ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 635 กุญแจหลักในการพิสูจน์ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น / ตอนที่ 636 ไปสู่ท้องฟ้า?
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 635 กุญแจหลักในการพิสูจน์ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น / ตอนที่ 636 ไปสู่ท้องฟ้า?
ตอนที่ 635 กุญแจหลักในการพิสูจน์ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น
ผลการสแกนค่อนข้างน่าพอใจ
แม้แต่เทคโนโลยีปัจจุบันของสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงก็คงไม่มีทางที่จะสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์ได้ขนาดนี้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้ปืนสแกนเนอร์จึงทำให้ความลับทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมา
หลังจากส่วนการรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้น แสงสีน้ำเงินก็เริ่มหรี่ลง และส่วนประกอบทั้งสองที่ส่องสว่างด้วยลำแสงก็กลับสู่เป็นโลหะเช่นเดิม ตอนนี้ปืนสแกนเนอร์ในมือของลู่โจว ค่อยๆ เบาลงและเบาลง จนในที่สุดมันก็กลายเป็นฝุ่นที่เหลือเพียง USB ขนาดเท่าหัวแม่มือเท่านั้น
ลู่โจวเสียบ USB เข้ากับโน้ตบุ๊กและรอ
ไม่นานการถ่ายโอนข้อมูลก็เสร็จสิ้น และUSB ก็กลายเป็นฝุ่นและหายไปในอากาศเช่นกัน
‘ช่างเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ’
ลู่โจวส่ายหัวเล็กน้อย และกดแป้นพิมพ์บนโน้ตบุ๊กของเขาสองสามครั้ง
ไม่นานก็เกิดภาพองค์ประกอบสามมิติเสนอบนหน้าจอ
ทุกรายละเอียดของส่วนประกอบตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์กำลังถูกฉายอยู่ในรูปสามมิติ
ลู่โจวมองภาพนี้ครู่หนึ่งแล้วแตะคางของเขาอย่างครุ่นคิด ลู่โจวถามเสี่ยไอ “เสี่ยวไอ คิดว่าจะสามารถสร้างแบบนี้อีกอันได้หรือเปล่า?”
เกิดหน้าต่างป๊อปอัปปรากฏขึ้นที่มุมล่างขวาของหน้าจอโน้ตบุ๊ก
[ขนาดของมันมีขนาดเล็กเกินไปฉัน ‘เกรงว่าฉันจะไม่สามารถ’ สร้างแบบอุตสาหกรรมหุ่นยนต์อย่างปกติได้ ( ╯ _ ╰ )]
“แล้วต้องใช้เครื่องมืออะไร?”
สองนาทีผ่านไป ก็เกิดป๊อปอัปอีกอันปรากฏขึ้นที่มุมล่างขวา
ลู่โจวคลิกที่ป๊อปอัปและมองดูลิสต์ที่อยู่ตรงหน้า
มันคือลิสต์อุปกรณ์การผลิตต่างๆ ตั้งแต่เครื่องตัดโลหะ ไปจนถึงเครื่องคว้านที่ประสานงานกับเครื่องยิงเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง ลู่โจวปวดหัวทันทีเมื่ออ่านลิสต์เหล่านี้
“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซื้อทุกอย่างให้ แต่อาจจะไม่ครบนะ”
ท้ายที่สุดแล้ว บางสิ่งก็ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินลู่โจวเข้าใจดี
[ตกลง! มาสเตอร์ แค่หาเท่าที่จะทำได้ก็พอ ถ้าหากมาสเตอร์ไม่สามารถซื้อบางส่วนได้ เสี่ยวไอสามารถหาวิธีให้ได้! (> ▽ <>)]
แม้ว่าจะดูน่าเชื่อถือ แต่ลู่โจวไม่รู้สึกว่าจะไว้ใจได้เลย
แต่เพราะเขาไม่มีไอเดียดีๆ กว่านี้ ดังนั้นเขาจึงต้องไปตามน้ำไป
ลู่โจวคัดลอกข้อมูลที่รวบรวมได้จากปืนสแกนเนอร์ไปยังซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของเสี่ยวไอ จากนั้นเขาจึงปิดโน้ตบุ๊ก
ลู่โจวมองไปที่เศษซากและคิดอะไรบางอย่าง
ฉันรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรกับขยะชิ้นนี้
ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วส่ายหน้า
