เฉินเว่ยจงยืนสมุดที่มีข้อมูลให้เชิ่งเซี่ยนฟู่อย่างใจเย็น ศาสตราจารย์เฉินเว่ยจงมองดูเชิ่งเซี่ยนฟู่และพูดว่า “ถ้าสิ่งนี้พอช่วยคุณได้บ้าง เชิญเลย”
ถ้ามันสามารถช่วยบางคนได้จริงๆ…
ศาสตราจารย์ชรารู้สึกดีขึ้นอยู่ในใจ
เชิ่งเซี่ยนฟู่รับสมุดบันทึกแล้วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมในขณะที่พูดว่า “ผมจะใช้มันอย่างเหมาะสม”
…
หลังจากที่เชิ่งเซี่ยนฟู่ได้ข้อมูลวิจัย เขากลับไปที่สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงและเริ่มเขียนร่างพิมพ์เขียว
เมื่อเขาอยู่ที่ตะวันตกเฉียงใต้ เขากำลังศึกษาฟิสิกส์พลาสมา และมุ่งเน้นด้านวิศวกรรมมากกว่าเทคโนโลยี พอตอนนี้เขาได้ทำวิจัยในสาขาทฤษฎี เขาเลยประสบปัญหาอย่างชัดเจน
เขาไม่ได้อ่านเนื้อหาจำนวนมากมานาน แล้วเขาเกือบจะลืมพวกมันทั้งหมด ดังนั้น นอกจากการอ่านงานปัจจุบัน เขายังจะต้องอ่านตำราเพื่อทำการอนุมานเชิงทฤษฎีให้เสร็จ
โชคดีที่ความยากเข็ญพวกนี้สามารถก้าวผ่านได้
เขาใช้เวลาสิบวันสำหรับการศึกษาและวิจัยไปพร้อมกัน ในที่สุดเขาเขียนงานวิจัยชิ้นล่าสุดเสร็จ “ความเป็นไปได้ทางเทคนิคในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ” เขาหยิบงานวิจัยไปที่ออฟฟิศของลู่โจว
เมื่อเขาไปถึงออฟฟิศ ลู่โจวกำลังคิดอะไรบางอย่างระหว่างที่มองกระดาษบนโต๊ะ
เชิ่งเซี่ยนฟู่เคาะประตูอย่างแผ่วเบา “ผมมาแล้ว”
ลู่โจวไม่ได้หยุดเขียน เขาเพียงพูดว่า “อืม มีอะไรเหรอ?”
“ผมมีบางสิ่งเกี่ยวกับการลดขนาดฟิวชั่นที่ควบคุมได้…บางความคิด” เชิ่งเซี่ยนฟู่มองดูธีสิสในมือแล้วกำลังจะยื่นให้ลู่โจว แต่เขาเกิดมีความลังเล
“คุณไม่อยากให้ผมดูเหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น” เชิ่งเซี่ยนฟู่ยิ้มอย่างประหม่าและตัดสินใจ เขาวางธีสิสไว้บนโต๊ะแล้วพูด “คือว่า…อย่าหัวเราะผมหลังจากอ่านมันนะ”
“ผมไม่หัวเราะแน่นอน”
ลู่โจวหยิบธีสิสบนโต๊ะขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
เชิ่งเซี่ยนฟู่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะได้รออย่างใจเย็น จากนั้นเขาสูดหายใจเป็นรอบที่สิบ
เมื่อลู่โจวอ่านธีสิสจบในที่สุด เขายิ้มและพูดว่า “คุณช่างมีจินตนาการล้ำเลิศ”
เชิ่งเซี่ยนฟู่ยิ้มอย่างขมขื่น
ไหนบอกว่าคุณจะไม่หัวเราะเยาะไหมไง?
เขากระแอมและเริ่มพูดอธิบาย “ผมค่อนข้างมีจินตนาการ ก็อย่าถือสา ผมแค่ระดมสมองไปเรื่อย…”
“อย่าคิดว่าคุณผิด การพูดคุยทางวิชาการไม่ควรนำด้วยความถูกหรือผิด พวกเราทำผิดพลาดกันได้ หรือก็สามารถทำถูกได้” ลู่โจววางธีสิสลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “แล้วก็ครั้งนี้เราคิดถึงสิ่งเดียวกัน”
…………………………………………………..