ไม่ดีกว่าฉันจะทิ้งมันไว้ที่นี่ เผื่อว่า…
…
สมการของตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์ได้รับการพิสูจน์อย่างพื้นฐานแล้ว เหลือแค่ปัญหาเดียวในการสร้างกระสวยอวกาศ
ซึ่งก็คือฟิวชั่นควบคุมได้แบบย่อ
แต่ก่อนที่จะแก้ปัญหานี้ มันก็มีปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องได้รับการแก้ไข
นั่นคือการพิสูจน์ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น
ถ้าเขาต้องการรวมแรงแม่เหล็กไฟฟ้าและปฏิสัมพันธ์ที่รุนแรง เขาต้องอธิบายการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น สิ่งนี้จะวางรากฐานทางทฤษฎีสำหรับการพิสูจน์สมการการย่อขนาดของการหลอมรวมที่ควบคุมได้
แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น
อาจกล่าวได้ว่ารางวัลมิลเลนเนียมที่ยากที่สุดคือสมการหยาง-มิลส์
ลู่โจวใช้เวลาทั้งวันที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง และเขาไปมหาวิทยาลัยจินหลิงในเช้าวันรุ่งขึ้น
หลินอวี่เซียงซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงทางเข้าออฟฟิศได้เห็นลู่โจวกำลังเดินเข้าไปในสำนักงาน ดวงตาของเธอเป็นประกายทันที และเธอก็หยิบนิตยสารขึ้นมาและทักทายเขาด้วยรอยยิ้มทันที อ่านบทเพิ่มเติมใน vipnovel.com
“ศาสตราจารย์ นิตยสารเนเจอร์วีคลี่ได้ส่งตัวอย่างการตีพิมพ์ของพวกเขาแล้ว”
ลู่โจวหยิบนิตยสารขึ้นมาและดูปกอย่างรวดเร็ว เขามีท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
“เสร็จแล้วเหรอ?”
นักข่าวอังกฤษมักเร็วแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?
“ใช่ มันถูกส่งไปที่ห้องไปรษณีย์เมื่อคืนนี้ ฉันได้รับข้อความจากห้องจดหมายและหยิบมันขึ้นมาด้วย” มือทั้งสองของหลินอวี่เซียงอยู่ข้างหลังเธอขณะที่เธอยิ้มและพูดว่า “คุณดูหล่อมากเลยนะ บนหน้าปกนี้น่ะ”
ลู่โจวหัวเราะอย่างเคอะเขิน
แม้ว่าเขาจะเห็นด้วยก็ตาม แต่การได้ยินจากคนอื่นก็ยังทำให้เขารู้สึกอายเล็กน้อย
ลู่โจวเดินไปที่โต๊ะและนั่งลง เขาวางนิตยสารไว้ด้านข้างแล้วดึงกระดาษร่างออกจากลิ้นชักของเขาออกมา จากนั้นจึงหยิบปากกาและเริ่มทำเรื่องทฤษฎีหยาง-มิลส์ของรางวัลมิลเลนเนียม
ที่จริงแล้ว เขามีไอเดียคร่าวๆ แล้วว่าเขาจะพิสูจน์สมการนี้ได้อย่างไรเมื่อเขาพบคำตอบทั่วไปของสมการหยาง-มิลส์
โดยอ้างอิงวิธีที่เวนเบิร์กใช้ในการวิจัยปฏิกิริยาที่อ่อนแอแบบรวมเป็นหนึ่งและทฤษฎีแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ลู่โจว พยายามทำให้สนามสเกลาร์บนเวลาในอวกาศแมนิโฟลด์สำหรับสมการนี้ และสร้างแบบจำลองแรงทั้งสองเป็นกลุ่มตามรูปแบบบัญญัติ U(2)*U(1) . ส่วนประกอบทั้งสองของกลุ่มแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของแรง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่ไม่มีมวลของปฏิกิริยารุนแรงในสนามหยาง-มิลส์ได้ และรวมปฏิกิริยากับแรงแม่เหล็กไฟฟ้าให้เป็นหนึ่งเดียว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาเริ่มคิดถึงสมการนี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ลู่โจวถอนหายใจและหยุดเขียนต่อ เขารับสายแล้วนำไปแนบกับหู
“สวัสดีครับ?”
เสียงที่ไพเราะส่งผ่านโทรศัพท์โดยไม่มีการพูดคุยเล็กน้อย
“การซื้อที่ดินของคุณได้รับการอนุมัติแล้วค่ะ”
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจ
“เสร็จแล้วเหรอ?”
ถ้าเขาจำไม่ผิด เขาบอกเฉินยู่ซานเมื่อวานตอนเช้า นี่ผ่านไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง
เฉินยู่ซานยิ้ม “เมื่อสภาเทศบาลเมืองได้ยินว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีกำลังพยายามสร้างกระสวยอวกาศ พวกเขาก็หยิบแผนที่ออกมาทันทีและถามว่าเราต้องการความช่วยเหลือทางการเงินหรือไม่ หรือต้องการสร้างโรงงานกระสวยอวกาศที่ไหน คุณก็รู้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร รัฐบาลท้องถิ่นอยากให้เราจ้างคนที่นี่เพื่อทำงาน”
แน่นอนว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เฉินยู่ซานไม่ได้พูดถึง
นับตั้งแต่การประชุมในปี 2558 การรวมเทคโนโลยีทางการทหารเข้ากับเทคโนโลยีของเอกชนได้กลายเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับชาติที่สำคัญ สภาเทศบาลเมืองชอบที่จะมีบริษัทเทคโนโลยีทางการทหารในพื้นที่ของตนมากกว่านี้
ลู่โจว “เกี่ยวกับการจ้างงาน… ผมเกรงว่าพวกเขาจะต้องผิดหวังแล้วล่ะ เพราะเราไม่ต้องการคนจำนวนมากขนาดนั้น”
เฉินยู่ซานยิ้มและพูดว่า “นั่นไม่สำคัญค่ะ เพราะสภาเทศบาลเมืองชอบกลยุทธ์ของบริษัทของเรา และพวกเขายินดีให้ความร่วมมือเสมอ”
ลู่โจวจึงไม่มีอะไรจะพูดอีก
แต่จู่ๆ เขาก็นึกบางอย่างออก
“ใช่ ผมต้องการให้คุณช่วยฉันซื้ออุปกรณ์บางอย่าง”
เฉินยู่ซาน “อะไรเหรอ?”
ลู่โจวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อุปกรณ์การผลิตทางอุตสาหกรรมบางอย่าง… มันค่อนข้างเยอะ ดังนั้นผมจะส่งไปที่อีเมลของคุณให้แทน”
……………………………………………
ตอนที่ 636 ไปสู่ท้องฟ้า?
ที่สำนักงานของจินหลิงเดลี่…
จางอี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาที่กองบรรณาธิการ เขาจ้องมองแบบร่างการสัมภาษณ์ในมืออย่างพิถีพิถัน
กองบรรณาธิการมีการประชุมแบบสั้นๆ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เนื่องจากสภาเมืองขอให้พวกเขาเขียนสตาร์สกายเทคโนโลยีในข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการบินและอวกาศในจินหลิงให้ อีกทั้งยังขอให้พวกเขาลงในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ฉบับต่อไปและร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์จินหลิงในการเผยแพร่ข่าวอีกด้วย
จางอี้เป็นหนึ่งในนักเขียนชั้นนำของจินหลิงเดลี่ ดังนั้นเขาจึงได้รับงานเขียนข่าวประชาสัมพันธ์นี้
เขาอ่านร่างบทสัมภาษณ์จากสภาเมืองซ้ำแล้วซ้ำเล่าและจ้องไปที่ชื่อของบริษัทสตาร์สกายเทคโนโลยีอย่างสงสัย ขณะที่เขาอ่าน เขาก็ลูบคางไปด้วย
“สตาร์สกายเทคโนโลยี… ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นๆ จัง?”
ผู้เฒ่าอู๋ที่นั่งถัดจากเขากำลังมองมาที่จางอี้ด้วยท่าทางประหลาดใจ
“นี่คุณไม่รู้เกี่ยวกับสตาร์สกายเทคโนโลยีเลยเหรอ? พวกเขาเป็นบริษัทชั้นนำอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมวัสดุแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์เชียวนะ! ฉันจำได้ว่าพวกเขาได้ออกข่าวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยและพัฒนาการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของแท้เลยล่ะ”
ผู้เฒ่าสวี่ซึ่งนั่งถัดจากพวกเขาทั้งสองได้เข้าร่วมการสนทนาด้วย
“ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทนี้ พวกเขาค่อนข้างที่จะบ้าเอามากๆ! นั่นทำให้มีข่าวลือไปทั่วเลยล่ะ เรื่องที่สัปดาห์ที่แล้วสตาร์สกายเทคโนโลยีเพิ่งจะลงทุนในบริษัทจ้งซานซินฉายและเข้าสู่อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียม-ซัลเฟอร์อีกด้วย ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทจ้งซานซินฉายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสิบจุดเชียวล่ะ! แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักหรอกนะ เพราะประเด็นหลักคือผู้ถือหุ้นสตาร์สกายเทคโนโลยีต่างหาก ลองเดาสิว่าเขาคือใคร?”
“ใครเหรอ?”
ผู่เฒ่าสวี่ลดเสียงของเขาลงและกระซิบบอกทั้งสองคน “ถ้าว่ากันตามข่าวลือแล้วล่ะก็ คนนั้นๆ คือศาสตราจารย์ลู่จากมหาวิทยาลัยจินหลิงน่ะ”
จางอี้หยุดไปชั่วขณะ
“ศาสตราจารย์ลู่? ศาสตราจารย์ลู่คนนั้นน่ะนะ?”
ผู่เฒ่าสวี่กล่าวต่อ “ไม่จริงน่า! นอกจากคนนั้นๆ แล้ว มันมีศาสตราจารย์ลู่ในมหาวิทยาลัยจินหลิงอีกกี่คนกันแน่เนี่ย!”
ศาสตราจารย์ลู่จากมหาวิทยาลัยจินหลิง?
เขาคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของสตาร์สกายเทคโนโลยีไม่ใช่เหรอ?
จางอี้รู้สึกประหลาดใจ
เมื่อไม่นานมานี้ จินหลิงเดลี่ได้รายงานเกี่ยวกับรายงานทางวิชาการสมการหยาง-มิลส์ที่เกิดขึ้นในหอประชุมใหญ่ที่วิทยาเขตเก่าของมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาคนนั้นคือคนที่เขียนบทความชิ้นนั้นขึ้นมา
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้ตกใจไม่ใช่แค่ความสำเร็จทางวิชาการของลู่โจว เพราะลู่โจวเป็นถึงหัวหน้านักออกแบบของโปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล และผู้ชนะเหรียญฟิลด์ เขาไม่แปลกใจถ้าหากว่าลู่โจวจะชนะรางวัลระดับโลกอีกซักรางวัล
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือไม่เพียงแต่ลู่โจวจะไปถึงในแวดวงวิชาการและโลกธุรกิจได้เท่านั้น แต่เขายังจะสร้างกระสวยอวกาศอีกด้วย…
จางอี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งกับชายคนนั้นเอามากๆ
เขายังเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหมเนี่ย?
ผู้เฒ่าสวี่เห็นว่าจางอี้นิ่งไป เขาจึงพูดต่อ
“อย่าคิดมากเลย แค่ทำตามข้อกำหนดและเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ก็พอแล้ว!”
จางยี่จ้องไปที่เอกสารในมือและคิดอยู่สักพักก่อนที่เขาจะบ่นอุบอิบ “ฉันคิดว่ารายงานนี้ยังน่าตกใจไม่พอนะ”
“ตกใจ?”
“ใช่” จางอี้พยักหน้า “ไม่มีใครรู้ว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีนั้นคืออะไร ถึงเราจะเขียนรายงานนี้ออกไป ก็จะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้…”
เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “ถ้าเราใช้ชื่อลู่โจวแทนสตาร์สกายเทคโนโลยีล่ะ?”
…
จางอี้บอกผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับไอเดียนี้ และมันก็ได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
สภาเทศบาลเมืองต้องการจะทำแบบนี้ ดังนั้นยิ่งประชาสัมพันธ์ไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น
จาง ยี่ได้เปลี่ยนการมุ่งประเด็นจากสตาร์สกายเทคโนโลยีไปที่ลู่โจวอย่างมาก ในการรายงานข่าวนี้
และจากปฏิกิริยาจากประชาชนทั่วไปนั้นทำให้ดูเหมือนว่ามันเป็นไปได้ด้วยดีเลยทีเดียว
หลังจากที่จินหลิงเดลี่ได้ตีพิมพ์ฉบับล่าสุดออกไป มันก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตภายในวันเดียวกันทันที ราวกับว่ามันเกิดพายุในโซเชียลมีเดียของจีน
ศาสตราจารย์ลู่วางแผนที่จะสร้างกระสวยอวกาศเหรอ?
ชาวเน็ตที่ทราบข่าวถึงกับพากันอึ้ง
ก่อนหน้านี้อินเทอร์เน็ตเกือบจะระเบิดกับการพิสูจน์สมการหยาง-มิลส์ แต่นี่ยังผ่านไปไม่ถึงสองสัปดาห์กลับมีข่าวใหญ่ขึ้นอีกครั้ง มันเกินความคาดหมายของทุกคน หลังจากที่สื่อหลายสำนักรายงานข่าวนี้ มันก็ได้ไปโผล่อยู่หลายเพจใหญ่ๆ ทั้งอินเทอร์เน็ต
[ให้ตายเถอะ! ท่านเทพลู่กำลังจะไปอวกาศเหรอ?]
[คิดว่างั้นนะ ฉันเพิ่งเห็นเขาในเนเจอร์ วีคลี่ตอนนี้เขากำลังขึ้นเทรนด์อีกครั้งแล้ว]
[ว้าว คุณอ่านวารสารวิชาการอย่างเนเจอร์ วีคลี่ด้วยเหรอ?]
[ลู่โจว คุณช่วยเป็นหัวหน้าของฉันได้ไหม…]
[ใช่ ท่านเทพลู่ ได้โปรดรับข้าเป็นลูกศิษย์ด้วย…]
สำหรับในกระดานสนทนาออนไลน์ของจีน
พวกเขาอภิปรายเรื่องนี้อย่างเต็มที่
[ท่านเทพลู่กำลังค้นคว้าการมีอยู่ของปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นไม่ใช่เหรอ? สมการรางวัลสหัสวรรษหนึ่งเกี่ยวกับสมการหยาง-มิลส์]
[ไม่มีความรุ่งโรจน์ในวิชาการหรอก เขาแค่หลอกคนเพื่อหาทุนเท่านั้นแหละ]
[นี่ไม่ใช่การหลอกลวงจริงๆ ใช่มั้ย? เขาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาโปรเจกต์ลงจอดบนดวงจันทร์ แน่นอนว่าเขามีความเข้าใจในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศสินะ? นอกจากนี้ เขายังลงทุนด้วยเงินจำนวนมากด้วยตัวเขาเอง ถึงสองร้อยล้าน]
[ไร้สาระน่า เขาเป็นนักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ ฉันเชื่อได้ว่าเขาคิดค้นนิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ แต่เขาจะไปในอวกาศได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องตลกสิ้นดี อีกอย่างใครจะไปสนว่าตัวเองลงทุนด้วยเงิน เขาก็แค่พยายามหลอกล่อคนอื่นเท่านั้น เขาจะแสร้งทำเป็นสร้างยานอวกาศและรอให้นักลงทุนโง่ๆ ทุ่มเงินมหาศาลให้กับเขา จากนั้นเขาจะปิดบริษัท]
[ทำไมคุณดูหงุดหงิดจัง? ฉันสามารถสัมผัสอาการของคุณจากที่นี่ได้เลย]
ภายในออฟฟิศในอาคารคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง
ลู่โจวนั่งอยู่หน้าโต๊ะของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรขณะที่เขาดูเหล่าข้อความบนเวยป๋อ
เขาแค่อยากจะเล่นโทรศัพท์ในช่วงพักเที่ยงเท่านั้น แต่เมื่อเขาเปิดเวยป๋อเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจำนวนมาก
จริงๆ เขาคิดไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ นับตั้งแต่จินหลิงเดลี่ได้ตีพิมพ์บทความของเขาไป เขาก็ได้รับโทรศัพท์หลายสายที่โทรมายังออฟฟิศ ทุกคนต่างขอสิ่งต่างๆ มากมาย บางคนถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน บางคนขอเงินกู้จากเขา และบางคนขอให้เขาไปนัดบอด
โชคดีที่ด้วยความช่วยเหลือจากหลินอวี่เซียง ทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เข้าถึงการละเมิดตัวเขา
การรับโทรศัพท์ทั้งวันค่อนข้างเหนื่อยเอาการ
ลู่โจวจึงปิดโทรศัพท์และพักผ่อนบนเก้าอี้ออฟฟิศจากนั้นเขาก็หลับไป แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกออฟฟิศ
ลู่โจวได้ยินเสียงเคาะประตูสองครั้ง จากนั้นเขาก็เห็นอาจารย์ลู่เดินเข้ามา
ชายชราไม่ทักทายใดๆ และถามตรงๆ ว่า “คุณไม่ได้ค้นคว้าการดำรงอยู่ของปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นต่อแล้วเหรอ?”
………………………………….